ตอนที่ 9 รักจบสิ้น
"จริงค่ะ พิมพ์ยอมแล้ว แต่คุณพ่อต้องไม่เป็นอะไร ต้องอยู่กับพิมพ์ไปนาน ๆ รักษาตัวให้หายเร็ว ๆ นะคะ" นั่นเป็นสิ่งเดียวที่พิมพิกาขอร้องบิดาในตอนนี้ อยากให้ท่านยอมรักษาตัวทำตามคำแนะนำจากหมอ และไม่หัวแข็งไม่ยอมทานข้าวทานยา ทำให้เธอเป็นห่วงพลอยไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรตามไปด้วย
"ได้ ฉันจะรักษาตัวให้หายหากแกยอมฉันจริง และยอมทำตามความต้องการของฉัน..."
"คุณพ่อจะให้พิมพ์ทำอะไรคะว่ามาเลยค่ะ ๆ" เธอรับปากโดยไม่คิดมาก ถ้าบิดาขอให้ตั้งใจเรียน หรือไปติวเพิ่มเธอสัญญาว่าจะทำตามสั่ง และคิดว่าความประสงค์ของบิดาคงมีไม่กี่อย่าง หากแต่คำขอจากคนป่วยคราวนี้ทำเอาพิมพิกาจุกอก เสียงหายกลับเข้าไปในลำคอ กระอักกระอ่วนจนพูดไม่ออก
"อาการป่วยของฉันไม่รู้ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหนถึงหายดี งานการก็คงต้องหยุดทำ ฉันมีแกเป็นลูกเพียงคนเดียวแถมยังเรียนไม่จบ ประสบการณ์ทำงานก็อย่าได้เอ่ยถึงแกยังไม่มีคุณสมบัติทำงาน หากทิ้งงานไว้ บริษัทคงระหองระแหง ฉันอยากได้ 'พร้อมพงษ์' " พูดถึงตรงนี้ธำรงก็ไอโขลก ๆ จนบุตรสาวร้องไห้สงสาร ก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"ฉันอยากให้เขามาช่วยบริหารงานที่บริษัท เขาไว้ใจได้ที่สุด และเก่งเรื่องบริหารแกทำเพื่อฉันได้ไหม ฉันขอแกครั้งสุดท้าย คำขอจากคนใกล้ตายแกทำเพื่อฉันได้ไหม แต่งงานกับพี่เขาได้ไหม"
'พร้อมพงษ์ เลิศฤทธิ์' บุตรชายคนรองของ 'ภาคพิษ เลิศฤทธิ์' ซึ่งมีศักดิ์เป็นเพื่อนสนิทสมัยหนุ่ม ๆ กับบิดาของเธอ ที่บ้านฝ่ายชายทำธุรกิจส่วนตัว ธำรงเล็งเห็นแววพร้อมพงษ์มาตั้งแต่เด็ก ทั้งฉลาด รู้จักพูดเกิดก่อนพิมพิกาสามปี และมีท่าทีจะสนใจเธอมากกว่าสถานะพี่น้องเป็นพิเศษ
สมัยเป็นเด็กสองคนนี้เล่นด้วยกันทุกวันจนสนิทสนมแต่พอโตมาต่างคนต่างมีหน้าที่การงาน จึงไม่ค่อยเจอกันนัก
ฝ่ายพี่ชายคนโตของตระกูลเลิศฤทธิ์ได้รับช่วงต่อจากบิดาเข้าไปบริหารงานบริษัทผลิตบะหมี่ ส่วนพร้อมพงษ์หลังจากเรียนจบเลยริเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวแยกออกจากทางบ้านอีกต่างหาก เขามีแผนขยายธุรกิจแปรรูปผลไม้อบแห้งไปอีกหลายแห่ง เห็นความก้าวหน้าในอนาคตของเขา
ธำรงถึงได้ออกปากจองชายหนุ่มไว้ให้บุตรสาว หากพิมพิการับปากจะแต่งงานกับพร้อมพงษ์ ธำรงพร้อมจะไปทวงคำพูดที่เคยพูดเล่น ๆ เมื่อหลายปีก่อนว่า 'สองบ้านนี้จะให้รุ่นลูกแต่งงานกัน' ตอนนี้ธำรุงถือเอาจริงเอาจังกับคำพูดนั้น
"คุณพ่อคะ คุณพ่อป่วยจน..." พิมพอกาคาดไม่ถึงว่าบิดาจะขออะไรที่เป็นไปไม่ได้ขนาดนี้ นี่มันสมัยไหนแล้วยังมีการคลุมถุงชนอยู่บนโลกอีกหรือ แถมเธอกำลังเผชิญปัญหานี้
"แกจะปฏิเสธใช่ไหม ฉันคิดไว้แล้วล่ะว่าแกจะเนรคุณใจดำกับคนใกล้ตาย"
"คุณพ่ออย่าพูดเป็นลางสิคะ" หญิงสาวรีบห้ามปรามเมื่อบิดาพ่นถ้อยคำอัปมงคลออกมาไม่หยุด "พิมพ์จะแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไงคะ พิมพ์มีแฟนแล้ว"
"เป็นแฟนกันมันเลิกกันได้อยู่แล้ว"
"แต่..." เธอกำลังคัดค้านแต่ต้องกล้ำกลืนทุกสิ่งที่คิดจะพูดลงสู่ลำคอ เกรงว่าจะไปขัดใจท่านจนอาการป่วยทรุดอีก
เธอไม่เคยรู้สึกเกินเลยกับ 'พร้อมพงษ์' เห็นเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่งเสมอมา แต่จู่ ๆ วันหนึ่งบิดากลับพูดถึงการแต่งงาน ทั้งที่เธอมีแฟนอยู่แล้ว และวาดฝันว่าเจ้าบ่าวจะต้องเป็นกีรติเพียงคนเดียว พี่เขาจะรู้เรื่องนี้ไหม?
"พี่พร้อมจะยอมเหรอคะคุณพ่อ"
"ตาพร้อมชอบแกจะตาย ชอบตั้งแต่เด็กแล้ว ทำไมจะไม่ยอม"
"แต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะคะ คุณพ่อคิดอะไรอยู่กันแน่คะ"
"ฉันแค่อยากให้แกกับพี่เขาลองเรียนรู้กันระหว่างแต่งงานไปด้วย ให้เวลาสักสองปี หากไปกันได้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ถ้าอยู่กันไม่รอดคบกำหนดสองปีค่อยหย่า...ฉันอยากให้ตาพร้อมมาช่วยบริหารงานที่บริษัทของเรา คิดว่าจะแบ่งหุ้นให้เขาเป็นการตอบแทนด้วยครึ่งหนึ่ง"
หากพิมพิกาแต่งงานมีครอบครัว กีรติก็จะออกไปจากชีวิตบุตรสาวอย่างถาวร มันเป็นทางเดียวที่สามารถเตะผู้ชายไม่มีอนาคตไปให้พ้นหูพ้นตาพาลให้ธำรงเคืองใจ
"สองปีเหรอคะ" เธอควรทำยังไงดี กีรติยังยังจะรอเธอไหม แล้วเธอต้องบอกเขาว่าอย่างไร ต้องกลายเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัวจนลืมนึกถึงจิตใจเขาใช่ไหม วันนี้มาถึงทางตันความสัมพันธ์เราสองคนจะจบลงแล้วงั้นสิ หญิงสาววิตกกังวลจนหัวคิ้วสวยขมวด ถึงเวลาต้องเลือกสักทาง
จะทำเพื่อบิดา หรือเลือกกีรติแล้วโดนตราหน้าว่าเป็นลูกเนรคุณ
"แกทำเพื่อฉันครั้งสุดท้ายได้ไหม" ธำรงรบเร้าหนักขึ้น
"พิมพ์ขอเวลาหน่อยค่ะ ขอจบความสัมพันธ์กับพี่ติก่อนได้ไหมคะ"
"วันไหนอีกนานไหม ฉันจะอยู่รอแกถึงวันนั้นไหม ฉันสร้างบริษัทมาพยายามยื้อรักษาไว้ให้ล๔กหลานมันจะมาพังเพราะความไม่เอาอ่าวที่รุนแกไม่ได้หรอกนะ!"
บางทีทุกอย่างเร็วเกินกว่าพิมพิก่จะตั้งตัวรับไหว ไม่มีเวลาให้คิดทบทวน หรือทำใจ ใจเธอแทบสลายเพียงแค่นึกถึงวันที่ไม่มีกีรติอยู่ในชีวิต เจ้าบ่าวของเธอไม่ใช่กีรติ
"พรุ่งนี้พิมพ์จะไปบอกเลิกพี่ติค่ะ...ทุกอย่างจะจบพรุ่งนี้"
"ฉันจะไปด้วยไปดูเองให้เห็นกับตาว่าแกตัดขาดกับมันแล้วจริง ๆ!"
"คุณพ่อป่วยอยู่นะคะ ไปไหวเหรอรออยู่ที่บ้านก็ได้ค่ะ"
"ฉันจะไปเองไม่ไหวก็ต้องไหว!"
ธำรงจะไปเพื่อเหยียบย่ำความรักไร้ค่า เปราะบางดั่งแก้วใสให้แตกสลายไม่สามารถปะติดปะต่อกันได้อีก
พิมพิกายอมทิ้งโลกทั้งใบต่อให้คบกันต่อก็มองไม่เห็นอนาคต แล้วเลือกครอบครัว ความสุขส่วนตัวมาทีหลังครอบครัวอยู่แล้ว