บทที่ 2
“ก็เราบอกว่าจะทำให้พี่คลายเครียดไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนี้สักหน่อย ถึงหนูจะเป็นเด็กนั่งดริ้งแต่หนูก็ไม่ได้ขายตัวนะคะ”
“ไม่ได้ขาย...มาทำอาชีพนี้แล้วใครจะเชื่อล่ะ อยากได้เท่าไหร่ว่ามา” เขาเองก็ทำหน้าจริงจังไม่ต่างจากฉัน
“ล้านนึงสำหรับที่พี่จูบแล้วก็จับหน้าอกหนู”
“มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ ทำอาชีพนี้เสือกมาหวงเนื้อหวงตัว”
“ถึงหนูจะขายตัวจริง ๆ พี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้ถ้าหนูไม่ได้ยินยอม จ่ายมาสองพันก่อนหนูถึงจะยอม” ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบง่าย ๆ หรอก เสียไปแล้วอย่างน้อยต้องได้อะไรคืนมาบ้าง
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยิ้มมุมปาก ส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับกำลังสมเพชเวทนาฉันเต็มที ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบธนบัตรใบละพันมาปึกหนึ่ง
“อ่ะ พี่ให้หนึ่งหมื่นแล้วคืนนี้ไปค้างที่บ้านกับพี่” ฉันเกลียดสายตาดูแคลนนั้นเหลือเกิน อยากจะใช้เล็บยาว ๆ ขูดที่ใบหน้าแล้วเอาน้ำเกลือราดซะให้เข็ดหลาบ
ฉันรับมาแล้วทำเป็นนับ จากนั้นหยิบเอาแค่สองพัน ส่วนที่เหลือโยนคืนให้เขาไป
“หนูเอาแค่สองพันพอ ถึงหนูจะจนแต่ก็ไม่ชอบเอาเปรียบคนอื่นหรอกนะคะ” ฉันลุกขึ้นจากโซฟา มองหน้าพี่คนนั้นแล้วกระตุกยิ้ม “นิสัยอย่างนี้สินะเมียถึงได้มีชู้”
“นี่เธอ!”
เขาชี้หน้าฉันทันทีหลังจากพูดจบประโยค ดูท่าทางอีกฝ่ายคงจะโมโหมาก กำหมัดแน่นจนตัวสั่น ส่วนฉันได้แต่หัวเราะในใจ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับยัยวา ฉันสวยขนาดนี้ไม่มีทางจะหมดอนาคตเพราะปฏิเสธนายแน่
“ไปนะคะคุณพี่ ขอบคุณสำหรับเงินสองพันบาท” จูบเงินอย่างน่าหมั่นไส้แล้วเดินออกจากตรงนั้น ลงไปหาพี่ต้อมที่หน้าเคาน์เตอร์
ฉันเดินตรงไปหาพี่ต้อมด้วยสีหน้าบูดบึ้ง มาถึงก็เห็นอีกฝ่ายยืนคุยกับลูกค้าชาวต่างชาติ จึงยืนกอดอกรออยู่อย่างนั้น เมื่อเสร็จแล้วพี่ต้อมก็หันมามอง เชิงตั้งคำถามว่าฉันเป็นอะไร
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นยะแม่สาวน้อย”
“ก็ลูกค้าพี่อ่ะลวนลามหนู”
“มันเป็นปกติอยู่แล้วไหมยะ แต่ก่อนไม่เคยเห็นบ่น”
“ก็ครั้งนี้มันเยอะไง” ฉันตอบกลับทันควัน
“เยอะยังไงไหนเล่ามาซิ”
“ก็เขาจูบหนูแล้วขยำหน้าอกจนเกาะอกเกือบจะหลุดติดมือออกไปด้วยอ่ะ” พูดแล้วก็ขนลุก เกิดมายังไม่เคยโดนลวนลามถึงขั้นนี้เลย
นายคือจูบแรกของฉันรู้ไว้ด้วยนะไอ้ผู้ชายไม่มีน้ำยา ไอ้ผู้ชายโดนเมียทิ้ง
“หื่นขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ยคนไหนยะยัยวา” พี่ต้อมตกใจพอสมควรเมื่อรู้ว่าฉันโดนอะไรบ้าง หากเป็นเด็กคนอื่นโดนพี่แกคงไม่ได้อะไร แต่ฉันเป็นคนเดียวในร้านที่ยังใฝ่เรียนอยู่ และทุกคนที่ทำงานในนี้ก็รู้ดีทั้งนั้น
“ก็คน...” กำลังจะชี้ให้ดูแต่พอหันไปมองก็พบว่า เขาได้เดินมาจนเกือบจะถึงตรงที่เราทั้งสองยืนอยู่แล้ว
“คนไหนยะ”
“กำลังเดินมาโน่นไงล่ะ” ฉันพูดเบาเสียงไม่อยากให้เขาได้ยิน
“พี่มีเรื่องจะคุยกับเราน่ะ” เขาเดินเข้ามายืนตรงหน้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ ต่างจากเมื่อตอนอยู่ข้างบนลิบลับ
“มีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ หนูจะไปทำงานต่อ” ฉันทำเป็นเมินไม่ยอมสบตาเขา
“ลูกค้ามีอะไรกับน้องหรือเปล่าคะ พอดีดิฉันเป็นผู้จัดการร้านค่ะ”
“อ้อ งั้นเหรอครับ พอดีผมอยากคุยกับน้องคนนี้สองต่อสองได้ไหมครับ”
“ไม่ค่ะ! หนูไม่มีอะไรจะคุยกับพี่แล้ว”
“ยัยวาทำไมพูดกับลูกค้าแบบนั้นล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ เอาเป็นว่าผมจะให้ค่าเสียเวลาชั่วโมงละห้าพัน แค่คุยกันอย่างเดียวไม่มีอะไรมากกว่านั้น” เขายื่นข้อเสนอให้พี่ต้อม รายได้งามขนาดนี้มีหรือที่ผู้จัดการร้านสุดสวยจะปล่อยให้หลุดมือไป
“ได้ค่ะไม่มีปัญหาเดี๋ยวดิฉันจัดการให้”
“พี่ต้อมอ่ะ!”
“ขอตัวแปบนึงนะคะ”
นางส่งยิ้มให้ลูกค้าแล้วลากตัวฉันออกมาจากตรงนั้น
“ชั่วโมงละห้าพันเลยนะแก พี่ขอร้องล่ะทำเพื่อร้านนะ ส่วนเงินที่ได้พี่ให้ครึ่งนึงโอเคไหม”
“แต่ถ้าเขาลวนลามหนูอีกล่ะ”
“พูดอย่างกับแกจะยอมงั้นล่ะ พี่มั่นใจว่าเขาไม่ทำอะไรแกหรอก ดูท่าแล้วคงมีเรื่องอยากคุยด้วยจริง ๆ นั่นล่ะ”
“โอเคก็ได้ หนูทำเพื่อพี่ต้อมนะเนี่ย”
“งั้นรีบไปเลยจ้ะ” พี่ต้อมยิ้มกว้างราวกับได้ลาภก้อนโต พาฉันกลับเดินไปหาเขาที่เดิม
ฉันพาเขาขึ้นไปนั่งบนชั้นดาดฟ้า ที่มีโต๊ะไว้คอยบริการลูกค้าที่ชอบชมวิวทิวทัศน์สวย ๆ ในยามค่ำคืน อากาศเย็นสบายจากลมธรรมชาติทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ที่นั่งแล้วอีกฝ่ายก็เข้าเรื่องทันที