บทย่อ
หัสดิน กัปนาท ผู้ชายที่แสนดีที่สุดในชีวิตของเธอพลอยชมพู วิภูมินทร์ หญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจพบกับความรักของทั้งคู่ได้ในเล่มนะคะ
1
Chapter 1
เสียงรถที่แล่นมาจอดหน้าบ้านทำให้สาวน้อยวัย 14 ที่เดินวนเวียนไปมาในห้องรีบเปิดม่านหน้าต่างออกดู
ดวงตาสวยใสทอดมองลงไปเห็นบิดาเปิดประตูรถให้หญิงสาวคนหนึ่ง พร้อมกับเด็กหนุ่มอีกคน คาดคะเนจากสายตาอายุน่าจะมากกว่าเธอประมาณสี่ถึงห้าปี
พลอยชมพู วิภูมินทร์ บุตรสาวของนายหัวทรงศักดิ์ เจ้าของสวนยางพารา สวนปาล์ม และที่นาเป็นจำนวนมากเม้มปากเป็นเส้นตรง ในที่สุดบิดาก็เลือกผู้หญิงคนนั้นมาแทนมารดาที่ล่วงลับไปเมื่อสี่ปีก่อน
ท่านทำได้ยังไง สาวน้อยวัยสิบสี่รู้สึกเสียใจอย่างที่สุดกับการที่ผู้เป็นบิดาไม่สนใจความรู้สึกของเธอ แต่เลือกที่จะมีภรรยาใหม่ โดยอ้างเหตุผลว่าอยากให้เธอมีคนอยู่ดูแล จะได้สอนเธอในหลายๆ เรื่อง รวมถึงคอยให้คำปรึกษา
... นั่นคือคำพูดของท่านเมื่อหลายวันก่อน
“พี่พา แล้วยัยบัวล่ะอยู่ไหน”
ทรงศักดิ์หันไปถามแม่บ้านวัยกลางคนเมื่อพาพรพิมลภรรยาใหม่เข้ามาในบ้าน ความจริงเขาอยากจัดงานแต่งงานให้เกียรติเธอ แต่พรพิมลไม่ต้องการให้เอิกเกริก ที่สำคัญเธอไม่ได้เร่งรัดให้เขาจดทะเบียนสมรส ไม่อยากให้ใครๆ คิดว่าอยากได้สมบัติของเขา ซึ่งเขาไม่อยากให้เธอคิดเช่นนั้น แต่เพราะหญิงสาวยืนยันหนักแน่น เขาจึงตามใจเธอ ไม่รบเร้าอะไรอีก ที่เธอยอมใจอ่อนย้ายมาอยู่ด้วยกัน เขาก็ดีใจมากแล้ว
ที่ตัดสินใจเลือกพรพิมลเพราะหญิงสาวเป็นคนดี เขาไม่เคยคิดรังเกียจว่าเธอจะมีลูกติดจากสามีเก่าที่เสียชีวิต เพราะเธอเป็นภรรยาของเพื่อนรัก ที่สำคัญหัสดินเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าเป็นคนที่ใช้ได้ทีเดียวในสายตาของเขา
หาญได้ฝากฝังทั้งสองเอาไว้ก่อนตาย ความใกล้ชิด และความเป็นคนมีจิตใจดีของพรพิมลทำให้นายหัววัยสี่สิบใจอ่อน
เขาไม่เคยคิดให้ผู้หญิงคนไหนมาแทนที่ภรรยาที่ล่วงลับจากไป เพราะแทนกันไม่ได้ เขายังรักภรรยาคนแรกหมดหัวใจไม่เคยเปลี่ยน จะเก็บเธอเอาไว้ในใจตลอดไปตราบที่ลมหายใจเขายังมีอยู่
“คุณบัวอยู่บนห้องค่ะนายหัว”
พา... แม่บ้านวัยกลางคนตอบผู้เป็นนาย
“นี่พรพิมล ส่วนนี่หัสดินลูกชายคนเดียวของพรเค้า”
ทรงศักดิ์แนะนำภรรยาใหม่ที่ใครๆ ต่างรับรู้กันก่อนหน้าจะเห็นตัวจริง
พรพิมลและหัสดินไหว้พาซึ่งมีตำแหน่งแม่บ้านอย่างอ่อนน้อม เนื่องจากนางดูมีอายุมากกว่าอยู่หลายปี
“อุ๊ย ไม่ต้องหรอกค่ะ อย่าไหว้กันเลย”
พายิ้มรีบรับไหว้แทบไม่ทัน นางนึกดีใจที่ทั้งสองไม่ได้ดูร้ายกาจแบบที่พลอยชมพูกลัว แต่ดูเป็นคนใจเย็น สายตาที่อ่อนโยนนั้นทำให้นึกโล่งใจแทนคุณหนูของตัวเองอยู่ไม่น้อย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันอายุอ่อนกว่าตั้งหลายปี ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
หญิงสาวพูดเสียงหวานไพเราะเสนาะหู ด้วยความที่เป็นคนทางเหนือทั้งพรพิมลและบุตรชายจึงมีผิวขาวจัด
“นั่นลูกสาวผมลงมาแล้ว”
ทรงศักดิ์มองบุตรสาวที่เดินลงมาจากบันไดด้วยความรัก คิดว่าภรรยาใหม่ต้องเอาชนะใจพลอยชมพูได้ในไม่ช้า
“บัวมาทำความรู้จักน้าพรกับพี่ดินก่อนสิลูก”
ทรงศักดิ์เอ่ยกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลอยชมพูมองมือบิดาที่กุมไหล่ของแม่เลี้ยงอย่างไม่ชอบใจ
หัสดินมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยความเอ็นดู เขาอยากมีน้องสาวมานานแล้ว แต่ใจหนุ่มน้อยแกว่งไปมากเมื่อมองสบตากับสาวน้อยตรงหน้า เขากำลังคิดไปอีกทาง หากเธอไม่ใช่น้องสาวของเขาก็คงจะดีไม่น้อย
หนุ่มน้อยตกใจกับความคิดของตัวเอง เมื่อเขากำลังชอบเด็กสาวอายุสิบสี่ตรงหน้า
“ไม่เห็นต้องทำความรู้จัก เพราะบัวไม่อยากรู้จัก”
คำพูดของบุตรสาวทำให้ทรงศักดิ์ลอบถอนใจ รู้ว่าบุตรสาวไม่อยากให้เขามีภรรยาใหม่ แต่เพราะพรพิมลที่เขารู้จักมาเกือบปี เป็นคนดีพอที่จะดูแลพลอยชมพูได้ เขาจึงตัดสินใจมีภรรยาอีกครั้ง
แต่ไม่ใช่เพราะความรักในตัวของภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วน้อยลงหรือหมดไปเหมือนดังเช่นที่บุตรสาวพูดอยู่เสมอๆ หลังจากที่เขาคุยเรื่องนี้กับพลอยชมพูมานานพอสมควร
จนในที่สุดเขารับพรพิมลกับหัสดินเข้ามาอยู่ในบ้าน แม้ครั้งสุดท้ายที่คุยกัน จะทะเลาะกับบุตรสาวหนักเอาการอยู่
“บัว ลูกพูดอะไรแบบนั้น ไม่น่ารักเลย”
ทรงศักดิ์พูดเสียงขรึมเมื่อเห็นบุตรสาวทำกิริยาไม่สุภาพ แม้นายหัววัยสี่สิบจะโมโหร้าย แต่สำหรับครอบครัวและลูกเมียเขาจะใจเย็นเสมอ อาจเพราะความรักมากมายที่หลอมรวมอยู่ในใจก็เป็นได้
“ทำไมจะพูดไม่ได้ ใช่สิ ตอนนี้บัวไม่น่ารักอีกแล้ว พ่อมีเมียใหม่แล้ว แถมมีลูกอีกคน บัวคงหมดความหมาย”
พลอยชมพูตะโกนใส่หน้าบิดามองพรพิมลกับหัสดินด้วยความเกลียดชัง ก่อนวิ่งหนีไปอีกทาง
ทุกคนตะลึงงัน หัสดินหน้าเจื่อนเล็กน้อย เมื่อสาวน้อยที่เขารู้สึกยินดีที่ได้พบหน้ากันครั้งแรกไม่ชอบเขากับมารดาเอามากๆ
“บัว กลับมานี่นะ บัว!”
ทรงศักดิ์ตะโกนเรียกบุตรสาวที่วิ่งหนีออกจากบ้านไป ใบหน้าที่ยังหล่อเหลาด้วยวัยสี่สิบต้นๆ เครียดขรึมมากขึ้นเมื่อเห็นอาการของบุตรสาวอันเป็นที่รัก
“ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะพร ดินด้วยนะลูก ต้องให้เวลายัยบัวสักพัก”
ทรงศักดิ์ถอนใจหนักๆ หันไปหาภรรยาที่มีสีหน้าไม่สบายใจจึงกระชับมือกับไหล่ของเธอมากขึ้นเพื่อให้กำลังใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ พรกับลูกทำให้คุณต้องทะเลาะกับหนูบัว ตามแกไปเถอะค่ะ ป่านนี้วิ่งเตลิดไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เวลาจะช่วยให้ทุกสิ่งดีขึ้นค่ะ พรเชื่อแบบนั้น” พรพิมลยิ้มให้สามีเพื่อให้กำลังใจ
... คำพูดของพรพิมลทำให้พารู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อย อีกไม่นานความดีของนายหญิงคนใหม่ต้องชนะใจพลอยชมพูแน่นอน นางคิดเช่นนั้น
“ช่างแกเถอะ ยัยบัวเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้ ผมรักแกมาก ตามใจไม่เคยขัด อยากให้แกมีแม่จะได้มีคนคอยให้คำปรึกษา บางครั้งผมเป็นผู้ชาย แกคงอยากคุยบางอย่างกับผู้หญิงน่าจะสะดวกกว่า ผมอยากให้แกมีความเป็นผู้หญิงมากกว่านี้ ตอนนี้แกกระโดกกระเดกเพราะเล่นแต่กับเด็กผู้ชาย”
ทรงศักดิ์ถอนใจเบาๆ เพราะลูกของคนงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงก็กระโดกกระเดกไม่แพ้กัน
“เดี๋ยวพาไปดูคุณบัวให้ดีกว่าค่ะ”
พาอาสาด้วยความเป็นห่วงพลอยชมพู
“ดีเหมือนกัน ฝากด้วยนะ”
ทรงศักดิ์เห็นด้วยตามคำพูดนั้น สายตาทอดมองตามทางที่บุตรสาววิ่งออกไปด้วยความเป็นกังวล
“งั้นเดี๋ยวสายเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บข้างบนให้ด้วย”
ผู้เป็นเจ้าของบ้านหันไปสั่งแม่บ้านอีกคนที่ตามพาออกมาจากห้องครัว
“ค่ะ”
สายรับคำก่อนนำกระเป๋าเสื้อผ้าของพรพิมลกับหัสดินขึ้นไปไว้บนห้อง
หัสดิน กัปนาท ชายหนุ่มวัย 19 มองออกไปนอกบ้านตามทางที่พลอยชมพูวิ่งหนีเตลิดออกไปด้วยความเป็นกังวล
สายตาที่มีแต่ความเกลียดชังนั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจยิ่ง เขาอยากเห็นรอยยิ้มของเธอมากกว่าใบหน้าบึงตึงหมองเศร้า และความเสียใจที่ฉายชัดในแววตาคู่นั้น
สักวันเขาต้องทำให้เด็กสาวยอมรับเขากับแม่ให้ได้...
“ฮึกๆๆ ฮือๆๆ”
พลอยชมพูแอบร้องไห้อยู่ใต้ต้นไทรไม่ไกลจากบ้านมากนัก ด้านหน้าเป็นสระน้ำใหญ่ที่บิดาขุดเอาไว้สร้างความร่มรื่นให้แก่บริเวณบ้าน ด้านหลังเป็นสวนยางพารานับพันๆ ไร่ ส่วนพื้นที่อีกหลายส่วนเป็นสวนปาล์ม และที่นาอีกเป็นร้อยๆ ไร่ ถือว่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในละแวกนี้
อากาศโดยรอบเย็นสบาย สามารถสูดลมหายใจได้เต็มปอด แต่ไม่ได้ทำให้จิตใจของเด็กสาวรู้สึกสดชื่นเลยสักนิด
“คุณบัวขา โธ่... อย่าร้องไห้เลยนะคะ คุณหนูของพา”
พาวางมือของนางที่ไหล่บอบบางของเด็กสาววัยสิบสี่ที่สะท้อนขึ้นลงทั้งเห็นใจทั้งเอ็นดูปะปนกัน
“ป้าพา ฮือๆๆ”
พลอยชมพูโถมกายเข้าสู่วงแขนของแม่บ้านวัยกลางคน
“อย่าร้องค่ะคนดีของป้า โอ๋ๆๆ นิ่งเสียนะคะ นิ่งเถอะคนดี”