เมียบำเรอท่านประธานเถื่อน

30.0K · จบแล้ว
B.J.
15
บท
4.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอเป็นเลขาจอมเฉิ่มของเขา ในสายตาของเธอ เขาทั้งดุ ทั้งปากร้ายและน่ากลัวเป็นที่สุด ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “วะ! ว้าย” เธอร้องเมื่อเขากระชากแขนของเธอเอาไว้ นั่นทำให้เธอสะดุดขาตัวเองจนหกล้มลงบนตัวของเขา ทัพพ์เองก็เสียหลักเพราะไม่คิดว่าเธอจะล้มลงมาทับบนตัวของเขา ทำให้ทั้งสองหกล้มไปด้วยกัน “นี่คุณ!” ทัพพ์เสียงดังใส่คนเหนือร่างที่ทาบทับอยู่บนตัวของเขา แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้นแหละ เขาก็ถึงกับตกตะลึง แว่นหนาเตอะของเธอหลุดออกจากใบหน้าสวยหวานที่เขาไม่เคยได้เห็นชัดๆ เช่นนี้มาก่อน เพราะแว่นตาของเธอปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ “ขะ... ขอโทษค่ะท่านประธาน” วิจิตรารีบลุก ในขณะที่ทัพพ์แกล้งกอดรัดหล่อนเอาไว้แน่น “ทะ... ท่านประธาน อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” เธอตะเกียกตะกายลุกขึ้น เลยล้มทับไปบนร่างของเขา ริมฝีปากจุ๊บไปที่ปากหนาเต็ม ๆ ทำเอาหล่อนถึงกับตาโต แก้มสาวแดงเรื่อร้อนผ่าว นึกในใจว่าคงต้องโดนเขาตำหนิอีกแน่ ๆ “คุณนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย” เขาทำเสียงดุใส่ แกล้งกอดรัดเธอเอาไว้แน่น “ปล่อยวิด้วยค่ะท่านประธาน” เธอเพิ่งรู้ว่าที่ลุกไม่ขึ้นก็เพราะว่าอ้อมแขนแกร่งของเขานี่แหละที่กอดรัดเธอเอาไว้แนบอก “ก็คุณทับผมเอาไว้แบบนี้ ผมจะลุกได้ยังไงกันล่ะ” เขาพูดไปอีกทาง ในขณะที่ร่างกายของเธอทาบทับเขาอยู่ วิจิตราสายตาสั้นตั้งแต่เด็ก เธอจึงมองใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจน ในขณะที่ทัพพ์มองใบหน้าของเลขาสาวจอมเฉิ่มแต่แสนน่ารักได้อย่างชัดเจน “ขอโทษค่ะ วิจะพยายามลุกนะคะ” เธอขยับตัวไปมา ร่างกายท่อนล่างเสียดสีกันมากขึ้น นั่นทำให้ทัพพ์สำนึกว่าควรปล่อยเธอ ไม่ใช่อะไรหรอก ถ้ายังอยู่ในลักษณะนี้ เขานี่แหละจะจับเธอปล้ำทำเมียเสียตั้งแต่ตอนนี้ เขายอมคลายอ้อมแขนออกอย่างแสนเสียดาย ในขณะที่เลขาสาวของเขากำลังควานมือหาแว่นตาหนาเตอะของเธอ ทัพพ์จัดการหยิบแว่นตาที่หล่นทำตกพื้นขึ้นมาสวมให้เลขาสาว เธอกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะมองใบหน้าของเขาชัดเจนขึ้น “ขอบคุณค่ะท่านประธาน” ในครานี้แม้จะมีแว่นตาหนาเตอะ แต่เขาก็สามารถมองทะลุแว่นไปถึงความสวยน่ารักของเธอได้ เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าเลขาสาวของเขาน่ารักน่าใคร่ขนาดนี้ ปกติสมภารจะไม่กินไก่วัด แต่ไก่วัดตัวนี้เนื้อตัวหอมกรุ่น ชวนเชิญอยากให้เขาได้ลิ้มลองเนื้อแสนหวานเสียเหลือเกิน

นิยายรักโรแมนติกรักหวานๆดราม่าโรแมนติก

1

“คุณวิจิตราเข้ามาหาผมในห้องหน่อย” วิจิตรา หรือวิ ศิริเวชกร เลขาสาวแสนเชยที่สวมแว่นตาหนาเตอะปิดบังใบหน้าเอาไว้เกือบครึ่ง รีบวิ่งกึ่งเดินเข้าไปในห้องของท่านประธานหนุ่ม ผู้เป็นเจ้านาย

ในสายตาของวิจิตรา เจ้านายหนุ่มที่ชื่อทัพพ์ ทินกรวุฒิไกรนั้น เขาคือเจ้านายจอมดุ ป่าเถื่อน ปากร้ายและใจร้ายเป็นที่สุด

แต่เธอก็ต้องทำงานที่นี่ ยืนหยัดเลี้ยงตัวเองให้ได้ ถ้าไม่เพราะพี่ที่รู้จักกันฝากฝังให้เธอมาทำงานที่นี่ เธอก็คงจะตกงาน เดินวิจัยฝุ่นอยู่ข้างถนน เหมือนที่มารดาเลี้ยงได้ปรามาสเอาไว้

ตั้งแต่บิดาแต่งงานใหม่ หลังจากมารดาเสียชีวิต ก็เหมือนกับว่าโลกทั้งใบของเธอถล่มทลายลงไปตรงหน้า

“วะ! ว้าย!” เพราะมัวแต่รีบเลยสะดุดขาตัวเอง ล้มหัวคะมำลงตรงหน้าของเจ้านายหนุ่มที่ใบหน้าเคร่งเครียดหนักกว่าเดิม

“เดินยังไงของคุณ!!!” ไม่มีการเข้ามาประคองเหมือนพระเอกนิยาย มีแต่ตำหนิจนร่างน้อยบอบบางของวิจิตราถึงกับสะดุ้งสุดตัว รีบตะเกียกตะกายลุกจากพื้นด้วยความหวั่นกลัว

“ขะ... ขอโทษค่ะท่านประธาน”

“คุณเบิ่งตาดูเอกสารที่พิมพ์มาซิ ว่ามันถูกต้องไหม คุณเรียนพิมพ์ดีดมาจริงๆ หรือคุณจิ้มดีดมากันแน่ ถึงได้จิ้มผิดจิ้มถูก ไหนว่าพิมพ์สัมผัสแบบไม่มองแป้นเลยยังไงล่ะ หรือผมต้องเปลี่ยนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ดีดให้คุณแทน” คำถามดุ ๆ ของทัพพ์ ทำให้วิจิตราต้องเผลอเม้มปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง

ทัพพ์ถอนใจพรืดใหญ่ ในใบสมัครงาน เธอโอ้อวดว่าพิมพ์งานเร็ว จบพิมพ์ดีดมาด้วยเวลาการพิมพ์ที่เร็วมากกว่าเพื่อนร่วมรุ่น

สายตาคมกริบของทัพพ์ทำให้วิจิตราหน้าซีด เธอไม่ควรแก้ตัวว่าเมื่อคืนต้องทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ ช่วยที่บ้านทำขนมและอาหารขาย

บิดาของเธอเปิดร้านขายข้าวแกง มารดาเลี้ยงเป็นคนช่วยเก็บเงิน ในขณะที่เธอต้องตื่นมาทำกับข้าวทุกอย่างตั้งแต่ตีสองทุกวัน ช่วงหัวค่ำก็ต้องช่วยเตรียมวัตถุดิบ พวกเครื่องแกง เนื้อสัตว์และผัก ไม่อย่างนั้นคงไม่ทันทำขายในตอนเช้า

เธอเรียนจบก็ตกงานอยู่นาน บิดากับมารดาเลี้ยงบ่นว่า แถมยังดูถูกว่าไม่น่าเรียนให้เปลืองเงินเลย ออกมาขายข้าวแกงตั้งแต่จบมอ. หก ก็ไม่ต้องเสียเวลาเรียนให้เสียเงินเสียทองขนาดนี้ คำดูถูกนั้น ทำให้เธอมุมานะหางานทำให้จงได้

วิจิตราอยากจะเถียงบิดามารดาเหลือเกินว่าเงินที่เธอเรียนระดับปริญญาตรี เธอหาด้วยตัวเอง จ่ายค่าเทอมด้วยตัวเอง เงินจากการขายข้าวแกงที่เธอต้องลุกขึ้นมาช่วยทำในทุกวันตั้งแต่ตีสองและต้องเตรียมวัตถุดิบตั้งแต่หัวค่ำ ถูกส่งให้น้องสาวสองคนและน้องชายหนึ่งคนได้เรียน ในขณะที่เธอเป็นพี่ก็ต้องเสียสละให้น้อง หากอยากจะเรียนก็ต้องทำงานพิเศษหาเงินเรียนเอาเอง

มารดาเลี้ยงมักพูดว่ามีบ้านให้อยู่ก็มีที่คุ้มกะลาหัว ดีกว่าออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก ดังนั้นก็ต้องช่วยทางบ้านทำงาน ส่วนน้อง ๆ ยังอยู่ในวัยเรียนก็มีหน้าที่เรียน ไม่ใช่มีหน้าที่ทำงาน อาจเพราะน้อง ๆ เรียนเก่งกว่าเธอ ในขณะที่เธอเรียนไม่ค่อยเก่ง บิดาจึงชื่นชมแต่น้อง ๆ ของเธอ บอกว่าเธอเรียนไม่เก่ง จบไปก็เอาใบปริญญาไปแขวนไว้ข้างฝา

“ดิฉันจะไปแก้ให้ท่านประธานเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” เธอรีบกุลีกุจอหยิบเอกสารจากแฟ้มขึ้นมากอดเอาไว้แนบอก เธอต้องอัดกาแฟให้หนักเพื่อจะได้ไม่ง่วง

เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้ทำงานประจำ ในช่วงกลางวันแม้จะต้องช่วยบิดาและมารดาเลี้ยงขายข้าวแกง เธอก็ยังแอบงีบได้บ้างเป็นพัก ๆ ตอนเข้าห้องน้ำหรือปลีกตัวไปล้างจานหลังบ้าน แต่พอมาทำงานประจำ เธอไม่มีเวลางีบเลย ขืนงีบในที่ทำงานก็คงจะโดนไล่ออกเป็นแน่

ทั้ง ๆ ที่บิดาและมารดาเลี้ยงรู้ว่าเธอมีงานประจำทำแล้ว พวกท่านก็ยังใช้ให้เธอเตรียมอาหารจนดึกดื่น และตื่นมาช่วยปรุงอีกในตอนตีสอง ถ้าเธอไม่ตื่นก็จะโดนบ่น หาว่าขี้เกียจสันหลังยาว อยู่บ้านแต่ไม่ช่วยกันทำมาหากิน เธอเคยเสนอจะให้จ้างคนมาช่วยแต่มารดาเลี้ยงปฏิเสธ บอกว่าต้องเสียเงินเพิ่ม ควรทำกันเองจะดีกว่า

ส่วนเงินเดือนของเธอนั้น เธอก็ต้องเจียดให้ทางบ้านด้วย ซึ่งในต่างจังหวัดเช่นนี้ เงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร เฉพาะค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอก็ไม่เยอะมาก เธอจึงถูไถไปได้ในเดือนนั้น ๆ แต่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็นค่าใช้จ่ายของน้อง ๆ ที่ทำให้เธอหัวหมุน

หากไม่เพราะรุ่นพี่ที่รู้จักเอ็นดูเธอ เธอก็คงไม่ได้ทำงานกับทัพพ์ ผู้ชายจอมเนี๊ยบกับการทำงานแต่หน้าตาดูเถื่อนและใจร้าย

บริษัทของทัพพ์เป็นบริษัทใหญ่ในต่างจังหวัด จำหน่ายวัสดุก่อสร้างครบวงจร และยังรับสร้างบ้าน รับทำทุกอย่างเกี่ยวกับบ้าน

ครอบครัวของทัพพ์มีกิจการเกี่ยวกับการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างหลายจังหวัดในภาคใต้ ถือว่าเขาเป็นเศรษฐีเมืองใต้ที่เป็นที่นับหน้าถือตา ทั้งด้านฐานะ ทั้งด้านชื่อเสียง เพราะญาติ ๆ หลายคนเป็นนักการเมืองท้องถิ่น

วิจิตรารีบแก้งานแล้วนำกลับไปให้ทัพพ์ใหม่ รอบนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ตำหนิติติงอะไรเธออีก นั่นทำให้เธอต้องลอบผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“คุณวิ” ประโยคเรียกขานของเจ้านายหนุ่มทำให้วิจิตราสะดุ้งสุดตัว ท่าทีและหน้าตาที่เหลอหลาของเธอ ทำให้ทัพพ์ต้องพิงร่างไปกับพนักเก้าอี้ ใช้มือประสานกันเอาไว้ที่ตัก สายตาคมกริบกวาดมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า วิจิตราเป็นเลขาเส้นใหญ่ที่เขาต้องจำรับเข้ามาทำงานอย่างเสียไม่ได้

ทินกรพี่ชายของเขาขอให้เขารับวิจิตราเข้าทำงาน เขาเคยรับปากว่าจะช่วยเหลือทินกรหากเขาต้องการความช่วยเหลือ เรื่องที่พี่ชายได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากการโดนผู้หญิงจับทำ ‘ผัว’ เพราะเผลอไปนอนกับเจ้าหล่อนตามแผนการ แต่แผนดันมาแตกเพราะทินกรรู้ความจริงเข้า ว่าหล่อนกำลังตั้งท้องลูกของคนอื่น เลยหวังมาจับเขา

เรื่องผู้หญิงเขาไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว ตามประสาผู้ชายทั่วไปที่ต้องหาความสุขใส่ตัว แต่สิ่งที่เขาไม่ต้องการคือพันธะผูกมัดที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง ยกเว้นวิน ๆ กันทั้งคู่ จ่ายเงินจบครบในคืนเดียว

“เงินเดือนที่ผมจ่ายให้คุณมันน้อยเกินไปรึไงกัน” ประโยคคำถามของทัพพ์ทำให้วิจิตราครุ่นคิด สำหรับเจ้านายของเธอแล้ว การจะตอบอะไรออกไปมันต้องคิดแล้วคิดอีก ตอบไม่ดีได้โดนดุเอาอีก

“เงินเดือนไม่น้อยเลยค่ะ วิโอเคกับเงินเดือนนะคะ” วิจิตราคิดว่าเงินเดือนของเธอค่อนข้างมากเสียด้วยซ้ำ กับตำแหน่งเลขาของทัพพ์

ในต่างจังหวัดเช่นนี้เงินเดือนสองหมื่นห้าพันบาท กับการทำงานไม่ไกลจากบ้านมากนัก มันมากพอสมควรสำหรับเธอ แม้เพื่อนคนอื่น ๆ จะได้เงินเดือนมากกว่า อวดรวย กินหรูอยู่แพงกันแค่ไหนเธอไม่เคยสนใจ เพราะวัน ๆ ต้องก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน ไม่มีเวลาสนใจเรื่องของชาวบ้านชาวช่องที่ไหน

“แล้วทำไมเธอถึงยังแต่งตัวแบบนี้มาทำงาน”

“คะ” วิจิตราหลุดเสียงอุทานออกมา

แต่งตัวแบบนี้หมายความว่าแต่งตัวแบบไหน

!!!