3
แม้ตนเองตกงาน ทว่าว่าจันทร์ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับจันทร์ฉาย หล่อนกับตฤณพาลูกสาวมากินไก่ผู้พันเจ้าดัง ใบหน้าคนเป็นพ่อแม่ยิ้ม ทั้งที่ภายในใจกำลังทุกข์ กับเรื่องที่เกิดขึ้นเช้านี้ พอว่าจันทร์กลับมาถึงบ้าน หล่อนเล่าเรื่องราวให้ตฤณฟัง สามีตกใจและอึ้งกับการตกงานของภรรยา ที่ไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ให้กำลังใจว่าจันทร์ พร้อมส่งเงินสามพันเก้าร้อยบาทให้ว่าจันทร์ ส่วนอีกหนึ่งร้อย ให้เป็นค่าจ้างป้าเพ็ญ
“พี่ตฤณไปรับจ้างเปิดบัญชีทำไมคะ มันเสี่ยงนะคะ ฝ้ายได้ยินข่าวว่า คนที่จ้างมักเอาไปใช้ในทางไม่ดี หลอกต้นตุ๋น เว็บเสี่ยงดวงบ้าง คนที่ซวยคนแรกก็คือพวกบัญชีม้า ส่วนพวกอยู่หัวๆ มักรอด” ว่าจันทร์ตกใจกับที่มาของเงินจำนวนนี้
“อ๋อไว้ใจได้ ครั้งที่แล้วก็ทำ ไม่เห็นมีปัญหาไรเลย นี่ก็หลายเดือนแล้ว ไม่เป็นไรหรอกน่า” ตฤณไว้ใจภมรมาก ไม่คิดว่าเพื่อนจะโกหก “พี่อยากช่วยฝ้ายหาเงินด้วย ยิ่งตอนนี้ยิ่งต้องช่วย แล้วพี่ก็เชื่อว่า มันไม่มีปัญหาตามมาแน่นอน”
“ฝ้ายขอบคุณพี่ตฤณค่ะ ที่ช่วยฝ้าย แต่ที่ฝ้ายพูด เพราะเป็นห่วงพี่ คนสมัยนี้ไว้ใจกันได้ยากมากๆ แม้เป็นเพื่อนกันก็ตาม ตอนนี้เราก็พอไปได้นะคะ ไม่ได้ติดขัดจนต้องทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้เลย ครั้งหน้าไม่ต้องแล้วนะคะพี่ตฤณ ถ้าเผื่อมีปัญหา เงินที่ได้มา มันไม่คุ้มเลย” ว่าจันทร์เป็นห่วงสามี มีความกังวลเต็มเปี่ยม
“ได้ ครั้งหน้าถ้ามันมาขอให้พี่เปิดบัญชี พี่จะไม่ทำ” ตฤณรับปากว่าจันทร์ “พี่หมูเจ้าของร้านซ่อมแอร์ ที่พี่เคยเล่าให้ฟัง เขาโทรมาหาพี่เมื่อตอนสายๆ ว่า ถอดเฝือกเมื่อไหร่ให้ไปทำงานกับเขา พี่ว่าก็ดีนะ ไม่ต้องวิ่งหางานเอง พี่ได้เงินเดือนเต็มๆ หมื่นห้า วันหยุดก็รับจ๊อบ ฝ้ายว่าโอเคไหม”
“ดีค่ะ ดีมากๆ เลย”
“พี่จะช่วยฝ้ายใช้หนี้ พี่จะขยันให้มากกว่าเดิม เราจะได้หมดหนี้เร็วๆ”
“ค่ะ” ว่าจันทร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม ในความโชคร้ายในหลายเรื่อง หล่อนถือว่าตนเองมีความโชคดีที่ได้เจอตฤณ ชายหนุ่มข้างบ้าน ที่สมัยเด็กๆ เขาและหล่อนมีความสนิทสนมกันมาก จนกระทั่งเขาย้ายบ้านไปอยู่ต่างจังหวัด จึงไม่ได้เจอหน้ากัน มาพบกันอีกทีเมื่อสี่ปีก่อน ในวันที่หล่อนเคว้งคว้าง หาทางออกไม่เจอ
“คุณลูกสาวครับ คุณพ่อป้อนครับ” ตฤณหั่นเนื้อไก่ ป้อนให้บุตรสาวและไม่ลืมป้อนภรรยา
“ลูกจันทร์ป้อนคุณพ่อคุณแม่บ้างค่ะ” เด็กหญิงทำตามที่บอก ซึ่งพ่อกับแม่อ้าปากรับเนื้อไก่ที่หั่นไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ด้วยรอยยิ้ม
“คราวนี้คุณแม่ป้อนคุณพ่อกับคุณลูกบ้างนะคะ”
เท่ากับว่า ต่างฝ่ายต่างป้อนให้กันและกันกิน เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความรัก ความอบอุ่นของคนในครอบครัว ใครเห็นก็อดยิ้มไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง
ใครเห็นก็อดยิ้มไม่ได้ คงไม่ใช่ตะวันฉาย ที่มองดูภาพนี้ผ่านคลิปวิดีโอ จากดลวัฒน์หรือดล ลูกน้องคนสนิท ที่คอยติดตามดูความเคลื่อนไหวของว่าจันทร์ ก่อนส่งและรายงานให้เขารู้
แววตาตะวันฉายชัดเจนด้วยความโกรธแค้น ฝังรากลึกราวกับต้นไม้ใหญ่ยึดติดกับผืนดิน ไม่มีวันหักโค่นแม้ถูกพายุซัดมากแค่ไหน ยังคงยืนต้นอยู่เช่นนั้น กิ่งก้านสาขาที่กว้างใหญ่ ไม่ได้สร้างร่มเงาให้ว่าจันทร์ แต่มันคืออาณาเขตของความเจ็บปวดที่หล่อนควรได้รับ เขาจะติดตามหล่อนไปทุกหนแห่ง ให้ว่าจันทร์เจ็บมากกว่าตน ร้อยเท่าพันทวี
ในความแค้น มีความริษยาตฤณร่วมด้วย ที่ได้เป็นสามีว่าจันทร์และบิดาเด็กหญิงหน้าตาน่ารักคนนั้น แทนที่คนอยู่ข้างกายว่าจันทร์คือตน ควรเป็นเขามิใช่หรือ
“สุขกันให้พอ ถึงเวลาฉันเมื่อไหร่ เธอเจ็บจนพูดไม่ออกแน่...ว่าจันทร์”
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ว่าจันทร์ไม่ ได้อยู่นิ่งเฉย นอกจากเริ่มหางานทำในละแวกใกล้บ้าน ด้วยการเดินหาตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือร้านค้าขายในย่านตลาดแถวบ้าน หากมีร้านใดติดประกาศรับสมัครงาน หล่อนจะได้เข้าไปสมัคร ทว่ากลับไม่มีสักที่
อีกหนึ่งวิธีในการหางานทำคือ ลงประวัติส่วนตัว การศึกษา และประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมาในจ๊อบไทย เผื่อมีบริษัทใดบริษัทหนึ่งเข้ามาดู แล้วเกิดความสนใจ จะได้เรียกตนไปสัมภาษณ์ ซึ่งหล่อนรอคอยอย่างมีความหวัง
รุจิเรศถือถุงอาหารเข้ามาในบ้านว่าจันทร์ เพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอหน้ากันร่วมสองเดือน ทว่าทั้งสองพูดคุยกันผ่านมือถือ โทรคุยกันบ้าง แชทกันทางไลน์บ้าง
“สวัสดีเพื่อนรัก” เสียงดังมาก่อนตัว คนที่กำลังรีดผ้า เงยหน้ามองคนเดินเข้ามาในบ้าน ว่าจันทร์ยิ้มให้รุจิเรศ ก้มหน้ารีดผ้าที่เหลืออีกนิดเดียวจะเสร็จ
“แกนั่งรอก่อนนะ ตัวนี้ตัวสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวพี่นันจะมารับเสื้อ” เป็นหนึ่งรายได้เสริมของว่าจันทร์ หล่อนรับจ้างรีดผ้า ที่มีลูกค้าราวสิบคน รายได้ต่อเดือนก็หลายพันบาท
“ตามสบาย ฉันไม่รีบอะไร” รุจิเรศตอบกลับ ก่อนเดินไปหยิบจานชาม มาใส่อาหารที่ซื้อมา รอเพื่อนมากินพร้อมกัน อีกราวสิบนาที ว่าจันทร์มานั่งกินอาหารกับเพื่อน
“พี่ตฤณไปรับลูกจันทร์เหรอ” รุจิเรศถาม
“ใช่ เห็นฉันรีดผ้าไง เลยไปรับลูกจันทร์” ว่าจันทร์ตอบ “ไหนแกบอกว่าจะกลับเดือนหน้าไง งานเสร็จก่อนเหรอ”
“เปล่าหรอก ผู้จัดการเรียกให้ฉันเข้าบริษัทใหญ่น่ะ แล้วส่งคนไปทำแทน” รุจิเรศตอบ “คิดถึงนกนะ ไปทำงานซะไกล ไม่ได้เจอหน้ากันเลย กลับมาเดือนหน้า สงสัยต้องมานอนค้างที่นี่ คุยกันให้หายคิดถึง แกว่าดีไหม”
นกหรือศิริเพ็ญ เพื่อนสนิทอีกคน หล่อนไปทำงานที่มาเลเซียนานหลายเดือน ติดต่อกันทางมือถือ คุยทางไลน์ตลอด แต่ก็คงไม่เหมือนได้คุยต่อหน้า