ตอนที่3 ถ้าเธอตายไป
ตอนที่3 ถ้าเธอตายไป
“ไม่เห็นนายเคยบอกเลยว่าจะมีเมีย” เสียงเรียบนิ่งของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นถามเธอ แต่ใบหน้าของเขาถูกคลุมด้วยผ้าขาวม้าลายสก็อตขาวดำ ทำให้มองเห็นแค่ดวงตาคมเข้ม
“พอจะมีใครพาฉันไปหาคุณสายลมหน่อยได้ไหมคะ” เอวาไม่ได้ตอบคำถามนั้น เพราะไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เธอจึงถามคำถามเดิมขึ้นแทน
“ตามมาสิ” แล้วผู้ชายคนเดิมก็พูดขึ้นก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินนำเธอไปยังที่ที่เธอต้องการ
“เอ่อ...” ทั้งที่ถามออกไปว่าพอจะมีใคร แต่พอเอาเข้าจริงแล้วเธอก็หวังว่าจะมีผู้หญิงสักคนที่อาสาพาเธอไปเพราะยังไงตอนนี้ฟ้าก็ยังไม่สร่าง เธอจะต้องเดินไปกับผู้ชายคนนั้นสองต่อสองเหรอ
“หรือเธอโกหก” เขาเห็นว่าเธอไม่ได้ตามไปจึงหันมาถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเดิม
“เปล่าค่ะ”
“งั้นก็ตามมา” เขาสั่งขึ้นเสียงเรียบก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่คิดจะรอเธอ
“ถ้าไม่ได้โกหกก็ตามไปสิ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นไล่เธอ ซึ่งพอเธอกวาดสายตามองพวกเขาแล้วก็เห็นว่าพวกเขามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
มันเป็นสายตาที่ทำให้เอวารู้สึกทำตัวไม่ถูกและไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายก็ได้แต่ตัดสินใจเดินตามผู้ชายร่างสูงในชุดดำคนนั้นไปห่างๆ อย่างทำอะไรไม่ได้
“อ๊ะ!” เพราะความมืดที่เธอสะดุดหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายเธอก็ล้มลงจนได้
“จะมาเป็นเมียเจ้าของไร่แต่เดินดินยังล้ม” แต่เขาคนข้างหน้าไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ไม่แม้แต่จะหยุดรอเธอ มีแต่คำเหน็บแนมและเย้ยหยันที่ดังขึ้น
“คุณลองให้ไฟฉันส่องแล้วตัวเองเดินแบบไม่มีไฟสิ” ปากของเธอดันไวไปหน่อย ย้อนกลับไปขณะลุกขึ้นยืนและเดินตามหลังเขาไป
“.....” เขาเงียบอย่างไม่ได้พูดอะไร นั่นเลยทำให้เอวาคิดว่าอีกฝ่ายคงหาข้อโต้แย้งไม่ได้เพราะสิ่งที่เธอพูดมันถูกต้อง
บรรยากาศรอบด้านที่เงียบสงัดมีเพียงเสียงของใบไม้แห้งที่เธอกับเขาเหยียบดังขึ้นกระทบหู ตอนนี้ฟ้าก็ยังไม่มีความสว่าง เธอเดินตามเขามาสักพักใหญ่แล้ว เดินห่างออกจากกลุ่มคนงานเหล่านั้นมาไกลจนไม่ได้ยินเสียงหรือแม้แต่หันกลับไปมองก็ไม่เห็นดวงไฟอีกแล้ว
“อีกนานไหมคะจะถึง” เอวาถามขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอถูกใครแกล้งพาไปทิ้งไว้ลึกแค่ไหนกัน เธอเดินมาตั้งนานแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงบ้านสักที ไม่เห็นแม้แต่ดวงไฟของบ้านที่ควรจะมี
“นาน” คำตอบของเขาดังขึ้นสั้นๆ ขายาวๆ ของเขายังคงก้าวนำหน้าเธอต่อไปเรื่อยๆ ไม่แม้แต่จะถามอะไรหรือพูดอะไรกับเธอก่อน ขณะตอบก็ไม่หันมามองเธอเลยสักนิด
หากไม่ได้เจอเขาในกลุ่มคน เธอคงอดคิดไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่คนหรือเปล่า
แต่ที่มากกว่านั้นคือความกลัวที่เธอคิดไปต่างๆ นานาอย่างหยุดไม่ได้กับสถานการณ์ตอนนี้
หากเขาเป็นคนไม่ดีล่ะ เขาจะทำร้ายเธอระหว่างทางหรือเปล่า แล้วถ้าเธอจะหันหลังกลับตอนนี้อันไหนอันตรายกว่ากัน
เธอพยายามคิดในแง่ดีนะ ว่าถ้าเขาเป็นคนไม่ดีจริงๆ ทำไมคนงานเหล่านั้นยังกล้าปล่อยเธอมากับเขาแค่คนเดียว มันต้องมีสักคนสิที่มีความเป็นพลเมืองดีเอ่ยห้ามเธอบ้างสักนิด แต่ที่พวกเขาปล่อยให้เธอมาแบบนี้ก็คง...ไม่มีอะไรอันตรายใช่ไหม
“เธอชื่ออะไร” เอวาสะดุ้งด้วยความตกใจหลุดจากภวังค์ความคิดหลังจากอยู่ๆ เขาก็ถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“เอวา” เอวาลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ตอบออกไป เพราะเธอยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่ออย่างไม่มีกำหนด สักวันเธออาจจะได้เจอกับเขาอีกก็ได้
“ครอบครัวเธอมีกันกี่คน” แล้วคำถามสุดแปลกของคนแปลกหน้าก็ดังขึ้น
“ถามทำไม” เอวาย้อนกลับอย่างไม่ได้ตอบคำถามของเขา เพราะนี่ไม่ใช่คำถามที่จะถามคนแปลกหน้าเลยสักนิด เธอไม่ได้มาสมัครงานสักหน่อย
“ถามให้รู้ เผื่อเธอเป็นลูกคนเดียว” เขาก็บอกเหตุผลอย่างไม่ปิดบัง แต่เป็นเหตุผลที่น่างุนงงมาก
“เป็นลูกคนเดียวแล้วยังไง?” เอวาถามกลับทันที มองแผ่นหลังของเขาอย่างรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
“ครอบครัวเธอคงจะเสียใจ” เขาตอบกลับราบเรียบ ตอบกลับด้วยโดยไม่ได้หันมามองเธอเช่นเคย
“หมายถึงอะไร” ฝีเท้าของเอวาช้าลง ทิ้งระยะห่างมากกว่าเดิมระหว่างย้อนถามเขากลับไป
“หมายถึงว่า...ถ้าเธอตายไปน่ะ”