ตอนที่ 2 ประชดชีวิต
กีรติเดินจับมือพิมพิกาข้ามทางม้าลาย คอยเช็ดเหงื่อบนแก้มให้เธอ เพราะตากแดดร้อนจัดนาน เขาพาเธอก้าวขึ้นขั้นบันไดเลื่อนในห้างเพื่อไปทานชูชิญี่ปุ่นยังร้านดังเจ้าหนึ่งซึ่งมีเชฟคนญี่ปุ่นออกมาแสดงวิธีการทำอาหารให้รับประทานต่อหน้าจัดเป็นคอร์ส คอร์สหนึ่งก็ปาเป็นเงินหลายหมื่น
ต่อด้วยทานปิ้งย่างเกาหลีสูตรเกาหลีแท้ ราคาสูงลิ่วไม่แพ้กันเพราะหญิงสาวสั่งเนื้อวัววากิวมาหลายชุด เธออยากให้กีรติลองทานดูโดยไม่คิดอะไรมาก หากกีรติกลับอึดอัดใจ อาหารมื้อเดียวสามารถใช้ซื้อกับข้าวธรรมดาอย่างอื่นได้อีกตั้งเยอะ คนมัทยัดนึกเสียดายเงินที่พิมพิกาต้องเป็นคนออกค่าอาหาร แม้เธอจะเต็มใจจ่ายก็เถอะ
"พี่ติคะ วันนี้จะดูหนังอะไรดีคะ" เมื่อกินจนอิ่มท้อง เช็กบิลจนแล้วเสร็จ ปากอวบอิ่มที่ดูดหลอดกินน้ำส้มจึงเอ่ยถามก่อนพากันลุกออกจากร้านปิ้งย่างเกาหลี
"พี่ให้พิมพ์เป็นคนเลือก วันนี้พี่อยากตามใจพิมพ์"
พิมพิกาเห็นท่าทีของคนรักที่แสดงถึงความหนักอกหนักใจตั้งแต่ทานอาหารญี่ปุ่นแล้ว เธอพอรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ กีรติเกรงใจ และรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรกับเธอจริง ๆ เธอเลือกเขาแต่เขากลับไม่มีเงิน ไม่สามารถซื้อความสุขความสบายให้เธอได้
"พี่ติคะ พิมพ์ไม่อยากให้พี่ติคิดมากเรื่องค่าใช้จ่าย"
กีรติเงยมองหน้าแฟนสาวก่อนมุมปากบนใบหน้าหล่อเหลาจะฉีกรอยยิ้มส่งให้เธอ
"เปล่าหรอก พี่แค่คิดว่าเธอคบกับพี่ พี่กลับดูเป็นแฟนหนุ่มที่แย่ เธอถูกเลี้ยงมาอย่างสมบูรณ์แบบ พี่กลับลากลูกเขามาลำบากลำบน"
"พิมพ์ไม่อยากให้พี่ติคิดแบบนั้น พิมพ์อยากจ่ายเองและพิมพ์ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรขนาดนั้น อยู่กับพี่ติ พิมพ์มีความสุข เป็นตัวเองที่สุดถึงอยากตอบแทนพี่ด้วยการพามากินอาหารแพง ๆ สักมื้อก็เท่านั้น" เธอเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบา ไม่คิดว่าแฟนหนุ่มจะเก็บไปคิดเล็กคิดน้อย
"จะแสนดีไปถึงเมื่อไหร่แค่นี้พี่ก็หลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะ" มือหนายกยีกลุ่มผมยาวสีน้ำตาลอ่อนสลวยอย่างเอ็นดู หญิงสาวก็เอียงหัวรับ
"ดีค่ะพี่ติจะได้มีแค่พิมพ์คนเดียวตลอดไป"
แน่นอนว่ากีรติมีแค่พิมพิกาเสมอมา และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป เธอไม่ใช่แฟนคนแรกแต่จะเป็นคนสุดท้ายของเขา รออีกหน่อยเถอะ...เขาจะสร้างทุกอย่างให้คู่ควรกับเธอ เธอจะได้ไม่อายใคร
"แล้วคิดได้หรือยัง พิมพ์อยากดูหนังเรื่องอะไร"
"งั้นเราไปดูซอมบี้ดีไหมคะ น่าตื่นเต้นดี"
"ไม่ใช่ว่าหาข้ออ้างจะกอดพี่อีกหรอกนะ" ชายหนุ่มพูดดักอย่างรู้เท่าทันความคิดแฟนเด็กจนเธอหันมายู่หน้าเบะปากหมั่นไส้ใส่
"พี่ติอ่ะ รู้ทันตลอดพิมพ์กำลังวางแผนหาทางจะกอดพี่อยู่เลย"
"เธอทำบ่อยแล้ว รอบก่อนดูหนังผีก็โกหกว่ากลัวผีเลยกระโจนจากที่นั่งมานั่งตักพี่ อีกรอบก็ตอนที่ชวนพี่ดูหนังเอเลี่ยนงอแงให้พี่กอดเธอเพราะกลัว รอบนี้อยากดูซอมบี้จะอ้างอะไรอีก หื้ม..."
พิมพิกาอายจนหน้าแดงเพราะกีรติเป็นคนฉลาดเกินไปอ่านทุกอย่างเฉียบขาด รู้หมดว่าเธอจงใจแสร้งกลัว ซึ่งแท้จริงแล้วเธอไม่ได้อ่อนแอ หรือบอบบางเลยสักนิด แค่อยากหาข้ออ้างเกาะแกะเขา เกาะติดเหมือนหมีโคอาล่าเท่านั้นเอง
"คราวนี้ไม่แกล้งกลัวค่ะ คราวนี้พิมพ์จะเหมาโรงหนังพลอดรักกับพี่ติ ซอมบี้ยังต้องอายตายเพราะความหวานของเรา!"
"ริอ่านเป็นเด็กแก่แดดนะ"
กีรติเดินวกกลับมาส่งแฟนสาวที่ป้ายรถเมล์จุดเดิมหลังจากพาเธอไปทานข้าวดูหนังกันจนเต็มอิ่ม ระหว่างรอลุงทรงเดชขับรถจากร้านกาแฟเพื่อมารับหนุ่มสาวจึงเอ่ยคำร่ำลากัน เพราะไม่รู้การจากกันคืนนี้จะได้เจอหน้าอีกทีเมื่อไร
"วันนี้พิมพ์มีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ"
"พี่ก็เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าเวลามีน้อยกว่าเผลอแป๊บเดียวก็มืดค่ำซะแล้ว" แต่ก็ถือว่าเขาได้ใช้ทุกวินาทีกับเธออย่างคุ้มค่า
"ไว้เรานัดเจอกันอีกนะคะ พิมพ์จะหาเวลาออกมาเจอพี่ให้ได้" หญิงสาวรับปากแม้มันไม่ง่ายอย่างที่คิด และความสัมพันธ์รักใคร่ระหว่างเขากับเธอช่างหาทางบรรจบกันยาก ด้วยฐานะที่ถูกแบ่งแยกชนชั้น แล้วไหนจะความอคติของบิดาที่มีต่อกีรติ หนทางออกยิ่งมืดบอด
"ครับ พี่จะรอนะ ดูแลตัวเองด้วยดูสิน้ำหนักลดกี่โลแล้ว ทานข้าวเยอะ ๆ ด้วยนะ" ชายหนุ่มกำชับเสียงเข้มด้วยความห่วงใย
"ทราบแล้วค่ะ พี่ติก็เหมือนกันนะคะ"
"ครับพิมพ์..." ไม่ทันเอ่ยปากมากความนัก เวลาความสุขก็สิ้นสุดลงครั้นรถลีมูซีนของทางบ้านขับเข้ามาจอดริมฟุตบาท พิมพิกาหน้าหมองเศร้าไม่อยากจากจำต้องจาก และไม่รู้จะหาโอกาสออกมาเจอกีรติได้อีกหรือไม่ เพราะเธอถูกบิดาขังเอาไว้ให้อยู่แต่ในห้อง และเอาแต่ติวหนังสือกับอาจารย์ที่บิดาว่าจ้างมาสอนถึงบ้าน
"ไปได้แล้วครับรถมาแล้วนะ" เธออิดออด กีรติจึงบอก ตนเองไม่ต่างจากเธอหรอก ไม่อยากให้เราห่างกันสักนิด แต่ด้วยหน้าที่ความจำเป็นเขาเลยต้องทำใจแข็ง
"พี่ติคะ"
"ครับ" เขาขานรับ
"ตั้งแต่คบกันมาหนึ่งปีกว่าแล้ว เรายังไม่เคยจูบหรือมีอะไรกันเลย..." เธอบอกเสียงอ้อมแอ้มดวงตากลมโตเสหลบเล็กน้อยเมื่อกีรติจับจ้องรอเธอเอ่ยให้จบประโยค
"จากกันครั้งนี้พิมพ์ขอจูบพี่ติได้ไหมคะ ไม่ใช่จูบแค่ปากชนปากนะ"
ที่ผ่านมากีรติให้เกียรติเธอทุกอย่าง เขามีความสุภาพบุรุษไม่เคยล่วงเกิน หรือหลอกแตะอั๋งเลยสักครั้ง มากสุดก็แค่จับมือ กอด และหอมแก้มเพียงผิวเผิน แม้พิมพิกาจะยินยอมแถมจงใจให้ท่าเขากลับไม่เคยคิดใจทราม
เราไม่เคยจูบกันลึกซึ้ง ทำเพียงปากชนปากกีรติเป็นฝ่ายรีบผละออกรางกับต้องของร้อน เราไม่เคยมีอะไรกันเหมือนคู่รักหนุ่มสาวคนอื่น แทบเป็นความรักวัยรุ่นหวานแหว๋วไม่มีอะไรหวือหวา
จริงอยู่ว่าการแสดงความรักไม่ได้ขึ้นอยู่แค่เรื่องบนเตียง แต่พิมพิกากลับต้องการ เธออยากให้เขาครอบครองเธอ และเธออยากเป็นเจ้าของเขาอย่างสมบูรณ์ กีรติกลับเลี่ยงหลบที่จะทำอะไรแบบนั้นกับเธอ เขาอ้างว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
เธอพร้อมตั้งนานแล้วอะไรคือเวลาที่ไม่เหมาะสมกัน?
"พิมพ์! รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา" หญิงสาวโดนดุทำหน้าง้ำงอ คิดเอาไว้แล้วไม่มีผิดแฟนหนุ่มของเธอไม่มีทางยอม
"ทำไมคะ จูบแลกลิ้นเฉย ๆ ก็ได้" ใครจะว่ายังไงก็ช่างแต่การขอจูบเธอก็ขอกับคนรัก ไม่ได้ไปขอคนอื่นมั่ว ๆ เธอยอมเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายเพียงแค่อยากให้แฟนป้อนจูบ มันไม่ผิดสักหน่อย!
เพื่อนสาวของพิมพิกาก็มีแฟน นางมาเม้าท์เรื่องสิบแปดบวกให้เธอฟังบ่อย ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ได้รับรู้มา และรู้สึกน้อยใจที่สุดเลยคือแฟนเธอไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น เธอไม่เคยได้รับความรักในเชิงสัมพันธ์สวาท เร่าร้อนอะไรเทือกนั้นอย่างที่เพื่อนสาวพรรณาถึง
"ไว้คราวหลังนะ พิมพ์รีบกลับบ้านเถอะมืดค่ำมากแล้วเดี๋ยวคุณพ่อพิมพ์จะโกรธเอา" กีรติดันแผ่นหลังบางขึ้นรถแต่เธอรั้นยื้อตัวเอาไว้
"พี่ติไล่พิมพ์เหรอคะ...พี่ติไม่ยอมจูบพิมพ์ แต่กับแฟนเก่า แฟนก่อนหน้านั้นทำไมพี่ติถึงทำได้ละคะ" เธอเข้าใจเปรียบเทียบเสียเหลือเกิน หญิงสาวเริ่มตีโพยตีพายไปกันใหญ่ คงมีไม่กี่อย่างหรอกหากรุ่นพี่หนุ่มไม่ยอมลงมือทำอะไรสักอย่างกับเธอ
"พี่รังเกียจพิมพ์เหรอคะ"