บทที่ 1
มันเป็นเรื่องยากสำหรับการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้เพียงลำพังมาตั้งแต่เด็ก บางครั้งความเหงาก็เข้ามาจับจองพื้นที่หัวใจ ไม่สามารถมองหาใครพอที่จะมาโอบกอดในช่วงเวลาที่สุดแสนจะเจ็บปวดนั้นได้เลย แต่ฉันกลับไม่ยอมให้โชคชะตากลั่นแกล้งเพียงฝ่ายเดียว ทำทุกวิถีทางถีบตัวเองให้สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อลบคำสบประมาทของใครต่อใครที่มองเราแค่เปลือกนอก
ฉันเติบโตมาในชุมชนแออัดที่ใคร ๆ ต่างก็เรียกว่าสลัม จนถึงอายุสิบขวบพ่อกับแม่ก็มาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ด้วยเหตุผลนั้นทำให้ฉันใช้ชีวิตมาโดยลำพัง ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบชั้นม.6 จากนั้นก็ตัดสินใจหางานทำพร้อมทั้งเรียนรามไปด้วย จนตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 แล้ว
“วา!”
“ว่าไงคะพี่ต้อม”
เมื่อหันไปมองก็เห็นพี่ต้อมผู้จัดการผับส่งยิ้มมาให้ พี่ต้อมเป็นสาวประเภทสองที่สวยและวางตัวดีมาก แถมยังดูแลลูกน้องไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยสักนิด
“ไปดูแลลูกค้าโต๊ะนั้นให้หน่อยสิขาดอยู่คนนึง แต่ละคนกระเป๋าหนักกันทั้งนั้นเลยนะ เก่ง ๆ อย่างวาคงจะเอาอยู่แน่นอน”
พี่ต้อมชี้ให้ดูกลุ่มลูกค้าที่นั่งอยู่มุมวีไอพีบนชั้นสอง ก็พบกลับกลุ่มนักท่องราตรีชายประมาณสี่คน ดูจากการแต่งตัวแล้วคงจะกระเป๋าหนักเหมือนอย่างที่พี่ต้อมพูดแน่ ๆ
“ได้ค่ะไม่มีปัญหา” รับปากโดยเร็วเพราะการเป็นเด็กนั่งดริ้งมันคืองานของฉัน
“งั้นพี่ฝากด้วยนะ”
“ค่ะพี่ต้อม”
หลังจากตกปากรับคำพี่ต้อมแล้ว ฉันก็ดันเกาะอกให้สูงขึ้นอีกนิด กลัวว่าจุกมันจะโผล่ต่อหน้าลูกค้าจนทำให้ตบะแตกไปเสียก่อน
เดินมาถึงก็พบว่าตรงนั้นมีคนดูแลอยู่ก่อนแล้วสามคน ส่วนลูกค้าที่นั่งริมสุดยังไร้คนคอยดูแล เมื่อเห็นเป้าหมายแล้วจึงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ แสดงจริตจะก้านให้สมบทบาท
“สวัสดีค่ะพี่”
“อ้าว! เด็กมึงมาแล้วว่ะคิน” หนึ่งในกลุ่มเอ่ย ส่วนคนที่นั่งดื่มอยู่นั้นยังคงทำหน้าเซ็ง ๆ เช่นเดิม
สรุปว่าเขาเต็มใจหรือโดนเพื่อนบังคับมากันแน่
“...”
“น้องเข้าไปนั่งเลยมันกำลังมีเรื่องเครียด ๆ อยู่ ถ้าทำให้มันหายเครียดได้พี่จะให้ทิปหนักๆ”
“ได้เลยค่ะพี่”
เมื่อได้ยินคำว่าทิปหนัก ๆ ฉันก็ตาลุกวาวรีบเดินเข้าไปนั่งข้างผู้ชายคนนั้น แย่งแก้วเหล้าในมือมาชงให้ใหม่
“เดี๋ยวหนูชงให้ใหม่นะคะพี่ วันนี้จะดูแลพี่ให้ดีที่สุดเลยค่ะ” ฉันว่าพลางชงเหล้าไปด้วย
เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับเป็นของแปลกซะอย่างนั้น
“อายุถึงสิบแปดหรือยังล่ะเรา” เสียงเข้มเอ่ยถามราวกับโกรธใครมาซะอย่างนั้น
“อุ๊ย! หน้าหนูอ่อนเยาว์ขนาดนั้นเลยเหรอคะคุณพี่ ตอนนี้ยี่สิบเอ็ดแล้วค่ะ ทำงานได้ไม่ผิดกฎหมาย” ว่าพร้อมยื่นแก้วเหล้าให้
“ถ้างั้นก็รับงานนอกได้แล้วสิ” เขาถามหน้าตาย แทบเดาอารมณ์ไม่ออก ฉันยิ้มเจื่อนทันทีเมื่อได้ยิน ปกติแล้วฉันไม่ได้เป็นเด็กขายนะคะ แค่ให้จับนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ถ้ามากกว่านั้นฉันก็จะถอนตัวออกไปในทันที
“แหม!! มีความสุขกันแค่ที่นี่ก็พอแล้วมั้งคะ หนูรับรองว่าจะดูแลพี่ไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียว”
“มาดูแลพี่อีกสักคนก็ได้นะครับน้อง” คนที่นั่งข้างกันแทรกเสียงมา
“พี่ก็มีน้องน้ำอยู่แล้วไงคะ วันนี้หนูจะอาสาคลายทุกข์ให้พี่คนนี้เอง”
“เฮ้ย! ไอ้คินมึงทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยก็ได้มั้ง แค่เมียมีชู้เองนะเว้ย ฮ่า ๆ”
หืม!! เมียมีชู้งั้นเหรอ หน้าตาหล่อเหลา หุ่นล่ำขนาดนี้เมียยังจะมีชู้อีกงั้นเหรอ แสดงว่าชู้นางจะต้องเป็นเทพบุตรแล้วล่ะ
“หุบปากไปเลยมึง”
“โอเค ๆ กูอุตส่าห์พามาคลายเครียดทั้งทีก็จัดหนักจัดเต็มหน่อยสิวะเพื่อน”
“เออ! เดี๋ยวกูจัดหนักให้พวกมึงดู” คุยกับเพื่อนแล้วเขาก็หันมามองหน้าฉัน จ้องมองริมฝีปากราวกับมันเป็นอาหารอันโอชะ จากนั้น...
“อุ๊บ!! อื้อ...” เขาจูบฉันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว มือข้างหนึ่งคว้าเอวเข้าไปกอดไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับตัวหนี ส่วนอีกข้างขยำเนินอกแรง ๆ
ไอ้บ้า! มันจะมากไปแล้วนะฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่านะเว้ยยยย!!!
“โอ้โห!! สุดยอดเลยว่ะเพื่อน”
“จัดไปให้หายแค้น เอาให้ลืมเมียมึงไปเลย”
เสียงเพื่อนเขาส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม ไม่ดูสภาพฉันเลยว่าตอนนี้แทบจะแหลกคามือแล้ว คนบ้าอะไรบทจะหื่นก็หื่นเอาเป็นเอาตาย วันนี้ฉันต้องคิดค่าเสียหายให้หนัก ๆ เลยคอยดู
“แฮ่ก ๆ ๆ พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย” เมื่อสมใจแล้วเขาก็ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ ฉันรีบใช้หลังมือเช็ดที่ริมฝีปากแสดงท่าทีรังเกียจเขาเต็มประดา