ตอนที่ 8 รักจบสิ้น
นางไม่ได้พูดอะไรอีกนอกเสียจากส่งยิ้มเอ็นดูให้
เมื่อรถลีมูซีนเคลื่อนล้อออกจากบริเวณบ้าน พิมพิกาเหลียวหลังมองหนุ่มคนรักกับมารดาที่ออกมายืนส่งเธอที่หน้าบ้านจนไกลพ้นสายตาถึงหันหน้ากลับมา
"ลุงเดชคะ คุณพ่อให้มารับพิมพ์เหรอคะ" เธอถามลุงคนขับรถผ่านช่องกั้น
"ครับคุณหนู" สารถีขานรับ และหนักอกหนักใจเมื่อย้อนคิดถึงคำพูดของนายธำรง ถึงอย่างนั้นทรงเดชจำต้องทำตามแผน แม้ไม่อยากโกหกหรือทำร้ายคุณหนูเลยสักนิด "คุณท่านล้มป่วยกะทันหันครับคุณหนู ท่านตรอมใจ ไม่ยอมกิน นอนไม่หลับทั้งคืน"
"ลุงเดชพูดจริงเหรอคะ!" เสียงพิมพิกาติดสั่นครั้นได้รับข่าวของบิดาในทางไม่ดี เธอหายไปหนึ่งคืนหลังมีปากเสียงกับท่าน ยังจำได้แม้นว่าบิดาร้องลั่นบ้านรั้งเธอไม่ให้ไปไหน หากเธอยังดื้อดึงหันหลังออกจากบ้านไป โดยไม่หันกลับมามอง จึงไม่อาจยั้งรู้ว่าบิดาจะเกิดอาการทรุดป่วย
"จริงครับ หากไม่เชื่อว่าท่านธำรงป่วยจริง กลับไปถึงบ้านคุณหนูก็ไปดูเองให้เห็นกับตาก็ได้ครับ"
"เพราะพิมพ์ทำตัวไม่ดีใช่ไหมคะ พิมพ์มันบาปหนัก" พิมพิกาทำบิดาเสียใจผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความขุ่นเคืองที่มีต่อบิดาเพราะท่านกีดกันเส้นทางรักของเธอกับแฟนหนุ่มเริ่มมอดดับ ยามนี้เธอเป็นห่วงท่าน วิตกกังวลไปเสียหมด
ทรงเดชมองสีหน้าพิมพอกาผ่านกระจกแล้วลำบากใจที่จะใส่ไฟโกหกเพิ่มเหลือเกิน ลำบากใจนัก
"พิมพ์กลัวเสียคุณพ่อไป..." เธอพึมพำเสียงแผ่ว ฟันกัดกลีบปากล่างจนห้อเลือด แววตาเธอสั่นไหวสลดด้วยความกดดันแบบเด่นชัด
ชีวิตของพิมพิกาหลงเหลือผู้เป็นที่รักบนโลกไม่กี่คน เธอไม่ชอบการสูญเสีย และการจากลา ไม่อยากให้โรคภัยไข้เจ็บหรือสิ่งใดพรากผู้ที่เธอรักยิ่งไปเหมือนมารดา
พิมพิกาไม่เคยชินชากับการสูญเสียถึงเธอจะพบเจอสถานการณ์เช่นนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่มารดาจากไปก็ตามมาติด ๆ ด้วยคุณปู่ คุณย่า และเครือญาติของบิดามารดาทีละคนสองคนด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
ทันทีเมื่อถึงบ้าน รอบบ้านเงียบเชียบผิดสังเกต พิมพิการีบเปิดประตูก้าวลงจากรถ วิ่งเข้าบ้านไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ใจภวงค์ห่วงบิดาอย่างรู้สึกผิด พอเดินผ่านกลางโถงบ้านไม่พบบิดา เธอจึงขึ้นบันไดประมาณสิบแปดขั้นเพื่อขึ้นไปชั้นสองของบ้านใหญ่ซึ่งเป็นห้องนอนของบิดา และเห็นป้าแม่บ้านมีนามว่า 'นางอ่อน' ยืนคอยอยู่ประตูทางเข้าห้อง หญิงสาวรีบตรงดิ่งไปถามข่าวคราว
"ป้าอ่อนคะคุณพ่ออยู่ในห้องหรือเปล่าคะ"
"อยู่ค่ะคุณหนูวันนี้คุณท่านลุกไปทำงานที่บริษัทไม่ไหว" นางอ่อนตอบเตรียมจะเปิดประตูห้องเพื่อให้คุณหนูของนางเข้าไปพบบิดาที่กำลังจัดฉากสร้างข่าวว่าตนล้มป่วยขึ้นมาโกหกบุตรสาว นางจงใจพูดเสียงดังเป็นสัญญาณให้คนข้างในรับรู้ถึงการมาของพิมพิกา
"คุณพ่อล้มป่วยเหรอคะ ตามหมอมาหรือยังคะ"
"ตามมาแล้วค่ะ ท่านป่วยเรื้อรังค่ะ โรคคนแก่แหละค่ะคุณหนูหากมีอะไรมากระทบจิตใจร่างกายก็ไม่สู้ตามไปด้วย แถมคุณท่านหัวแข็งไม่ยอมรักษายากับข้าวก็ไม่ยอมแตะเลยค่ะ" นางอ่อนกุเรื่องอย่างแนบเนียนจนธำรงที่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้นพึงพอใจ ทุกอย่างเข้าทางตนหมดแล้ว เหลือแค่เกลี่ยกล่อมพิมพิกาให้กลับมาเชื่อฟัง
"โธ่คุณพ่อ พิมพ์จะเข้าไปขอโทษท่านค่ะ" พิมพิกายังหลงเหลือความเป็นลูกที่ดี ไม่อยากถือโทษโกรธท่านนานยิ่งทราบถึงอาการป่วยของท่านยิ่งควรเลี่ยงการมีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน บิดาต่อต้านการคบหาแฟนหนุ่มคนแรกของเธอเพราะหวังดีอยากให้เธอได้ดิบได้ดีสมกับที่ท่านบ่มเลี้ยงมาอย่างมีคุณภาพ เกรงว่าเธอจะเลือกให้ใจผิดคน เสียเวลากับผู้ชายที่มองไม่เห็นอนาคต พิมพิกาพอจะเข้าใจแต่ใช่ว่าจะยอมล้มเลิกกับกีรติง่าย ๆ
"เข้าไปคุยปรับความเข้าใจกับท่านเถอะค่ะคุณหนู"
เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว คนนอกแบบนางอ่อนไม่มีสิทธิ์เสียงออกความเห็น แม้แต่จะข้องแวะสักนิดก็ไม่ได้เพราะทำงานแลกเงินเดือนจากท่านธำรง หากปากโป้งบอกความจริงแก่บุตรสาวท่าน มีหวังนางโดนเนรเทศตกงานตอนแก่ ไร้ที่ไปแน่
พิมพิกาก้าวผ่านธรณีห้องเข้าไปถึงก็พบเตียงนอนใหญ่ซึ่งมีร่างท่วมของธำรงนอนซมติดเตียงอยู่ ช่างเป็นภาพน่าเวทนา บุตรสาวใจเสียดวงตาพร่าไปด้วยม่านน้ำตาสีใสคลอเบ้า เธอหย่อนตัวนั่งเตียงนอนแรงยุบหยวบทำให้ธำรงรู้สึกตัว ค่อย ๆ ปรือดวงตาขึ้นมามองเธอ พลางแกล้งทำไอโขลก ๆ ท่าจะไม่ไหว
"คุณพ่อพิมพ์ขอโทษค่ะ" เธอพนมมือขอโทษขอโพยอย่างสำนึก เห็นอาการของบิดากับตาตัวเองยิ่งเสียใจที่ทำตัวเกเรเช่นนั้น
"แกยังเห็นฉันเป็นพ่ออีกหรือ" ธำรงประชดทำท่าหันหน้าหนีไปทางอื่นไม่แม้จะมองหน้าบุตรสาวอีก ในเมื่อไม่เชื่อฟังคนเลี้ยงมาธำรงก็พร้อมจะตัดหางเธอปล่อยวัด ลูกก็ลูกเถอะ หากไม่รักดีเขายอมไม่มีเลยดีกว่า เลี้ยงมาย่อมคาดหวังพอไม่เป็นแบบแผนตามที่หวังธำรงจึงไม่อาจทำใจยอมรับความจริงได้
"คุณพ่ออย่าพูดแบบนั้นสิคะ พิมพ์เคารพและรักคุณพ่อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนหรอกค่ะ"
"เคารพนับถือฉันอย่างนั้นเหรอ แกกลับวิ่งจากไปหาผู้ชาย ทิ้งฉันที่เป็นพ่อให้ตรอมใจ ผู้ชายคนนั้นมันรักแกได้ครึ่งฉันไหม ให้เงินทองเลี้ยงดูแกได้เท่าฉันบ้างไหม" คนแก่แสร้งป่วยเริ่มตัดพ้อ พยายามโน้มน้าวใจบุตรสาว
พิมพิกาได้ฟังแล้วใจกระตุกสั่น คำพูดจากปากบิดามีส่วนถูกบางข้อ กีรติไม่สามารถปรนเปรอเธอด้วยทรัพย์สินเงินทองได้ แต่สิ่งที่เขามอบให้ได้ดีที่สุดกว่าใครคือความรักความจริงใจ และความอบอุ่น นั่นเป็นความสุขที่เธอโหยหาอยากได้จากใครสักคน
"พิมพ์ขอโทษค่ะ พิมพ์จะไม่ทำตัวแบบนั้นอีกแล้วค่ะ คุณพ่ออย่าถือโทษโกรธพิมพ์เลยนะคะ พิมพ์ยอมทุกอย่างแล้วค่ะ" เห็นอาการของบิดาเธอยอมรับว่าไม่กล้าขัดใจท่าน อะไรยอมได้ต้องยอมอย่างที่กีรติเคยเตือนเธอ
"จริงหรือเปล่าที่แกบอกว่าแกจะยอมทุกอย่าง..." เรียวปากท่านธำรงลอบยกยิ้มกระหยิ่มใจ หรี่ดวงตาดุดันปรายมองบุตรสาวในตอนที่ย้อนถามให้แน่ใจ