ตอนที่ 3 ความอิ่มเอมใจแม้ชั่วขณะ ep3
ตรีอภิรมย์ขับรถออกจากหน้าร้านอาหารของนักแสดงรุ่นใหญ่คนหนึ่ง หลังจากแยกย้ายจากงามตาและนักแสดงรวมทั้งทีมงานละครทุกคน เธอมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยหัวใจที่เลื่อนลอย เมื่อห้วงมโนนึกทำให้เธอเห็นใบหน้าสี่เหลี่ยมได้รูปของปราชญ์ลอยเด่น
ส่วนประกอบของเครื่องหน้าเข้มคมโดดเด่นขึ้นมา ทั้งคิ้วหนาที่ดกดำขนานกับดวงตารีใหญ่ที่คมกริบ ปลายจมูกโด่งเป็นสันอย่างสวยงาม รับกับริมฝีปากได้รูปสีชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงสุขภาพที่ดีของเขาอย่างชัดเจน
เรือนร่างสูงใหญ่สง่างามดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ลักษณะที่ดีบ่งบอกถึงความเฉียบคมในด้านสมองและสติปัญญาที่ไม่เป็นรองใคร ทำให้เธอต้องทอดถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่า
“ปราชญ์ โกมลเฉลิม..”
เธอเรียกชื่อของเขาออกมาเบา ๆ พร้อมกับลมหายใจที่ถูกระบายออกมาเป็นระรอกเมื่อนึกถึงโฉมสะคราญของดาราสาวอย่างมัณฑิตาที่แสดงตัวอย่างชัดเจนถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างเขากับหล่อน
“อยากรู้จังว่า ผู้ชายที่ดูดีไปทุกตารางนิ้วอย่างคุณ เปรียบผู้หญิงเป็นอะไร..”
เธอระบายลมหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะเร่งความเร็วไปอีกนิดเมื่อผ่านสี่แยกหลังจากไฟเขียวเปิด เธอก็ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของคฤหาสน์หลังงามทันที
แต่ทว่าความมุ่งหมายของเธอไม่อาจเป็นไปตามคาด เมื่อมีรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งทะยานออกมาจากซอยที่ไฟดับ ทำให้เธอเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว
...เอี๊ยดดดด..
รถคันนั้นสามารถรอดไปได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางความตกใจของคนที่สัญจรผ่านไปมา แต่ทว่า เธอกลับขับรถเสียหลักเสยขึ้นไปบนฟุตบาท ดีที่ถุงลมนิรภัยทำงานเธอจึงไม่ได้รับอันตราย แต่ก็ตกใจจนเนื้อตัวสั่นเทา ใบหน้าเผือดซีด
ตรีอภิรมย์นั่งเงียบอยู่ในรถแม้เครื่องยังสตาร์ทอยู่ มีกลุ่มคนวิ่งกรูกันเข้าไปล้อมรอบรถของเธอ บ้างก็เคาะกระจก บ้างก็พยายามดึงประตู บ้างก็เอาไฟมาส่องดูความเคลื่อนไหวภายในรถ
“คุณ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า..”
เสียงเรียกของพลเมืองดีทำให้เธอค่อย ๆ เรียกสติกลับคืนมา พร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วปลดล็อคประตู ผลักให้เปิดออก แต่กว่าจะก้าวออกมาจากรถได้เธอก็ต้องรวบรวมสมาธิอยู่ครู่ใหญ่
“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ..”
ตำรวจนายหนึ่งร้องถามเมื่อก้าวเข้ามาใกล้ร่างบางที่พยายามทรงกายยืนเบียดประตูรถ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันปลอดภัยดี แต่ว่า..”
เธอกวาดสายตาเหมือนจะมองหาใครหรืออะไรบางอย่างที่ไม่เห็นแม้เงาหรือร่องรอย
“มีอะไรหรือครับ..”
“รถมอเตอร์ไซด์!!ที่ออกมาจากซอย เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ..”
“ไม่มีนี่ครับ ผมมาถึงที่นี่เพราะได้รับรายงานว่ามีรถเสยขึ้นมาบนฟุตบาท..”
นายตำรวจหนุ่มมองหน้าเธออีกครั้งก่อนจะสำรวจไปรอบคันรถท่ามกลางสายตาของพลเมืองดีเกือบสิบ
“คุณเมาหรือเปล่า ผมจำเป็นต้องขอตรวจใบอนุญาตขับขี่และวัดแอลกอฮอล์..”
เธอมองหน้านายตำรวจหนุ่มคนนั้นนิ่งด้วยความไม่พอใจ
“คุณตำรวจคะ ฉันหักพวงมาลัยหลบรถมอเตอร์ไซด์ที่แล่นออกมาจากซอยนี้นะคะ ฉันไม่ได้เมา..”
“แต่ไม่มีคู่กรณีนี่ครับ..”
“จะต้องให้มีคนตายอยู่ตรงนี้ก่อนหรือไงฉันถึงจะพ้นข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ..”
นายตำรวจนิ่งไปชั่วครู่
“หากเกิดเหตุการณ์นั้นจริง คงมากกว่าข้อหาเมาแล้วขับครับ เพราะต้องมีคดีอีกยึดยาว..”
นายตำรวจกางมือแตะที่หมวก
“กรุณาให้ความร่วมมือด้วยครับ ผมปฏิบัติตามหน้าที่..”
“เฮ่ย..บ้าชะมัด..”
อาการตกใจจนแทบช็อคอันตรธานหายไปสิ้นเมื่อความไม่สบอารมณ์แล่นปราดเข้ามาครอบครองแล้วก็ติดตามด้วยความหงุดหงิดเมื่อพบว่าเธอผ่านการดื่มมาจริง
“นี่คุณตำรวจ แชมเปญแค่สองแก้ว ฉันไม่เมาหรอกนะคะ..”
“ใจเย็นสิครับ ผมก็ไม่ได้บอกว่าคุณมีแอลกอฮอล์เกินจนเป็นความผิดนี่ครับ..”
“แล้วฉันจะกลับได้หรือยังคะ..”
นายตำรวจนิ่งก่อนจะมองไปที่รถของเธอ
“ดูเหมือนว่า..กันชนจะเสียหายและที่สำคัญยางรถของคุณ..”
คำพูดของนายตำรวจทำให้เธอรีบเดินไปมองดูสภาพของรถแล้วก็ต้องหงุดหงิดเพิ่มจากเดิมอีกเท่าตัว
“บ้าที่สุดเลย..”
ในขณะที่เธอกำลังหงุดหงิดและวุ่นวายจนเกิดความเครียด รถ LEXUS LS460 สีดำ ก็แล่นเข้ามาจอดชิดริมถนนที่พอจะมองเห็นยี่ห้อและสีรวมทั้งเลขทะเบียนของรถ ยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าของร่างบางอรชรที่ดูเย้ายวน ไม่ว่าจะมองมุมไหน จะมองเวลาใด ทำให้คนที่ให้ความสนใจตั้งแต่แรกเห็นต้องจดจำได้ขึ้นใจ
“มีอะไรหรือครับคุณตรี..”
เสียงเรียกนั้นเหมือนเสียงสวรรค์ก็ไม่ปานเมื่อเธอหันมาตามเสียงแล้วได้มองเห็นเขา
“คุณปราชญ์!!..”
รอยยิ้มน้อย ๆ ผุดขึ้นแต่งแต้มดวงหน้าหวานละไมที่บ่งบอกถึงความขัดข้องในดวงใจอย่างไม่ทันรู้ตัว
“มอเตอร์ไซด์ตัดหน้ารถฉันค่ะ แต่พอฉันหักพวงมาลัยหลบ รถมอเตอร์ไซด์คันนั้นก็ล่องหนไปแล้ว ฉันก็เลยถูกตั้งข้อหาเมาแล้วขับ และสภาพรถก็เป็นอย่างที่เห็น..”
ปราชญ์มองไปยังนายตำรวจหนุ่มคนนั้นแล้วเดินตรงเข้าไปพูดจากับเขาไม่กี่คำ ปราชญ์ก็เดินกลับมาหาเธอซึ่งมีทีท่าไม่พอใจนายตำรวจจราจรนายนั้นอยู่เป็นทุน
“ผมไปส่งนะครับ ส่วนรถคุณ ผมจะโทรให้ช่างที่ผมรู้จักมาลากไปซ่อมให้..”
“ขอบคุณนะคะ แต่ว่า..”
ตรีอภิรมย์พูดพลางมองไปยังรถของเขาเหมือนจะหาใครสักคน แต่ก็ไม่เห็นแม้เงา
“คุณมัณฑิตาล่ะคะ..”
“ผมไปส่งเธอที่บ้านแล้วผมก็กำลังจะกลับบ้านครับ..”
เขาพูดพร้อมกับเดินมาที่รถและเปิดประตูด้านข้างคนขับให้เธอ
“ขอบคุณนะคะ..”
เขายิ้มรับแล้วปิดประตูเบา ๆ หลังจากเธอก้าวขึ้นไปนั่ง