ทัณฑ์เถื่อนเมียบำเรอ บทที่1.จุดเริ่มต้นของความแค้น... 3/4
“แกมันแหยเหม...นายแม่ถนอมแกเกินไปจนแกอ่อนเป็นวุ้น แกมาอยู่ที่นี่ล่ะดี...พี่จะฝึกแกให้เป็นแมนเต็มร้อย ไม่ใช่อ่อนปวกเปียกเหมือนตอนนี้”
สิงหราชพูดเสียงห้าว เปี๊ยกยกมือขึ้นตบเปาะแปะ หากใครก็ตามที่ถูกเคี่ยวด้วยฝีมือนายสิงห์ รับประกันความห้าว เพราะหลักสูตรแต่ละอย่างที่เปียกเคยเห็น ‘มันโคตรโหด’ ขอบอก
ไม่มีคำตอบจากปากน้องชาย มีแต่ใบหน้าที่ก้มลงจนปลายคางจรดแผ่นอก เขาท้อแท้ หมดกำลังใจ ไม่อยากแม้แต่จะลืมตา ไม่อยากแม้แต่จะหายใจ
“อย่าคิดบ้าๆ แบบนี้อีก แกก็รู้ หากแกเป็นอะไรไป นายแม่คงสิ้นใจตามแก”
สิงหราชผ่อนลมหายใจยาวๆ เขานึกถึงมารดา สาวสังคมชื่อก้อง แม่นายของปิยวาทิน นายแม่สีลา ปิยวาทิน สิงหราชเป็นบุตรชายคนโต เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เพราะบิดาสิ้นใจก่อนวัยอันควร สิงหราชจึงกระโจนเข้าสู่การทำงานตั้งแต่แรกรุ่น เขายอมทิ้งโอกาสที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก เลือกเข้ามาบริหารงานเหมืองแร่เต็มตัวแทน โดยปล่อยให้น้องชายที่ห่างกัน2 ปี ให้อยู่กับมารดาที่บ้านหลังใหญ่กลางเมือง
ชายหนุ่มเรียนรู้ ตั้งแต่การทำงานระดับล่างๆ โดยหัวหน้าคนงานเก่าแก่ ลุงคำปันเป็นคนสอนสั่ง ไม่เกี่ยงแม้งานจะหนักจนเหนื่อยแทบขาดใจ เพียงเพราะต้องการรู้วิธีทำ เพื่อไว้ใช้สอนคนงาน
เรื่องตีรัน ฟันแทงเป็นเรื่องปกติ เหมือนอาหารที่ต้องกินเข้าไปประทังชีวิต เขาหัวหก ก้นขวิด เดินทางในเส้นทางลูกผู้ชาย จนแกร่งกล้าจวบทุกวันนี้
เหมืองแร่ปิยวาทิน... เป็นแหล่งผลิตแร่ขนาดใหญ่ มีออเดอร์ที่ต้องส่งออก มีรายได้มากมายมหาศาล จนมีแต่คนโลภอยากจะครอบครอง
แต่สิงหราชยืนเป็นก้าง จวบจนปัจจุบัน ไม่มีใครกล้ายื่นตีนเข้ามาแกว่ง เพราะหากถูกตอบโต้...มันหมายถึงความฉิบหาย!! เมื่อสิงหราชกัดไม่ปล่อย เขาถูกขนานนามว่าเสือบ้า...เพราะหากสิงหราชกัด เขากัดจมเขี้ยว!!
“ผมอยากเก่งได้ครึ่งหนึ่งของพี่”
เหมราชไม่ได้ล้อเล่น เขาอยากเก่ง อยากฉลาดเหมือนพี่ชาย แต่เขามันก็เป็นได้แค่ไอ้โง่ เพราะผู้หญิงหัวอ่อนคนเดียวเขายังถูกหล่อนหลอก ไม่คิดว่าใบหน้าหวานๆ ตาซื่อๆ จะถูกฉาบหน้าไว้ด้วยพิษร้ายๆ ของอสรพิษ
“แกเป็นแบบฉันได้วะเหม แต่แกต้องลุกขึ้นยืน ไม่ใช่นอนทอดอาลัยอยู่แบบนี้ อีห่านั่นมันไม่สนคนปวกเปียกหรอก!! แกก็ต้องแกร่ง แล้วกลับไปเอาคืน”
ในอนุสติของสิงหราช ไม่มีคำว่า ‘แพ้’ ใครดีมา เขาดีตอบ หากใครร้าย...มันจะได้ร้ายตอบนับสิบเท่า
หากเพลี่ยงพล้ำ หลงกลคนชั่ว ชายหนุ่มจะถอยไปตั้งหลัก และกลับไปย้อนเกร็ดเอาคืน
ให้พังกันไปข้างหนึ่ง สมยานามของสิงหราช คือ ‘สิงห์เถื่อน’
เขากัดไม่ปล่อย ฟัดไม่ยอมถอย หากจะพัง คนๆ นั้นต้องไม่ใช่เขา
“เปี๊ยกๆ ไอ้เปี๊ยก พานายเหมไปอาบน้ำ หายาให้กินด้วย อากาศมันเย็น น้ำในบึงก็เย็นฉิบหาย”
ฟันของเหมราชกระทับกันดังกึกๆ กักๆ เพราะอากาศช่วงเดือนธันวาคมมันเย็นยะเยือก น้ำในบึงไม่ต้องพูดถึง เหมือนโยนลงไปในบ่อน้ำแข็ง แต่เพราะความหวังดีของสิงหราช เขาอยากปลุกสติของน้องชาย ให้กลับเป็นผู้เป็นคน ไม่ใช่จมอยู่กับความผิดหวัง
“ทำเองยังจะบ่น”
เด็กชายวัยรุ่นบ่นอุบ เขาก้มหน้าหลบสายตา ‘ก็ใครจะกล้าสู้ตานายสิงห์ คนอะไรตาโหดฉิบหาย’
“กูให้มึงเฝ้านายเหมนะเปี๊ยก มึงเผลออีท่าไหน ปล่อยนายเหมรอดสายตา เกือบไปนะมึง”
ชายหนุ่มยังคงบ่น ‘และเด็กหนุ่มวัยรุ่นก็นินทาในใจ นายสิงห์ทำเหมือนผู้หญิงสูงวัย เป็นป้าแก่ๆ บ่นไม่เลิก’
“อย่าให้กูรู้นะเปี๊ยก มึงแอบเล่นเกม...กูจะตัดอินเตอร์เนต ไม่ต้องล่ง ต้องเล่นมันล่ะ”
ชายหนุ่มยังตะโกนขู่ ช่วงหัวเลี้ยว หัวต่อ ต้องจับตามองเหมราชแบบไม่ให้คลาดสายตา เขาอยากจะมาเฝ้าเอง แต่เกรงว่าจะทำให้เหมราชอึดอัดใจเพราะมันเหมือนกดดันน้อง แถมงานในเหมืองก็ยุ่งวุ่นวาย วันๆ แทบจะไม่มีเวลาหายใจ แล้วอย่างนี้...จะมีเมียได้ยังไง อยู่แต่กับฝุ่นผง จนมองเห็นก้อนกรวด ก้อนดินสวยปานนางฟ้า