บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ท้อง! 2

ด้านมโนภฤศที่ออกไปไร่แต่เช้า ดูปุ๋ยหมักที่โรงหมักปุ๋ยและโรงงานอบสตรอว์เบอร์รีของตนเองที่อยู่อีกมุมหนึ่งของไร่ก็กลับมาบ้านในตอนบ่ายโมง เพราะต้องกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปหาแฟนสาวในเมือง แพรไหมเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่เล็กๆ ในเมือง เมื่อก่อนเธอทำงานออฟฟิศในกรุงเทพฯ แต่ลาออกมาเปิดร้านคาเฟ่ที่บ้าน เนื่องด้วยระบบการท่องเที่ยวของจังหวัดดีและเป็นที่นิยมของผู้คนด้วยที่จะเดินทางมาเที่ยวเขาค้อ

“ป้าพร ห้องนี้ใครมาอยู่ครับ ผมเห็นคุณพ่อให้มาทำความสะอาดห้องให้วันก่อนน่ะ” เขาถามป้าพรที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องข้างๆ ตน ก่อนจะบิดลูกบิดประตูเปิดเข้าห้องตน

“อ้อ...ลูกสาวของเพื่อนคุณวินน่ะคุณมาร์ค หนูไวน์ น่ารักมากเลยค่ะ” คำตอบของป้าพรแม่บ้านเก่าแก่คู่หูของคุณย่าตนเอ่ยตอบกลับมาทำให้เขานิ่งอึ้ง เพราะคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกกลับมาอยู่ห้องข้างๆ ของตน

“ไวน์ เธอมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เขาถามท่านกลับ

“เมื่อเช้าค่ะ คุณวินไปรับหนูไวน์มาเมื่อเช้าค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วป้าพรไปก่อนนะ เดี๋ยวคุณท่านจะรอค่ะ” นางตอบแล้วเดินจากไป ทิ้งให้มโนภฤศยืนนิ่งอยู่หน้าห้องตนและมองไปยังประตูห้องข้างๆ ที่ปิดสนิท ก่อนจะเดินมาหน้าห้องของแขกที่มาอยู่ข้างห้องตนแล้วยกมือขึ้นเคาะประตูสามครั้งติดต่อกันดังๆ

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ด้านเจ้าของห้องเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องก็รีบลุกเดินมาเปิดประตูห้องทันทีด้วยคิดว่าเป็นป้าพรที่เพิ่งนำขนมตาลมาให้กลับมาอีก แต่พอเปิดประตูออกกว้างก็เห็นคนที่ตนเองคิดถึงและตั้งใจมาหายืนอยู่หน้าห้อง สาวเจ้าก็โถมกายเข้าโอบกอดเขาแน่นทันที ส่วนคนที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวก็ดิ้นขัดขืนดันเธอออกห่าง

“ปล่อยพี่ก่อนไวน์ ปล่อยพี่ก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันไม่ดี” เขาดิ้นและดันเธอออกห่างและเธอก็ยอมปล่อย

“ก็ไวน์คิดถึงพี่มาร์ค ทำไมคะ ทำไมไม่รับสายไวน์เลยตั้งแต่กลับมา ไวน์เป็นมะ...อื้อ...”

“ไปคุยกันในห้อง”

เขายกมือขึ้นปิดปากเธอเมื่อเธอจะพูดสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินออกมาพร้อมดันเธอเข้าไปในห้องและปิดล็อกประตูเรียบร้อย ก่อนจะปล่อยมือเธอ

“ทำไมคะ ก็ไวน์เป็นเมียพี่มาร์ค ยังไงทุกคนก็ต้องรู้” เธอบอกเขาทันทีเมื่อปากเป็นอิสระ

“แต่พี่ไม่ได้รักไวน์ และพี่ก็มีแฟนแล้ว เธอเลิกยุ่งกับพี่สักทีได้ไหม”

“ไม่มีทาง ไวน์ไม่มีทางเลิกยุ่งกับพี่มาร์ค พี่เป็นของไวน์แล้ว และไวน์ก็เป็นเมียพี่แล้ว พี่ต้องรับผิดชอบ” เธอตอบอย่างคนดื้อดึง

หึ!

มโนภฤศแค่นยิ้มแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งยังเตียงนุ่มของเธอแล้วพูดตอบกลับ

“ถ้าต้องรับผิดชอบ พี่คงมีเมียเป็นร้อยคนแล้วไวน์ อย่ามาโลกสวย แค่นอนด้วยกันเอากันครั้งเดียว มันไม่ได้ทำให้พี่เรียกเธอว่าเมียหรอกนะไวน์ อีกอย่างพี่ไม่ได้คิดอะไรกับเธอด้วย ที่ทำไปวันนั้นเพราะอยากสั่งสอนเธอและเห็นว่าเธออยากได้เลยสนองให้ เธอควรดีใจที่พี่สนองให้นะไวน์ แล้วเก็บของกลับสวีเดนไปซะ! อย่ามาอยู่ให้รกหูรกตาน่ารำคาญที่ไร่ของพี่ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

“ไวน์ไม่กลับ ไวน์จะอยู่ที่นี่ พี่มาร์คต้องรับผิดชอบไวน์ก่อนที่ท้องไวน์จะโต” เธอตอบกลับเสียงดังพร้อมเดินมายืนตรงหน้าเขา

“ว่าไงนะ?” เขาเลิกคิ้วสงสัยในคำพูดของหล่อนพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองจ้องดวงตาแข็งกร้าวของเธอที่จ้องมายังตนเหมือนกัน

“พี่มาร์คต้องรับผิดชอบไวน์ก่อนที่ไวน์จะท้องโต ตอนนี้ไวน์ท้องค่ะ”

เธอบอกเขาให้กระจ่าง ด้านคนที่ได้ฟังถึงกับมึนตึ้บไปหมด อยากจะล้มตัวลงนอนให้มันเป็นเพียงฝัน คนที่เขาอยากให้อุ้มท้องลูกของเขากลับไม่ยอม คนที่เขาแสนชังแสนเกลียดไม่ชอบหน้ากลับอุ้มท้องลูกของเขา ให้ต่ายสิ ทำไมวันนั้นเขาพลาดได้ เขาพลาดถึงขั้นให้เธอมีลูกมาต่อรองเข้ามาในชีวิตเขาได้ยังไง

“พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอท้อง”

“พี่มาร์คก็พาไวน์ไปตรวจสิคะ และก็พาฝากท้องด้วย ที่ไวน์มาที่นี่เพราะไวน์มาหาพ่อให้ลูก ไวน์ยังไม่ได้บอกทุกคนหรอกค่ะว่าไวน์ท้อง”

“ยังไงพี่ก็รับผิดชอบเธอไม่ได้ พี่ไม่ได้รักเธอไวน์ ได้ยินไหม พี่ไม่ได้รักเธอ พี่มีแฟนแล้วและพี่ก็รักเธอมาก ถึงไวน์จะท้อง พี่ก็จะรับแค่ลูก แต่ตัวไวน์ พี่ไม่ต้องการ เรื่องลูกถ้าท้องจริงพี่ยินดีรับแน่นอน” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พูดตามที่สมองประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจยอมรับวรนิษฐ์ได้ เขาไม่ได้รักเธอและไม่เคยคิดจะรักด้วย

“หมายความว่ายังไงคะ พี่มาร์คจะไม่รับผิดชอบไวน์เหรอคะ พี่มาร์คได้ไวน์แล้วและพรากพรหมจรรย์ไวน์ไปด้วย”

“ผู้ชายสมัยนี้เขาไม่แคร์พรหมจรรย์กันแล้วไวน์ ไวน์เองก็น่าจะรู้ดีว่ายุคนี้มันยุคไหนแล้ว ไวน์ก็โตที่เมืองนอก ไวน์น่าจะรู้ดี”

“สำหรับคนอื่นไวน์ไม่รู้ แต่สำหรับไวน์มันสำคัญมาก ยังไงพี่มาร์คก็ต้องรับผิดชอบไวน์ แต่งงานกับไวน์ ถ้าพี่มาร์ครับผิดชอบ ไวน์จะบอกคุณย่ากับคุณพ่อว่าไวน์ท้อง”

“อย่ามาขู่พี่”

“ไม่ได้ขู่ ไวน์พูดจริงทำจริง”

“คิดว่าพ่อกับคุณย่าจะบังคับพี่ได้งั้นเหรอ จำไว้ว่าพี่ไม่มีวันรักเธอ เรื่องลูกพี่จะรอเขาคลอดแล้วเอามาเลี้ยงเอง ผู้หญิงคนเดียวที่พี่รักคือแพร” พูดจบแล้วเขาก็ลุกเดินออกจากห้องของเธอไปด้วยความเดือดดาล กล้านัก กล้าขู่เขาว่าจะบอกพ่อกับคุณย่า คิดว่าเขาแคร์เขาสนใจรึไง เชิญเลย แต่ถ้าจะให้รับผิดชอบไม่มีทาง เขาไม่ได้รักวรนิษฐ์

“พี่ต้องการแบบนี้ใช่ไหม ไวน์หอบผ้าข้ามน้ำข้ามทะเลมาขนาดนี้ พี่ต้องรักไวน์ พี่ต้องมีไวน์คนเดียว ผู้หญิงคนอื่นไม่มีทาง ไม่มีทางที่จะได้พี่ไป ถ้าฉันไม่ยกให้” เธอบอกกับตัวเองอย่างหมายมาด ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่

ในห้องรับประทานอาหารของบ้านไม้เรือนไทยประยุกต์หลังใหญ่กลางไร่สตรอว์เบอร์รีจัดโต๊ะทุกวันเวลาหกโมงครึ่ง สะอาง มนัสวินลูกชายคนเดียวของตนนั่งรอวรนิษฐ์ที่ให้เด็กรับใช้ขึ้นไปตามมาทานมื้อเย็นด้วย และรอไม่นานเธอก็เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร พร้อมกับเด็กรับใช้เลื่อนเก้าอี้ออกให้เธอนั่งลง

“แล้วตามาร์ค ลูกชายตัวดีของเราไปไหนพ่อวิน อย่าบอกนะว่าไปเฝ้าแม่นั่นอีกแล้ว” เมื่อตอนนี้ไม่เห็นหลานชายมาทานข้าวกับตน เพราะนี่ก็หลายวันแล้วที่ไม่มาร่วมทานมื้อเย็นกับตน เพราะออกไปทานข้างนอกกับแฟนสาวทุกวัน

“คุณแม่ถามผมทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วยังจะถามอีก มันก็ไปของมันทุกวัน ก็แฟนมันนี่ครับ มันรักของมัน”

“ไม่ได้เรื่องทั้งลูกชายและหลานชาย ตักข้าวเถอะแม่พร” แล้วก็หันไปสั่งแม่พร คนสนิทของตนให้ตักข้าวเมื่อตอนนี้วรนิษฐ์ก็มาแล้ว

วรนิษฐ์ปิดปากตัวเองตั้งแต่นั่งลง เธอมองกับข้าวหลายอย่าง อาหารตรงหน้าทุกอย่างน่าทานมาก แต่กลิ่นของมันช่างทรมานเธอเหลือเกิน เธออยากจะอาเจียนตอนนี้

“เป็นอะไรหนูไวน์ หนูไม่กินอาหารไทยเหรอลูก” สะอางถามเมื่อเห็นเด็กสาวปิดปากคล้ายเหม็นอาหารบนโต๊ะ

“ไม่ค่ะ หนูชอบอาหารไทย แต่ทำไมวันนี้อาหารถึงได้เหม็นแบบนี้ ห้องน้ำไปทางไหนคะคุณย่า”

“ทางขวามือจ้ะ เดินออกจากห้องก็เจอ” นางบอกหญิงสาว

“งั้นหนูขอตัวนะคะ และขอโทษด้วยนะคะ หนูทานไม่ได้จริงๆ มันเหม็นมาก” เธอรีบปิดปากตัวเองลุกออกจากห้องรับประทานอาหารโดยไม่สนใจรอฟังคำโต้ตอบกลับของอีกฝ่าย

“แม่พรไปดูหนูไวน์สิ ส่วนพวกหล่อนตักข้าวให้ฉันได้แล้ว” นางสั่งให้คนสนิทของตนให้ตามหญิงสาวไป พร้อมสั่งให้เด็กรับใช้คนอื่นตักข้าวแทน พรก็รีบทำตามคำสั่งนายท่านของตนทันที

“แปลก กับข้าวบนโต๊ะแม่สะอางทำอร่อยทุกอย่าง หอมๆ ทั้งนั้น หนูไวน์บอกว่าเหม็นได้ยังไง” มนัสวินเอ่ยพลางก้มลงไปสูดดมกลิ่นอาหารตรงหน้าตนก็หอมๆ ทั้งนั้น

“นั่นสิ แม่ทำเองกับมือเลยนะ ก็ทำเหมือนทุกวัน กลิ่นหอมออกปานนี้ เอ๊ะ! แต่อาการแบบนี้ เหม็นอาหารมันเหมือนคนท้องเลยนะพ่อวิน หรือว่าหนูไวน์ท้อง” เมื่อนึกถึงอาการที่เด็กสาวเป็นแล้วมันชัดเจนเลย อาการแบบนี้แพ้ท้องแน่นอน นางรู้ดี เพราะสมัยตั้งครรภ์มนัสวินก็เหม็นอาหารแบบนี้ ทานอะไรไม่ได้ตั้งสามเดือน

“ไม่ใช่หรอกมั้งแม่สะอาง ผมว่าไม่ได้ท้องหรอก หนูไวน์คงเพลียน่ะครับ เดินทางมาตั้งไกลนะครับ อย่าลืมสิ”

“ถ้าเพลียไม่เหม็นอาหารหรอกพ่อวิน แม่ว่าหนูไวน์ต้องท้องแน่นอน รีบกินข้าวกันเถอะ กินเสร็จแม่จะให้เด็กชงยาหอมให้หนูไวน์แล้วซักถามหนูไวน์ว่าเป็นอะไรกันแน่ และแม่จะถามด้วยว่าท้องจริงไหม แม่ไม่อยากอยู่กับความสงสัยหรอกนะพ่อวิน”

“ครับผม งั้นคุณแม่ทานปลาราดพริกนะครับ” แล้วเขาก็ตักปลาพร้อมเลาะก้างออกให้เรียบร้อยส่งไปยังจานของหัวเรือใหญ่ที่หัวโต๊ะทานข้าว

“ขอบคุณนะลูกรักของแม่ ถึงจะมีหลายเรื่องที่ทำให้แม่ไม่พอใจและหงุดหงิด แต่พ่อวินก็ใส่ใจแม่เสมอ”

“ก็ผมรักแม่สะอางนี่ครับ” มนัสวินตอบพร้อมกับตักปลาให้ตนเองและหยิบกุ้งมาแกะแล้วส่งให้แม่ด้วย สะอางยิ้มรับกุ้งจากมือลูกชาย นางมองลูกชายที่ครองตัวเป็นโสดตั้งแต่แม่ของหลานชายจากไป นางเคยถามลูกชายว่าเหงาและเบื่อบ้างไหมที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ แต่มนัสวินก็บอกว่ามีความสุขดี และดีใจที่ได้อยู่กับตนและลูกชาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel