ตอนที่ 3 ประชดชีวิต
กีรติส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่เคยคิดรังเกียจพิมพิกาเลย บางครั้งแทบคลั่งจนอยากครอบครองเธอด้วยซ้ำ แต่ยังอดทนอดกลั้นเอาไว้เพราะให้เกียรติเธอ ไม่อยากย่ำยีผู้หญิงที่รักก่อนถึงเวลาที่เหมาะสม
"ไม่ใช่หรอก ไม่เกี่ยวกับคนเก่าอะไรทั้งนั้น พี่แค่ไม่อยากทำลายอนาคตพิมพ์ พี่ให้เกียรติเธอ"
"พี่ติจะเป็นสุภาพบุรุษไปถึงไหนคะ"
"พิมพ์!"
"ไม่ต้องเรียกบ่อยหรอกค่ะ พิมพ์รู้แล้ว พิมพ์จะกลับแล้วนะ" ท้ายที่สุดพิมพิกาก็ยอมจำนนไม่เซ้าซี้
"กลับดี ๆ นะครับ"
"ไว้พิมพ์จะโทร.หานะคะ" ร่ำลาเสร็จสรรพพิมพิกาโบกมือให้เขาก่อนจะก้าวขึ้นรถประตูลีมูซีนฝั่งผู้โดยสารปิดลง กีรติจึงอดเห็นหน้าแฟนสาวใจหายไม่น้อยที่พรากกันอีกครา ลุงทรงเดชจัดการบึ่งรถออกไปทันที
ผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์พิมพิการับปากจะโทร.หากีรติกลับยังไม่มีเวลาส่วนตัวได้ติดต่อกลับไป เพราะคืนนั้นเมื่อกลับถึงบ้านบิดาได้ยึดโทรศัพท์ของเธอไป
หนำซ้ำสั่งกักบริเวณจนไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้สะดวก เธอไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเนื่องจากมีอาจารย์มาติวข้อสอบให้ตลอดทั้งวัน จนวันนี้ความอดทนเธอก็สิ้นสุดลง
"มีอะไรพิมพิกา" เสียงเข้มขรึมของ 'ธำรง หิรัญรัตน์'
ผู้นำตระกูลหิรัญรัตน์เอ่ยถามบุตรสาวเห็นเธอเดินมาหาถึงห้องทำงานเหมือนมีเรื่องอยากคุย ธำรงเงยหน้าที่กำลังก้มอ่านหนังสือพิมพ์ในมือขึ้นมามอง กรอบแว่นที่สวมบนใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัยอายุถูกขยับเล็กน้อยอย่างมีมาด
"พิมพ์ไม่อยากทำแบบนี้แล้วค่ะ" พิมพิกาเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาส หงออยู่ในอ้อมอกบิดาเสมอมา และทราบดีว่าบิดาเป็นคนยังไงเธอถึงพยายามเลี่ยงที่จะมีปัญหากับท่าน
หากคราวนี้อดทนไม่ได้อีกแล้ว ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด คนเคยยอมก้มหน้าก้มตาทำตามสั่งกำลังหันมาต่อต้าน ริอ่านปีกแข็งใส่ แม้ลึก ๆ กำลังหวั่นกลัวอำนาจในมือของบิดา เธอจำต้องแกร่งเพื่อตัวเอง และกีรติ
"หมายความว่ายังไง แกหมายถึงเรื่องอะไร" ผู้กุมอำนาจหิรัญรัตน์ปิดหน้าหนังสือพิมพ์ฉับพลัน ก่อนฟาดลงบนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้าตน ดวงตาดุดันของท่านแข็งกร้าวทันใด
"พิมพ์ไม่อยากติว พิมพ์ไม่อยากถูกขังอยู่แต่บ้านอีกแล้ว พิมพ์โตพอที่จะมีสังคมของตัวเอง ใช้ชีวิตและตัดสินใจเองแล้วนะคะ"
เพื่อน ๆ ของเธอได้ใช้ชีวิตอิสระตามที่ใจใฝ่ฝัน ได้ตัดสินใจทุกอย่างในชีวิตเองไม่โดนกำกับเหมือนเธอ
พิมพิกามีคำถามต่อท่านมากมายว่าทำไมบ้านเราถึงไม่เหมือนคนอื่นเขา ทำไมถึงต้องแบกรับความกดดันเอาไว้ทั้งชีวิต เมื่อไหร่จะมีความสุข
"ที่ผ่านมาพิมพ์ยอมทำตามคุณพ่อทุกอย่างแล้ว พิมพ์คิดว่าถึงทีที่พิมพ์จะเลือกอะไรเองบ้าง"
พิมพิกาไม่เคยได้สิทธิ์ตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง แม้กระทั่งคณะบริหารการตลาดที่เรียน บิดาก็เป็นคนกำหนด มหา'ลัยที่ศึกษาก็เช่นกันท่านจัดแจงเองทั้งนั้น ไม่ถามความสมัครใจของบุตรสาวเลย เธออัดอั้นอยากพรั่งพรูให้หมดเปลือกทีเดียว จะแตกหักกันไปข้างวันนี้เธอไม่กลัวอะไรอีกแล้ว
"ที่แกกำลังจะสื่อคือแกจะเอาไอ้กุ้ยข้างถนนคนนั้นมาทำพันธุ์น่ะหรือ!" ถ้อยคำเหยียดหยามดูถูกคนรักของเธอออกมาจากผู้เป็นพ่อย่อมสร้างแผลในใจให้บุตรสาวมหาศาล
"แกมันหัวอ่อนจะไปรู้อะไร ผู้ชายหน้าเนื้อใจเสือแบบนั้นมันไม่ได้รักแกจริงหรอก แค่หลอกล่อเอาเงินแกจนหมดตัวเท่านั้นแหละ!"
ธำรงอารมณ์เดือดดาลยามนึกถึงกีรติ ผู้มากประสบการณ์ชีวิต ผ่านมรสุมนับร้อยคิดว่าคนไม่มีอันจะกินอย่างมันจ้องจะเกาะบุตรสาวตน หวังสูงจนไม่สำเหนียกพื้นเพชีวิตตนเอง เพียงลำพังยังเอาตัวไม่รอดนับประสาอะไรว่าจะเลี้ยงดูบุตรสาวให้สุขสบายได้สักครึ่งตน พาลแต่จะพากันกัดก้อนเกลือกิน
"พี่ติไม่ใช่คนแบบนั้นค่ะคุณพ่อ คุณพ่อยังไม่รู้จักพี่ติดีเลยก็ด่วนตัดสินพี่เขาแล้ว" ข้อนี้พิมพิกาขอแย้ง กีรติไม่เคยคบหาเธอเพื่อผลประโยชน์ หรือต่อให้พิมพ์เต็มใจยื่นทรัพย์สินมีค่าให้
แฟนหนุ่มผู้ถือศักดิ์ศรีไม่ยอมรับไว้แน่ เธอมั่นใจ พิสูจน์ได้จากตลอดหนึ่งปีเศษที่คบหา วันสำคัญของเรา กีรติไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเธอ มีแค่เขาต่างหากที่ทุ่มทุกอย่างเพื่อเธอ
พิมพิกากางปีกปกป้องชายหนุ่มคนรักสุดใจ!
"ฉันไม่อยากเอาตัวไปเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำแบบนั้นหรอก"
เป็นอีกครั้งที่คำพูดธำรงทำร้ายจิตใจบุตรสาวโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน อีกส่วนล้วนมาจากความหวังดีทั้งนั้น ชายวัยห้าสิบปลายไม่ให้โอกาสกีรติได้พิสูจน์ความดี ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกแม่ค้าขายอาหารตามสั่งง่อย ๆ ธำรงสามารถใช้ความอคติตัดสินคนอื่นจากอาชีพการงานได้ทันที
"พิมพ์รักพี่ติค่ะ" เธอพูดเรื่องนี้กับบิดาหลายรอบ แต่ท่านหาฟังไม่ ซ้ำร้ายยังกีดกัน บังคับให้พิมพิกาไปเลิกกับกีรติ แต่เด็กวัยรุ่นสองคนนี้มันดื้อด้านนัก ทำืุกวิถีทางก็แล้วยังจับมือสายสัมพันธ์กันต่อ
"แกรักมันมากกว่าฉันที่เป็นพ่อแท้ ๆ ใช่ไหม" บัดนั้นอารมณ์หุนหันพลันแพล่นทำให้ธำรงรีบผุดยืน ยกมือชี้หน้าบุตรสาวที่ทำตัวไม่รักดี ใฝ่ต่ำไปคว้าผู้ชายไม่เอาอ่าวมาทำพันธุ์
ธำรงขอสาบานว่าตนไม่มีทางยอมรับกีรติเป็นลูกเขย ไม่มีทางยอมรับแน่นอน ต่อให้เขาสิ้นลมหายใจไร้ชีพไปแล้วก็ตามอย่าได้หวังว่าเขาจะใจอ่อน