ตอนที่ 2-2
คำถามแรกออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มสีเรื่อ ที่ลิปสติกยี่ห้อไหน ก็คงแต่งแต้มสีนี้ได้ไม่น่าจูบเท่ากับกลีบปากคู่อิ่มนี้อีกแล้ว
“คุณชื่ออะไรครับ เอ่อ...คุณประสบอุบัติเหตุ จำได้ไหม? ไม่ต้องกลัวนะ ผมเป็นหมอ ผมช่วยคุณไว้ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
“ชื่อ...”
เธอเอ่ยทวนอย่างงงๆ มองหน้าเขาแล้วสั่นหน้าน้อยๆ พลางกุมศีรษะ รู้สึกปวดร้าวไปทั้งบริเวณขมับ เมื่อพยายามเค้นความทรงจำของตนเอง
ชื่อ...ชื่อ....ชื่อ..
เราชื่ออะไร?
เราเป็นใคร?
“ครับ คุณชื่ออะไร”
เห็นอาการของเธอแล้ว เขานึกเป็นห่วงมากทันที ดูคนไข้ปริศนาของเขาจะเกิดอาการแอมนีเซียขึ้นแล้วหรือเปล่านะ? ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย แบบนี้เขาจะต้องพาเธอไปตรวจให้เร็วที่สุดเสียแล้ว การกระทบกระเทือนที่สมอง บางทีก็ส่งผลกับความจำ คนไข้อาจจะความจำเสื่อมชั่วคราวเพราะช็อก หรือถูกกระทบกระเทือน เขาจะต้องพาเธอไปตรวจกับแพทย์เฉพาะทางอย่างเร็วที่สุดเสียแล้ว
“ฉัน...ฉัน ขอโทษ ฉันจำไม่ได้ ฉันขอโทษ”
เสียงหวานเอ่ยละล่ำละลัก ร้องไห้โฮออกมาอย่างขวัญเสีย เมื่อเธอร้องไห้ หมอหนุ่มถึงกับผวาเข้าไปหา แล้วโอบเธอมาปลอบประโลม อาการราวกับลูกนกหลงรังของเธอนั้น ทำให้เอกเอื้อ สงสารเธออย่างมาก
“ใจเย็นๆ ครับ ค่อยๆ คิด เดี๋ยวเราไปโรงพยาบาลกันนะ ให้หมอดูอาการสักหน่อย พักสักนิด เดี๋ยวคุณหายช็อกแล้ว ก็จะจำอะไรได้เอง”
“สัญญานะคะ อย่าทิ้งฉันนะคะ ฉัน...ฉันกลัว”
อะไรบางอย่างในตัวผู้ชายคนนี้ ทำให้เธออยากจะยึดเหนี่ยวเขาไว้เป็นที่พึ่ง เมื่อแรกลืมตาเธอเห็นใบหน้าอันอ่อนโยนของเขา นัยน์ตาที่เอื้ออารี ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าเขาพึ่งพาได้ และจะไม่ทำร้ายเธอแม้แต่ปลายเล็บ
ทำร้าย...
ภาพใบหน้าถมึงทึงน่ากลัว ผุดขึ้นในความทรงจำอีกหน ทำให้หญิงสาวสะอื้นอย่างหวาดกลัว เธอหลับตาแน่น น้ำตายังคงไหลไม่ขาดสาย เธอไม่อยากคิดถึง ไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำอะไรอีก ถ้ามันจะน่ากลัวขนาดนั้น เธอกลัวเหลือเกิน
ร่างบางนั่นสั่นอีกหน เอกเอื้อปลอบโยนให้เธอค่อยดีขึ้น แล้วตัดสินใจรีบพาเธอไปโรงพยาบาล บางทีเขาอาจจะต้องดูแลเธอนานอีกหน่อย ถ้าเธอเป็นแอมนีเซียขึ้นมาจริงๆ เขาจะทำอย่างไรดีนะ จะปล่อยเธอไว้ที่โรงพยาบาลแล้วสืบหาญาติให้เธอ หรือว่าพาเธอไปหาตำรวจดีหนอ
คิดอย่างสับสนวุ่นวาย เมื่อรอนายแพทย์รุ่นพี่ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านสมอง ดูแลอาการของเธอ หญิงสาวที่เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ เธอน่าสงสารมาก และเอกเอื้อถือเป็นหน้าที่ของตนในฐานะพลเมืองดี ที่จะช่วยเหลือเธอ ตอนนี้เขารอฟังอาการของเธออย่างเคร่งเครียด
“ความจำเสื่อมชั่วคราวน่ะ เอ็กซ์เรย์แล้วไม่มีแผล ไม่มีเลือดคั่ง ถ้าหายช็อกแล้วก็จะดีขึ้น คนไข้น่าจะเจอกับอะไรที่ทำให้ตกใจสุดขีด แล้วแผลโดนทำร้ายอีก ก็เลย..ดับสวิตซ์ตัวเองเสียเลย พี่เคยเจอเคสแบบนี้อยู่นะหมอเอื้อ แต่อาการพวกนี้คนไข้มักจะหายได้เอง ได้ความทรงจำคืนกลับมาเอง นายไม่ต้องห่วงหรอก”
“ครับ”
“ญาตินายหรือ?”
“คือ...”
“หมอ...หมอเอื้อคะ”
เสียงหวานสั่นๆ เอ่ยเรียกเขา มันทำให้เขามองหาคนเรียกทันที คนไข้ปริศนาของเขานั่นเอง เธอยืนตัวสั่น หน้าซีดอยู่ตรงนั้น เธอจำชื่อของเขาที่บอกกับเธอได้ สายตาแบบนั้น ท่าทางแบบนั้น ทำให้เอกเอื้อตัดสินใจได้ในทันทีว่า เขาจะอุปาการะคนไข้คนนี้ไว้ จนกว่าอาการเธอจะดีขึ้น ความทรงจำของเธอจะกลับมา
จริงๆ แล้วเขาไม่ต้องรับผิดชอบขนาดนี้ก็ได้ แต่นัยน์ตากลมโตแป๋ว เหมือนนางกวางระแวงภัย ที่มองมายังเขา มันเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ แค่นี้ใจเขาก็อ่อนยวบ อยากช่วยเหลือ อยากดูแล จนกว่าเธอจะหายดี
“ขอตัวก่อนนะครับพี่ ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลให้”
“ไว้อาทิตย์หนึ่งพี่จะนัดตรวจอาการเป็นระยะนะ ก็พยายามให้คนไข้อยู่กับสิ่งที่คุ้นเคย เดี๋ยวทุกอย่างก็จะค่อยๆ คืนกลับมาเองนั่นแหละ พี่มีจ่ายยาให้ด้วยสองสามตัว ไม่ต้องห่วงมากหรอกหมอเอื้อ”
แพทย์รุ่นพี่ตบบ่าเขาเบาๆ เอกเอื้อพึมพำขอบคุณ หญิงสาวยืนตาแป๋วรับฟังอยู่ข้างๆ เธอเกาะแขนเขาแน่น เหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงที่พึ่งเดียวที่เธอมี เมื่อไปนั่งรอรับยาด้วยกัน เธอจึงตัดสินใจเอ่ยถามเขา
“คุณหมอ”
“ครับ?”
หมอเอื้อหันมามองเธอแล้วเลิกคิ้ว แต่ก่อนจะได้ทันพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน หมายเลขของคนปลายสายทำให้เขาลอบถอนใจก่อนจะกดรับ
“ครับคุณย่า มาถึงแล้วหรือครับ พอดีว่าผมติดเวร เลยไม่ได้ไปรับคุณย่าน่ะครับ”
“ย่ะ มาถึงแล้ว ย่าจะนอนกับแกนะมาหนนี้ นี่กำลังเกณฑ์ให้เด็กรับใช้ของแกทำความสะอาดห้องหับอยู่ อ้อ...ย่ามีแขกพิเศษมาด้วย คือหนูลูกแก้ว เราจะอยู่กับแก อิอิ”
“อะไรนะครับ”
“รีบกลับมาล่ะหมอเอื้อ มาไวๆ เข้า ย่าคิดถึง จะได้คุยกับเราถึงการหมั้น แล้วก็การแต่งงานเสียเลย”
“ฉิบหายล่ะ คุณย่าเอาจริง”
คุณหมอหนุ่มอุทาน แล้วเขาก็ดึงคนที่ยังคงนั่งงงอยู่ข้างๆ ให้ลุกพรวดขึ้นมา จะอย่างไรเขาก็ต้องช่วยดูแลรับผิดชอบเธอจนกว่าเธอจะหายดี ช่วยดูแล ช่วยรับผิดชอบทั้งที่ไม่รู้ชื่อนี่แหละ
“คุณหมอ”
เธอมองหน้าเขา ตอนนี้เอกเอื้อกำลังขับรถด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ปาดซ้ายขวาจนน่าตกใจ มือบางจับตรงบริเวณประตูรถเกร็งแน่น คิดจะถามไถ่ถึงสิ่งที่สงสัยว่าตกลงแล้วเธอเป็นใคร? ชื่ออะไร เป็นอะไรกับเขา การทดสอบและตรวจอาการมากมายจากคุณหมอ ทำให้เธอยิ่งปวดหัวหนัก และเครียดที่จำอะไรไม่ได้เลย แต่คุณหมอท่าทางใจดีที่ตรวจอาการเธอ บอกกับเธอว่าเธอคงจะเป็นญาติกับหมอเอกเอื้อ เขาถึงได้พาเธอมารักษาด้วยตัวเอง และดูแลเป็นอย่างดี
เธอเป็นอะไรกับผู้ชายคนนี้กันนะ
หญิงสาวยังคงคิดสงสัย ชื่อตัวเองยังจำไม่ได้ เธอจำเขาไม่ได้ จำใครก็ไม่ได้ โอ...มันช่างเป็นความรู้สึกที่เคว้งคว้าง และน่าหวาดกลัวมากนัก
“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันครับ เอ่อ...” เขาจำได้ว่าเธอมีสร้อยเส้นบาง ที่ห้อยตัวอักษร บี
“คุณบี ผมจะเรียกคุณว่าคุณบีก็แล้วกัน”
“บี? ฉันชื่อบีหรือคะ” มันไม่ค่อยคุ้นเลยแหะ
“ครับ อย่าเพิ่งถามอะไรผมตอนนี้ ผมต้องการสมาธิอย่างมาก ผมจะต้องไปถึงบ้านให้เร็วที่สุด”