4
“ทำไมถึงจะไม่ดีล่ะ งั้นคุณก็จะยอมให้ผมหักค่าเสื้อผ้าจากเงินเดือนใช่ไหม” เขาไม่เคยขี้เหนียวหรือคิดเล็กคิดน้อยหากคิดจะซื้ออะไรให้ใคร แต่สำหรับวิจิตรา เขาอยากมีข้อแลกเปลี่ยนกับเธอ เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเธอ เหตุผลร้อยแปดพันเก้าจึงเกิดขึ้น เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆ
ทัพพ์ทำตามที่ได้บอกเธอเอาไว้จริง ๆ เขาไปส่งเธอที่บ้าน ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามปฏิเสธเพียงใดก็ไม่เป็นผล เขาก็บุกไปถึงบ้านของเธออยู่ดี
บ้านของเธอเป็นตึกแถวสองชั้น ชั้นล่างขายข้าวแกง หลังบ้านทำอาหารและเอาไว้ล้างจาน ชั้นสองคือห้องนอนของบิดาและมารดาเลี้ยง ส่วนน้องสาวทั้งสองนอนด้วยกันในห้อง น้องชายนอนอีกห้อง เธอนั้นอาภัพหน่อย บิดาแค่กั้นห้องง่ายๆ ให้เธอนอนเพราะไม่มีห้องเหลือสำหรับเธอ จะให้ไปยัดอยู่ในห้องน้องสาวสองคนมารดาเลี้ยงก็บอกว่ามันแออัด เธอเลยจำต้องเสียสละ ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นพี่คนโต
ห้องนอนที่กั้นง่าย ๆ ด้วยผ้าม่านของเธอจึงไม่ค่อยเป็นส่วนตัว ข้าวของเครื่องใช้อันใดก็ถูกหยิบจับไปใช้โดยง่าย พวกน้ำหอม แป้ง เครื่องสำอางดีๆ แม้แต่สมุดบัญชีเงินฝาก มารดาเลี้ยงก็ถือวิสาสะหยิบฉวยไปดูอย่างไม่มีความเกรงใจ
เครื่องสำอางดีๆ ไม่เคยมีสำหรับเธอมานานแล้ว สมัยก่อนทำงานเพื่อให้มีเงิน จะได้ซื้อของที่อยากได้ แต่ก็โดนหยิบยืมแล้วก็ทำเป็นลืม บางทีก็ขอกันซึ่ง ๆ หน้า พอไม่ให้ก็หาว่าใจแคบ โดนบิดาตำหนิเอาอีก เธอเลยปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่สวมใส่เสื้อผ้าสวยๆ หรือแม้แต่ซื้อเครื่องสำอางดีๆ ให้ตัวเองอีก เพราะซื้อมาก็ไม่เคยได้ใช้
บิดาและมารดาเลี้ยงหน้าตาบอกบุญไม่รับเมื่อเห็นว่าเธอกลับเอาป่านนี้ แต่พอเห็นว่ารถคันใหญ่ขับมาส่ง และทัพพ์เดินลงมาด้วยกัน มารดาเลี้ยงก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที
บางทีการมาของทัพพ์ก็ทำให้เธอไม่ต้องโดนบ่นว่ากลับช้า เพราะไม่อยากกลับมาช่วยล้างถ้วยชามและเก็บร้านในตอนเย็น
ไม่น่าเชื่อว่าบิดาจะหลงมารดาเลี้ยงขนาดนี้ วิจิตราแอบคิดคนเดียวในใจ แต่ไม่กล้าตำหนิบิดาตรงๆ อาจเพราะตอนเด็ก ๆ ท่านรักเธอมาก แต่พอโตขึ้นไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้
“สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้านายของวิจิตราครับ” ประโยคนั้นทำให้บิดารีบเช็ดเก้าอี้ในร้านให้ทัพพ์นั่ง ส่วนพิมพ์แสงที่ไม่ค่อยหยิบจับอะไร นอกจากเก็บเงินทอนเงินให้ลูกค้าอย่างเดียวก็รีบไปยกน้ำยกท่ามาเสิร์ฟให้อย่างรวดเร็ว
“แหม... วันนี้เจ้านายของยายวิมาส่งยายวิถึงบ้านเลยเหรอคะ หรือว่ายายวิไปทำอะไรไม่ดีเอาไว้คะ” พิมพ์แสงเอ่ยถาม พร้อมแสดงสีหน้าสีตาตำหนิติเตียนวิจิตรา ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ความจริงอะไร
“เปล่าหรอกครับ ที่ผมมาส่งวิจิตราเพราะว่าจะมาขออนุญาตเอาไว้ล่วงหน้าน่ะครับ”
“ขออนุญาตอะไรเหรอคะ” พิมพ์แสงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“วิจิตราเป็นเลขาของผมน่ะครับ บางครั้งอาจต้องทำงานล่วงเวลา หรือตามผมไปต่างจังหวัดด้วย ผมเลยมาขออนุญาตเอาไว้ล่วงหน้า”
“อ้อ... เหรอคะ เป็นเลขาต้องทำงานเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ แล้วค่าแรงอะไรก็ยังจ่ายเท่าเดิมเหรอคะ ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ ยายวิน่ะเขาต้องช่วยงานในร้านค่ะ น้องยังเรียนอยู่อีกตั้งสามคน จะทิ้งงานบ้านไปทำแต่งานของตัวเองไม่ได้” พิมพ์แสงรีบพูด ถ้าไม่ได้เงินรับรองว่าเธอจะค้านหัวชนฝาอย่างแน่นอน
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ทำงานล่วงเวลาหรือต้องเดินทางผมจะต้องจ่ายพิเศษให้อยู่แล้ว บริษัทของเรารับเหมาก่อสร้าง และขายวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นก็อาจจะต้องเดินทางไปตรวจดูงานน่ะครับ” ทัพพ์พูดอย่างมีหลักการ แท้ที่จริงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องพาวิจิตราไปไหนมาไหนก็ได้ แต่เหตุผลของเขาก็แค่อยากพาเธอไปก็แค่นั้นเอง
“อย่างนั้นเหรอคะ” พิมพ์แสงแอบยิ้มพึงพอใจ เพราะจะได้เงินเพิ่มจากลูกเลี้ยงนั่นเอง
“ถ้าอย่างนั้นทางเราก็ไม่ขัดข้องหรอกนะคะ”
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ” พิมพ์แสงรับคำ ในขณะที่พงศ์แล้วแต่ภรรยา พิมพ์แสงพูดเช่นไรก็ว่าตามนั้น
“แกไปทำอะไรมาย่ะ กลับเอาป่านนี้ แล้วนี่แกไม่ใส่แว่นมองเห็นด้วยรึ” ให้หลังทัพพ์ไป พิมพ์แสงก็ใส่ลูกเลี้ยงสาวในทันที
“ท่านประธานพาไปซื้อเสื้อผ้ามาน่ะค่ะ แล้วก็พาไปซื้อคอนแทคเลนส์ด้วย ท่านบอกว่าใส่แว่นแล้วเกะกะ”
“ไปซื้อเสื้อผ้าอย่างนั้นเหรอ แสดงว่าแกมีเงินงุบงิบเอาไว้ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ อย่างนั้นน่ะสิ” พิมพ์แสงตาวาว นั่นทำให้วิจิตราต้องรีบอธิบาย
“คุณทัพพ์ เอ่อ... หมายถึงเจ้านายของวิซื้อให้ค่ะ”
“ทำไมจู่ ๆ เขาถึงมาซื้อของให้แกแบบนี้ แกนอนกับเขาแล้วหรือไง”
“น้าแสง ไม่ใช่อย่างนั้นนะจ๊ะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วอย่างไหน คนรวยแบบเขาไม่เอาแกหรอก ถ้าเอาก็คงเล่นๆ ระวังจะท้องไม่มีพ่อ”
“จริงของน้าเขา คนรวยเขาไม่เอาเราจริงหรอก เราต้องรักนวลสงวนตัวเอาไว้นะลูก” พงศ์เห็นด้วยกับภรรยา
“ไม่ใช่นะจ๊ะพ่อ คุณทัพพ์เขาซื้อให้แต่ก็หักเงินจ้ะ ทำงานล่วงเวลาไงจ๊ะ เงินเดือนก็ยังเท่าเดิม”
“อีโธ่เอ๊ย! รวยแต่ขี้เหนียว แค่เสื้อผ้าจะซื้อให้เลขาใส่ให้ดูดีก็ไม่ได้ ยังจะหักเงิน รวยไม่จริงนี่หว่า” พิมพ์แสงด่ากราดทันทีที่ได้ยินลูกเลี้ยงตอบเช่นนั้น
“ขอโทษครับ ผมลืมโทรศัพท์เอาไว้น่ะครับ” ประโยคนิ่มๆ ของทัพพ์ทำให้พิมพ์แสงสะดุ้งตกใจ ไม่คิดว่าประโยคของตัวเองที่พูดออกไปเมื่อครู่ ทัพพ์จะได้ยินเข้า
“แหม... มาเงียบๆ ตกใจหมดเลยค่ะ แม่วิเอาโทรศัพท์ให้เจ้านายของเธอสิ” พิมพ์แสงหันไปบอกลูกเลี้ยง หน้าม่านไปเลยทีเดียวที่ได้สบสายตาดุเข้มของเจ้านายลูกเลี้ยงสาว
“คุณตามผมออกมาคุยกันที่รถด้วย ผมมีงานจะสั่งให้คุณทำพรุ่งนี้ตอนเช้า” ประโยคเด็ดขาดและเต็มไปด้วยอำนาจนั้นทำให้วิจิตราต้องรีบเดินออกมาส่งทัพพ์ที่รถ
“ท่านประธานมีอะไรเหรอคะ”
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของคุณเหรอ”
“คะ” เธอมองเขาตาปริบๆ เขาเรียกเธอออกมาจะถามเรื่องแค่นี้เองน่ะเหรอ
“ว่าไงล่ะ”
“ค่ะ ขอโทษแทนน่าแสงด้วยนะคะที่ท่านนินทาคุณลับหลัง”
“ขอโทษแทนคนอื่นทำไม คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ที่ผมถามเพราะได้ยินคุณเรียกเขาว่าน้า แต่เขาเป็นภรรยาของพ่อคุณ”
“ค่ะ เขาเป็นแม่เลี้ยงน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ” ทัพพ์พึมพำอะไรบางอย่าง ก่อนจะสั่งงานที่จะต้องให้วิจิตราทำในช่วงเช้า
“งั้นผมไปก่อนนะ” เขาเดินไปขึ้นรถ วิจิตรายืนส่งเขาจนรถคันหรูลับหายออกไปจากซอยบ้าน
“เขาว่าอะไรฉันหรือเปล่า” พิมพ์แสงเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาวในทันทีที่เจอหน้ากัน
“ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ”
“ความจริงแกควรจะแก้ตัวแทนฉันไม่ใช่พูดโต้งๆ ออกไปว่าฉันแอบนินทาเขา”
“น้าแสงแอบฟังวิคุยกับคุณทัพพ์เหรอคะ”
“ไม่ได้แอบฟัง ฉันแค่อยากรู้ว่าแกจะเข้าข้างฉันบ้างไหม”
“พ่อคะ วิไม่ได้จะว่าน้าแสงนะคะ แต่น้าแสงไปว่าคุณทัพพ์ก่อน” เธอหันไปขอความช่วยเหลือจากบิดา
“จะผิดจะถูกเราก็ต้องเข้าข้างคนในครอบครัวก่อน เวลาเข้าตาจนหรือไม่มีใครก็คนในครอบครัวนี่แหละที่จะคอยช่วยเหลือเรา” ประโยคของบิดาทำให้วิจิตราต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน นึกน้อยใจบิดาเสียหลายครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน