ตอนที่ 10 ปิดฉากรัก
เช้าวันนี้บิดาของสามารถลุกจากเตียงนอนได้อย่างน่าประหลาดใจ และออกมานั่งร่วมรับประทานอาหารที่โต๊ะได้เฉกเช่นทุกครั้งราวกับว่าเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เคยล้มป่วยมาก่อน กระนั้นพิมพิกาก็ไม่รื้อฟื้นหรือสงสัยอีก แค่เห็นท่านอาการดีขึ้นก็หายห่วงโล่งอก
"ฉันติดต่อไปตกลงกับบ้านนั้นแล้ว อาทิตย์หน้าเขาจะเข้ามาคุยด้วยเพื่อตกลงค่าสินสอด แล้วถามความเห็นจากแกร่วมด้วย แต่สำหรับตาพร้อมฝ่ายนั้นน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เออออตามพ่อแม่ ฉะนั้นผู้ใหญ่ถามแกต้องตอบยินดีที่จะแต่ง ฉันไม่ได้บังคับ" รับประทานอาหารเช้าไปได้นิดหน่อยบิดาก็โพล่งเรื่องการแต่งงานแบบสายฟ้าแลบขึ้น
พิมพิการวบช้อนวางไว้ด้านข้างกินข้าวไม่ลงอีกต่อไป จากเดิมก็กินอะไรไม่ลงเพราะอมทุกข์อยู่แล้ว
"ได้ค่ะ"
"บอกง่ายเชื่อฟังฉันแบบนี้สิจะได้เบาใจ"
"แต่บ้านเขาไม่มองว่าทางเราไปมัดมือชกเขาเหรอคะ พี่พร้อมยังไม่มีแฟนใช่ไหม"
"น่าจะยังนะ ถ้ามีเขาคงปฏิเสธไปแล้ว เหลือก็แค่แกที่ต้องจัดการปัญหาคาราคาซังสักที"
"วันนี้ค่ะพิมพ์นัดพี่ติที่ป้ายรถเมล์ใกล้มหา'ลัยหลังเลิกเรียน คุณพ่อจะไปด้วยหรือเปล่าคะ" ท่านจะได้สบายใจว่าเธอทำตามความต้องการของท่านทุกอย่างแล้ว ถึงแม้ใจเธอจะเจ็บปวดอยู่อย่างตรอมใจราวกับคนตายทั้งเป็นก็ตาม
รสชาติรักขื่นขมไปต่อไม่ได้แต่ก็ตัดไม่ขาดก่อนตัดสินใจเลิกกับแฟนมันกระอักจุกถึงเครื่องแบบนี้นี่เอง เธอได้รับรสของมันแล้ว เป็นรักครั้งแรกในชีวิต และไม่มีวันลืม
"ไปสิ ฉันต้องไปดูให้เห็นกับตา"
หลังจากพิมพิกาเลิกเรียนคลาสสุดท้าย ธำรงก็ติดรถมารับเธอที่มหา'ลัยด้วย ก่อนทรงเดชจะขับรถตรงไปยังจุดนัดพบหน้ารถเมล์ สถานที่นัดเจอของพิมพิกากับกีรติ หญิงสาวนั่งชิดประตูมือวางประสานที่หน้าตักกุมกันแน่นด้วยความกดดันระคนจนใจ ตลอดทั้งวันเธอคิดหาวิธีบอกเลิกที่จะทำให้กีรติเจ็บน้อยที่สุด หากเธอทราบแล้วว่าการเลิกราไม่ว่าด้วยเหตุผลใด หรือการจากลาแบบไหนย่อมเจ็บปวดไม่ต่างกัน
"ลงไปสิ ตัดให้ขาดอย่าใจอ่อน" ธำรงบอกบุตรสาวเมื่อรถลีมูซีนจอดเทียบท่า เห็นกีรติยืนชะเง้อคอคอยอย่างกับหมาจรรอเจ้าของ
ตนรู้สึกนึกสมเพชมันไม่น้อยริอ่านคบหากับบุตรสาวของเขาจะพาเธอไปกินแกลบอดมื้อกินมื้อเหรอ ตนเฝ้าถนอมเธอมาตั้งแต่เยาว์วัย คิดหรือว่าเขาจะยอม
"พิมพ์ขอเวลานานหน่อยนะคะ" ถึงเวลาต้องทำ หญิงสาวกลับไม่พร้อม เธอถูกบังคับแต่แท้จริงไม่เคยมีสักครั้งที่คิดอยากจะเลิกกับกีรติ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ออกจะดีต่อเธอด้วยซ้ำ วันนี้เธอดันแว้งกลับไปทำร้ายทำลายคนที่รักเธอยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง
"หากทำใจไม่ได้ฉันจะลงไปจัดการทุกอย่างเอง!"
หัวใจพิมพิกายิ่งบีบรัดครั้นบิดาตั้งท่าจะลงไปประจันหน้ากับกีรติเพื่อสะสางเรื่องทั้งหมดเอง เธอจึงรีบตัดใจ "พิมพ์ไปเองค่ะ"
เรื่องการเลิกราวันนี้เธอจะไม่พาดพิงถึงใคร ไม่บอกเหตุผลแท้จริงของการเลิกราที่ต้องเติบโตโดยไม่มีกัน ขอให้ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอแต่เพียงผู้เดียว
พิมพิกาลงจากรถมาได้กีรติก็ดึงเธอเข้าไปกอดซุกอกอย่างเคย แต่อีกฝ่ายไม่ได้กอดตอบกลับหรือแสดงท่าทางดีใจเช่นทุกครั้งที่เจอกัน ใบหน้าเรียวสวยดูอมทุกข์ มีเรื่องกังวลในหัว เนื้อตัวเธอผอมบางลงทันตาเพราะตอนที่เขากอดช่วงเอวเธอบางคอดกิ่วมากกว่าคราวก่อนที่เคยสัมผัส
"พิมพ์เป็นยังไงบ้าง กินข้าวหรือเปล่า ทำไมผอมบาง..." กีรติผละกอดออก พลางเอ่ยปากถามไม่ทันจบประโยคอีกคนก็โพล่งขึ้นหลังทำใจแข็งอยู่นานสองนาน
"พิมพ์มีเรื่องจะคุยกับพี่ติค่ะ เรื่องสำคัญ"
"ไปคุยที่อื่นไหม" กีรติมองสีหน้าตั้งมั่นของแฟนสาวก่อนชวนไปหาที่คุยกันเพราะตรงนี้ไม่ได้มีแค่เธอกับเขา เป็นเวลาหกโมงเย็นหน้าป้ายรถเมล์เลยมีคนพลุกพล่านจากพนักงานออฟฟิศที่เลิกงาน และนักศึกษาหลายสถาบันเลิกคลาสเรียนพอดี
"ไม่เป็นไรค่ะ คุยตรงนี้ให้จบเลยดีกว่า"
กีรติรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เขากำลังหวั่นใจต่อเรื่องที่แฟนสาวอยากคุยด้วยว่ามันสำคัญ เจอหน้ากันรอบนี้เธอทำตัวแปลกไป คนรักกันมาหนึ่งปีครึ่งย่อมรับรู้ถึงความไม่เหมือนเดิมของอีกคน
"พิมพ์มีอะไรหรือเปล่า ไม่สบายใจเรื่องอะไรถึงอยากคุยกับพี่"
พิมพิกาไม่กล้ามองหน้าแฟนหนุ่ม สายตาคลอขังน้ำตารีบเบี่ยงหลบมองไปอีกทาง แล้วเอ่ยเสียงสั่นไหว ลมหายใจติดขัด หัวใจแทบหยุดทำงานไปชั่วขณะ
"เราเลิกกันเถอะค่ะ"
เจ็บปวดเหลือเกินแต่ก็ต้องทำตามที่รับปากบิดา เพื่อธุรกิจของวงศ์ตระกูล และรักษาบริษัทให้สืบทอดต่อตกไปถึงลูกถึงหลาน
"พิมพ์" กีรติหัวใจชาวาบ เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวติดสั่นกระเส่า จากตอนแรกยิ้มอบอุ่นดีใจที่เจอหน้าได้กอดพิมพ์พิกาหายลับไปกับตา ท่อนแขนสองข้างเคยกักกอดเธอก็ค่อย ๆ ปล่อยวาง ไม่คาดคิดว่าเส้นทางรักจะมาถึงทางตัน และจบลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้
ไม่รู้จริงหรือหยอก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน กีรติยังไม่อยากเชื่อเลย