4
Chapter 4
... โดยไม่ฉุกใจคิดถึงคำพูดของแม่เลี้ยงสักนิด ว่าเป็นการยั่วยุกระตุ้นให้เธอทานอาหาร มีความห่วงใยที่แฝงเอาไว้ในคำพูด
เธอกลัวว่าจะเสียบิดาอันเป็นที่รักให้หญิงสาวที่จะมาเป็นแม่เลี้ยง เพราะขึ้นชื่อว่าแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงมักมีข่าวไม่ดีเสมอ
“คุณทำได้ยังไง สายบอกว่ายัยบัวทานอาหารหมดเกลี้ยงเลย”
ทรงศักดิ์กอดร่างภรรยาบนเตียง ถามด้วยความอยากรู้ มือใหญ่ลูบไล้แขนเปลือยเล่น
“พื้นฐานหนูบัวเป็นเด็กจิตใจดี แกคงคิดว่าพรจะมาแย่งความรักของคุณไปจากแก หนูบัวเลยต่อต้าน เอาไว้เป็นหน้าที่ของพรเถอะค่ะ ลูกของคุณก็เหมือนลูกของพร พรจะรักแกไม่ให้แกคิดว่าขาดแม่อีก”
พรพิมลลูบแผงอกกว้างที่อุดมไปด้วยขนดกหนาเบาๆ ยั่วเย้าอารมณ์นายหัววัยสี่สิบได้เป็นอย่างดี
“ผมฝากลูกไว้กับคุณด้วยนะพร บางครั้งผมงานยุ่งไม่ค่อยมีเวลาให้แก อยากให้แกมีแม่เหมือนคนอื่นๆ เค้าก็เท่านั้น”
ทรงศักดิ์พูดเสียงอ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงบุตรสาว พรพิมลรับรู้โดยทันทีว่าเขารักลูกสาวเพียงใด
“อย่าห่วงเลยค่ะ พรอยากมีลูกสาวอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญดินจะได้มีน้องสาวอีกด้วย เห็นดินดีใจใหญ่ที่ได้เจอหนูบัว พูดไม่ขาดปากว่าน้องน่ารักมาก”
พรพิมลจูบแก้มสามีเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ การที่คนสองคนตกลงครองคู่อยู่ด้วยกันนั้น ต้องรับรู้ว่าอีกฝ่ายมีพื้นฐานชีวิตเป็นเช่นไร ต้องรับได้ในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น ปรับตัวเข้าหากัน เข้าอกเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ชีวิตถึงจะมีความสุข หากมีแต่ทิฐิ มีความเห็นแก่ตัวชีวิตคู่ก็ไร้ซึ่งความสุข
“ผมดีใจที่ได้เจอคุณ”
ทรงศักดิ์จูบหน้าผากภรรยาเบาๆ พรพิมลไม่เคยเรียกร้องอันใดจากเขา หลังจากที่ได้รู้จักกันหลายเดือน ถ้าจะกล่าวก็เกือบปีด้วยซ้ำ เวลาเขาเคร่งเครียด มักได้คำพูดปลอบโยนและการเอาอกเอาใจที่ดีจากเธอ รับฟังปัญหาของเขาอย่างสนใจ ทำให้เขาผ่อนคลายที่ได้ระบายเรื่องอัดอั้นตันใจออกมา
... มันไม่ใช่ความรักระหว่างหนุ่มสาวที่หวือหวา แต่เป็นความรักความห่วงใย ความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจกันเสียมากกว่า
“พรต้องขอบคุณคุณมากที่รับเราสองแม่ลูกมาอยู่ด้วยค่ะ”
พรพิมลบอกด้วยความซาบซึ้งใจ เธอตั้งใจไว้ว่าจะดูแลทรงศักดิ์และพลอยชมพูให้ดีที่สุด นั่นคือความตั้งใจของเธอเมื่อตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่กับเขา
ทรงศักดิ์หอมแก้มภรรยาซ้ายขวาก่อนขึ้นทาบทับด้วยความเสน่หา
“ผมขอนะ รอคุณมาหลายเดือนแล้ว”
นายหัววัยสี่สิบขอตรงๆ พรพิมลยิ้มหวานเอาใจ มือลูบแผงอกกว้างที่อุดมไปด้วยเส้นขน
ทรงศักดิ์มีผิวสีแทน ร่างกายบึกบึนกำยำบ่งบอกถึงการทำงานกลางแจ้ง เขายังดูหล่อเหลาไม่เหมือนคนอายุสี่สิบเลยสักนิด เรือนกายอุดมไปด้วยมัดกล้าม ดูเป็นชายชาตรีที่แข็งแกร่งยิ่งนัก
พรพิมลรับคำโดยการเผยอปากให้สามีจุมพิตเร่าร้อน มือนุ่มลูบไล้ร่างบึกบึนอย่างเอาใจ ก่อนปลดกระดุมเสื้อของเขาออกคล่องแคล่ว
ทรงศักดิ์ครางเบาๆ ภรรยาไล้มือไปตามสาบเสื้อเมื่อจัดการกับกระดุมจนหมดเม็ดสุดท้าย เสื้อนอนจึงถูกถอดออกง่ายดายด้วยความร่วมมือของเขาเอง
พรพิมลผลักร่างสูงใหญ่ของสามีนอนลง แม้ระหว่างที่คบกันเขาจะให้เกียรติเธอเสมอไม่ว่าจะเป็นแม่หม้ายสามีตายก็ตาม
เขาไม่เคยล่วงเกินกว่าการกอดจูบลูบสัมผัส อยากทำให้เขามีความสุขที่สุด เธอรู้จักการเอาอกเอาใจสามีเพราะผ่านประสบการณ์แต่งงานมาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาเคอะเขินอะไรมากนัก
หาญ... ซึ่งเป็นอดีตสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติมากมายเอาไว้ แต่เธอมิอาจดูแลได้ตามที่ควรจะเป็น หัสดินยังด้อยประสบการณ์ที่จะควบคุมดูแลคนงานมากมายของสามีได้
พายัพน้องชายของสามีกลับได้รับการโอนทรัพย์สมบัติทั้งหมดเป็นของตน ทั้งที่ควรจะเป็นหัสดิน หลักฐานการโอนทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เรียบร้อย จนเธอทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเธอและลูกชายจึงเหลือแต่ตัวแบบไม่คาดคิดมาก่อน
หรืออาจเป็นเพราะเธอไม่ได้ต้องการเรียกร้องอันใดให้ยุ่งยาก ด้วยความเป็นห่วงหัสดิน พายัพค่อนข้างอารมณ์ร้อน หากไม่พอใจขึ้นมาอาจมีปัญหาตามมาอีกมากมาย เธอกับลูกไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อกรกับเขาได้เลย
แม้ทรงศักดิ์จะต้องการช่วยเหลือ แต่เธอไม่อยากให้มีเรื่องแย่งชิงสมบัติ รวมถึงการฟ้องร้องเกิดขึ้น จึงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะไม่ยุ่งกับทรัพย์สมบัติดังกล่าวอีก ทรงศักดิ์จึงไม่ได้ทัดทานอันใดอีก
... แต่พรพิมลไม่รู้ว่าสามีที่กำลังกอดเธออยู่ในอ้อมแขนกำลังรอเวลาเท่านั้น รอให้หัสดินเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้
การที่นายหัววัยสี่สิบยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้เธอซาบซึ้งน้ำใจของเขา ความใกล้ชิดที่มีให้กัน ทำให้เธอยอมตกลงปลงใจมาอยู่กับเขาในฐานะภรรยา
ในใจคิดเสมอว่าการที่สามีฝากเธอและลูกกับเพื่อนรักแทนที่จะเป็นน้องชายคนเดียว มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
หัสดินรู้ข้อนี้ดี แต่เพราะคำสั่งสอนที่เธอมักพร่ำบอกเสมอว่า อะไรก็ตามที่เป็นของเรา เช่นไรเสียมันต้องเป็นของเราอยู่วันยังค่ำ หากไม่ใช่ของของเรา ทำเช่นไรก็ไม่ใช่ของของเรา แม้จะไขว้คว้าจนเหนื่อยก็อาจได้เป็นเจ้าของเพียงแค่ไม่นาน แล้วสิ่งสิ่งนั้น ต้องกลับไปเป็นของเจ้าของเดิมของที่แท้จริง เหมือนดั่งคนที่โกงของคนอื่น สักวันต้องสูญเสียสิ่งที่โกงมาเพราะได้มาด้วยความไม่สุจริตใจ สิ่งนั้นไม่ใช่ของเขาตั้งแต่แรกที่ควรจะเป็น หัสดินจึงทำใจได้ในข้อนี้
ร่างของภรรยาที่ลุกไปยืนข้างเตียง เปลื้องชุดนอนบางเบาออกจากกาย ทำให้ทรงศักดิ์หายใจติดขัด ด้วยความต้องการที่ร้างลามานานทำให้เขาตื่นตัวอย่างเต็มที่
พรพิมลดึงกางเกงนอนของสามีออกแผ่วเบา เขาอำนวยความสะดวกโดยการยกสะโพกสอบให้ไม่อิดออด
แม่หม้ายสาวพาร่างมาแอบอิงแนบชิด ประกบริมฝีปากหนาขบดูดหนักๆ กายเปลือยเปล่า ถูไถเสียดสีกับผิวแน่นเรียบตึงของนายหัวหนุ่มใหญ่
ริมฝีปากอิ่มเอิบลากผ่านไปตามผิวกายชาย ตวัดลิ้นเล็กอุ่นร้อนออกมากวาดเลียทุกสัดส่วนที่สามารถสัมผัสได้
“คุณจะกินผมเป็นอาหารหรือไง”
ทรงศักดิ์พูดกลั้วหัวเราะ พรพิมลหน้างอเล็กน้อยก่อนผละห่าง
“อย่าล้อสิคะ คนบ้า พรจะรู้ได้ไง... ว่าคุณชอบแบบไหน”
เธอบิดหัวนมเขาด้วยความหมั่นไส้ นี่เป็นกิริยาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันเท่านั้น คนภายนอกไม่มีวันได้เห็น ลูกน้องและคนงานจะเห็นทรงศักดิ์ในแบบที่เขาเป็น เป็นที่เกรงใจและเด็ดขาดอยู่ตลอดเวลา
“ผมชอบแบบนี้ที่สุด แต่อยากกินคุณก่อนได้ไหม”
นายหัวหนุ่มใหญ่พลิกร่างภรรยานอนลงบนเตียง พรพิมลโอบรอบคอหนาของสามีส่งสายตายั่วยวนให้อีกฝ่าย
ทรงศักดิ์แทบลุกเป็นไฟ ร้อนระอุด้วยความต้องการ เขาแทะเล็มริมฝีปากไปทั่วซอกคอหอมกรุ่น ระเรื่อยลงมายังทรวงสาวอวบใหญ่
“อุ๊ย!”
พรพิมลตีมือซนของสามี เขาบีบเคล้นแล้วเขย่าเล่นด้วยความชอบใจ
“ไม่ชอบเหรอ”
เขาหัวเราะขำคนหน้างอที่กำลังทำแก้มป่องเหมือนสาวๆ ไม่มีผิด
“คุณน่ะ เล่นเหมือนเด็กๆ ไปได้”
เธอว่าให้ ค้อนใส่เสียหลายครั้ง ทรงศักดิ์ยังเขย่าปทุมถันทั้งสองข้างไปมาอย่างหยามใจ
“งั้นเดี๋ยวผมจะเล่นเหมือนผู้ใหญ่”
เขาทำตาพราว พรพิมลยิ้มเอียงอายเล็กน้อย ทำให้เขาหัวเราะเบาๆ ชอบใจในกิริยายั่วๆ ของภรรยา ที่ทำท่าเดียงสาเหมือนสาวแรกรุ่นให้เขากรุ่นในหัวใจ
“คุณนี่พูดให้ฉันอายนะคะ”
พรพิมลลูบปลายคางพูดเสียงกระเส่าเย้าอารมณ์หนุ่มใหญ่
“จะอายอะไร ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของคุณใจจะขาดแล้ว”
เขากระซิบเสียงแหบห้าวข้างหู