เมียยอดเสน่หา

128.0K · จบแล้ว
B.J.
65
บท
5.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หัสดิน กัปนาท ผู้ชายที่แสนดีที่สุดในชีวิตของเธอพลอยชมพู วิภูมินทร์ หญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจพบกับความรักของทั้งคู่ได้ในเล่มนะคะ

นิยายรักโรแมนติก

1

Chapter 1

เสียงรถที่แล่นมาจอดหน้าบ้านทำให้สาวน้อยวัย 14 ที่เดินวนเวียนไปมาในห้องรีบเปิดม่านหน้าต่างออกดู

ดวงตาสวยใสทอดมองลงไปเห็นบิดาเปิดประตูรถให้หญิงสาวคนหนึ่ง พร้อมกับเด็กหนุ่มอีกคน คาดคะเนจากสายตาอายุน่าจะมากกว่าเธอประมาณสี่ถึงห้าปี

พลอยชมพู วิภูมินทร์ บุตรสาวของนายหัวทรงศักดิ์ เจ้าของสวนยางพารา สวนปาล์ม และที่นาเป็นจำนวนมากเม้มปากเป็นเส้นตรง ในที่สุดบิดาก็เลือกผู้หญิงคนนั้นมาแทนมารดาที่ล่วงลับไปเมื่อสี่ปีก่อน

ท่านทำได้ยังไง สาวน้อยวัยสิบสี่รู้สึกเสียใจอย่างที่สุดกับการที่ผู้เป็นบิดาไม่สนใจความรู้สึกของเธอ แต่เลือกที่จะมีภรรยาใหม่ โดยอ้างเหตุผลว่าอยากให้เธอมีคนอยู่ดูแล จะได้สอนเธอในหลายๆ เรื่อง รวมถึงคอยให้คำปรึกษา

... นั่นคือคำพูดของท่านเมื่อหลายวันก่อน

“พี่พา แล้วยัยบัวล่ะอยู่ไหน”

ทรงศักดิ์หันไปถามแม่บ้านวัยกลางคนเมื่อพาพรพิมลภรรยาใหม่เข้ามาในบ้าน ความจริงเขาอยากจัดงานแต่งงานให้เกียรติเธอ แต่พรพิมลไม่ต้องการให้เอิกเกริก ที่สำคัญเธอไม่ได้เร่งรัดให้เขาจดทะเบียนสมรส ไม่อยากให้ใครๆ คิดว่าอยากได้สมบัติของเขา ซึ่งเขาไม่อยากให้เธอคิดเช่นนั้น แต่เพราะหญิงสาวยืนยันหนักแน่น เขาจึงตามใจเธอ ไม่รบเร้าอะไรอีก ที่เธอยอมใจอ่อนย้ายมาอยู่ด้วยกัน เขาก็ดีใจมากแล้ว

ที่ตัดสินใจเลือกพรพิมลเพราะหญิงสาวเป็นคนดี เขาไม่เคยคิดรังเกียจว่าเธอจะมีลูกติดจากสามีเก่าที่เสียชีวิต เพราะเธอเป็นภรรยาของเพื่อนรัก ที่สำคัญหัสดินเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าเป็นคนที่ใช้ได้ทีเดียวในสายตาของเขา

หาญได้ฝากฝังทั้งสองเอาไว้ก่อนตาย ความใกล้ชิด และความเป็นคนมีจิตใจดีของพรพิมลทำให้นายหัววัยสี่สิบใจอ่อน

เขาไม่เคยคิดให้ผู้หญิงคนไหนมาแทนที่ภรรยาที่ล่วงลับจากไป เพราะแทนกันไม่ได้ เขายังรักภรรยาคนแรกหมดหัวใจไม่เคยเปลี่ยน จะเก็บเธอเอาไว้ในใจตลอดไปตราบที่ลมหายใจเขายังมีอยู่

“คุณบัวอยู่บนห้องค่ะนายหัว”

พา... แม่บ้านวัยกลางคนตอบผู้เป็นนาย

“นี่พรพิมล ส่วนนี่หัสดินลูกชายคนเดียวของพรเค้า”

ทรงศักดิ์แนะนำภรรยาใหม่ที่ใครๆ ต่างรับรู้กันก่อนหน้าจะเห็นตัวจริง

พรพิมลและหัสดินไหว้พาซึ่งมีตำแหน่งแม่บ้านอย่างอ่อนน้อม เนื่องจากนางดูมีอายุมากกว่าอยู่หลายปี

“อุ๊ย ไม่ต้องหรอกค่ะ อย่าไหว้กันเลย”

พายิ้มรีบรับไหว้แทบไม่ทัน นางนึกดีใจที่ทั้งสองไม่ได้ดูร้ายกาจแบบที่พลอยชมพูกลัว แต่ดูเป็นคนใจเย็น สายตาที่อ่อนโยนนั้นทำให้นึกโล่งใจแทนคุณหนูของตัวเองอยู่ไม่น้อย

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันอายุอ่อนกว่าตั้งหลายปี ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

หญิงสาวพูดเสียงหวานไพเราะเสนาะหู ด้วยความที่เป็นคนทางเหนือทั้งพรพิมลและบุตรชายจึงมีผิวขาวจัด

“นั่นลูกสาวผมลงมาแล้ว”

ทรงศักดิ์มองบุตรสาวที่เดินลงมาจากบันไดด้วยความรัก คิดว่าภรรยาใหม่ต้องเอาชนะใจพลอยชมพูได้ในไม่ช้า

“บัวมาทำความรู้จักน้าพรกับพี่ดินก่อนสิลูก”

ทรงศักดิ์เอ่ยกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลอยชมพูมองมือบิดาที่กุมไหล่ของแม่เลี้ยงอย่างไม่ชอบใจ

หัสดินมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยความเอ็นดู เขาอยากมีน้องสาวมานานแล้ว แต่ใจหนุ่มน้อยแกว่งไปมากเมื่อมองสบตากับสาวน้อยตรงหน้า เขากำลังคิดไปอีกทาง หากเธอไม่ใช่น้องสาวของเขาก็คงจะดีไม่น้อย

หนุ่มน้อยตกใจกับความคิดของตัวเอง เมื่อเขากำลังชอบเด็กสาวอายุสิบสี่ตรงหน้า

“ไม่เห็นต้องทำความรู้จัก เพราะบัวไม่อยากรู้จัก”

คำพูดของบุตรสาวทำให้ทรงศักดิ์ลอบถอนใจ รู้ว่าบุตรสาวไม่อยากให้เขามีภรรยาใหม่ แต่เพราะพรพิมลที่เขารู้จักมาเกือบปี เป็นคนดีพอที่จะดูแลพลอยชมพูได้ เขาจึงตัดสินใจมีภรรยาอีกครั้ง

แต่ไม่ใช่เพราะความรักในตัวของภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วน้อยลงหรือหมดไปเหมือนดังเช่นที่บุตรสาวพูดอยู่เสมอๆ หลังจากที่เขาคุยเรื่องนี้กับพลอยชมพูมานานพอสมควร

จนในที่สุดเขารับพรพิมลกับหัสดินเข้ามาอยู่ในบ้าน แม้ครั้งสุดท้ายที่คุยกัน จะทะเลาะกับบุตรสาวหนักเอาการอยู่

“บัว ลูกพูดอะไรแบบนั้น ไม่น่ารักเลย”

ทรงศักดิ์พูดเสียงขรึมเมื่อเห็นบุตรสาวทำกิริยาไม่สุภาพ แม้นายหัววัยสี่สิบจะโมโหร้าย แต่สำหรับครอบครัวและลูกเมียเขาจะใจเย็นเสมอ อาจเพราะความรักมากมายที่หลอมรวมอยู่ในใจก็เป็นได้

“ทำไมจะพูดไม่ได้ ใช่สิ ตอนนี้บัวไม่น่ารักอีกแล้ว พ่อมีเมียใหม่แล้ว แถมมีลูกอีกคน บัวคงหมดความหมาย”

พลอยชมพูตะโกนใส่หน้าบิดามองพรพิมลกับหัสดินด้วยความเกลียดชัง ก่อนวิ่งหนีไปอีกทาง

ทุกคนตะลึงงัน หัสดินหน้าเจื่อนเล็กน้อย เมื่อสาวน้อยที่เขารู้สึกยินดีที่ได้พบหน้ากันครั้งแรกไม่ชอบเขากับมารดาเอามากๆ

“บัว กลับมานี่นะ บัว!”

ทรงศักดิ์ตะโกนเรียกบุตรสาวที่วิ่งหนีออกจากบ้านไป ใบหน้าที่ยังหล่อเหลาด้วยวัยสี่สิบต้นๆ เครียดขรึมมากขึ้นเมื่อเห็นอาการของบุตรสาวอันเป็นที่รัก

“ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะพร ดินด้วยนะลูก ต้องให้เวลายัยบัวสักพัก”

ทรงศักดิ์ถอนใจหนักๆ หันไปหาภรรยาที่มีสีหน้าไม่สบายใจจึงกระชับมือกับไหล่ของเธอมากขึ้นเพื่อให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ พรกับลูกทำให้คุณต้องทะเลาะกับหนูบัว ตามแกไปเถอะค่ะ ป่านนี้วิ่งเตลิดไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เวลาจะช่วยให้ทุกสิ่งดีขึ้นค่ะ พรเชื่อแบบนั้น” พรพิมลยิ้มให้สามีเพื่อให้กำลังใจ

... คำพูดของพรพิมลทำให้พารู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อย อีกไม่นานความดีของนายหญิงคนใหม่ต้องชนะใจพลอยชมพูแน่นอน นางคิดเช่นนั้น

“ช่างแกเถอะ ยัยบัวเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้ ผมรักแกมาก ตามใจไม่เคยขัด อยากให้แกมีแม่จะได้มีคนคอยให้คำปรึกษา บางครั้งผมเป็นผู้ชาย แกคงอยากคุยบางอย่างกับผู้หญิงน่าจะสะดวกกว่า ผมอยากให้แกมีความเป็นผู้หญิงมากกว่านี้ ตอนนี้แกกระโดกกระเดกเพราะเล่นแต่กับเด็กผู้ชาย”

ทรงศักดิ์ถอนใจเบาๆ เพราะลูกของคนงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงก็กระโดกกระเดกไม่แพ้กัน

“เดี๋ยวพาไปดูคุณบัวให้ดีกว่าค่ะ”

พาอาสาด้วยความเป็นห่วงพลอยชมพู

“ดีเหมือนกัน ฝากด้วยนะ”

ทรงศักดิ์เห็นด้วยตามคำพูดนั้น สายตาทอดมองตามทางที่บุตรสาววิ่งออกไปด้วยความเป็นกังวล

“งั้นเดี๋ยวสายเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บข้างบนให้ด้วย”

ผู้เป็นเจ้าของบ้านหันไปสั่งแม่บ้านอีกคนที่ตามพาออกมาจากห้องครัว

“ค่ะ”

สายรับคำก่อนนำกระเป๋าเสื้อผ้าของพรพิมลกับหัสดินขึ้นไปไว้บนห้อง

หัสดิน กัปนาท ชายหนุ่มวัย 19 มองออกไปนอกบ้านตามทางที่พลอยชมพูวิ่งหนีเตลิดออกไปด้วยความเป็นกังวล

สายตาที่มีแต่ความเกลียดชังนั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจยิ่ง เขาอยากเห็นรอยยิ้มของเธอมากกว่าใบหน้าบึงตึงหมองเศร้า และความเสียใจที่ฉายชัดในแววตาคู่นั้น

สักวันเขาต้องทำให้เด็กสาวยอมรับเขากับแม่ให้ได้...

“ฮึกๆๆ ฮือๆๆ”

พลอยชมพูแอบร้องไห้อยู่ใต้ต้นไทรไม่ไกลจากบ้านมากนัก ด้านหน้าเป็นสระน้ำใหญ่ที่บิดาขุดเอาไว้สร้างความร่มรื่นให้แก่บริเวณบ้าน ด้านหลังเป็นสวนยางพารานับพันๆ ไร่ ส่วนพื้นที่อีกหลายส่วนเป็นสวนปาล์ม และที่นาอีกเป็นร้อยๆ ไร่ ถือว่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในละแวกนี้

อากาศโดยรอบเย็นสบาย สามารถสูดลมหายใจได้เต็มปอด แต่ไม่ได้ทำให้จิตใจของเด็กสาวรู้สึกสดชื่นเลยสักนิด

“คุณบัวขา โธ่... อย่าร้องไห้เลยนะคะ คุณหนูของพา”

พาวางมือของนางที่ไหล่บอบบางของเด็กสาววัยสิบสี่ที่สะท้อนขึ้นลงทั้งเห็นใจทั้งเอ็นดูปะปนกัน

“ป้าพา ฮือๆๆ”

พลอยชมพูโถมกายเข้าสู่วงแขนของแม่บ้านวัยกลางคน

“อย่าร้องค่ะคนดีของป้า โอ๋ๆๆ นิ่งเสียนะคะ นิ่งเถอะคนดี”