บท
ตั้งค่า

๒.๒ ทวงคำสาบาน

ร่างสูงที่ยังอยู่ในชุดลำลองชุดเดิมนั่งพิงพนักเตียง กดไอแพดโดยไม่สนใจคนเข้ามาใหม่ จนกระทั่งเสียงหวานใสดังขึ้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง

“คุณปรัชญ์จะให้เอากาแฟไว้ไหนคะ” ธรินดาถามเพราะไม่รู้ว่าปกติปรัชญ์ให้บัวคำวางแก้วกาแฟไว้ให้ตรงไหนระหว่างโต๊ะหัวเตียง หรือโต๊ะอีกตัวที่วางอยู่หน้าโซฟาตัวยาว

“แล้วเธอคิดว่าควรวางไว้ตรงไหนที่ฉันจะไม่ต้องเดิน”

เขาตอบกวนๆ เช่นเคย แต่ธรินดาก็ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงหรือเก็บมาเป็นอารมณ์ รีบประคองแก้วกาแฟที่รองด้วยจานเล็กๆ ไปวางไว้ให้เขาที่โต๊ะข้างหัวเตียง เพื่อจะได้รีบออกไปจากห้องของเขา ทว่าปรัชญ์กลับเอ่ยคำคำหนึ่งขึ้นมาลอยๆ ทำให้คนฟังต้องหันขวับไปมอง

“อ่อย!”

ธรินดาขมวดคิ้ว ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ก็ยังคิดว่าตัวเองหูฝาด

“คุณปรัชญ์ว่าอะไรนะคะ”

“ฉันพูดว่า ‘อ่อย’ เธอไม่เคยได้ยินหรือไง”

“ค่ะ...เล็กเคยได้ยิน” หญิงสาวตอบเรียบๆ รู้ว่าตัวเองกำลังถูกหาเรื่องอีกจนได้

“งั้นเธอก็ต้องรู้สิว่าฉันหมายถึงอะไร”

“ไม่รู้ค่ะ จู่ๆ คุณปรัชญ์ก็พูดขึ้นลอยๆ” ว่าจะไม่ต่อความยาวสาวความยืด แต่ก็รั้งอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เพราะถูกเขายั่วด้วยวาจาอันแสนร้ายกาจจนเธอลืมตัว

“อ้อ...ฉันต้องพูดเต็มๆ ใช่มั้ยเธอถึงจะเข้าใจ ฉันเพิ่งรู้นะว่าเธอชอบอะไรที่มัน ‘ยาวๆ’” ปรัชญ์พูดในเชิงสองแง่สองง่ามพร้อมกับทำสายตาหื่นๆ ใส่ แค่นั้นธรินดาก็พอจะรู้ความหมายประโยคหลังของเขาแล้ว หญิงสาวหน้าแดงซ่านขึ้นด้วยความโกรธแกมกระดากอาย เพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนหรือใครใช้วาจาแนวทะลึ่งทะลวนกับเธอเช่นนี้มาก่อน

“เล็กขอตัวค่ะ” หญิงสาวตัดบท ก่อนตัวเองจะถูกพูดจาส่อเสียดไปมากกว่านั้น

“ยังไม่ให้ไป” เขากล่าวขึ้นเสียงห้วนๆ

“คุณปรัชญ์ต้องการอะไรอีกคะ” ธรินดาพยายามจะควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงอารมณ์ใดๆ ผ่านน้ำเสียงออกมาขณะที่พูดทั้งๆ ที่ยากเย็นเต็มทน ปกติเธอเป็นคนใจเย็นเสมอ ไม่เคยโกรธหรือหงุดหงิดอะไรง่ายๆ แต่ปรัชญ์ทำให้อารมณ์เหล่านั้นของเธอหลุดกระเด็นออกมาอย่างง่ายดายเหลือเกิน

“แน่ใจเหรอว่าถ้าฉันต้องการแล้วเธอจะให้”

“ถ้าเป็นสิ่งที่เล็กทำให้ได้เล็กก็จะทำค่ะ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เล็กทำไม่ได้เล็กก็จนใจ”

“ถึงเธอทำให้ไม่ได้ ฉันก็จะทำให้เธอทำในสิ่งที่ฉันต้องการจนได้นั่นละ”

“ตกลงคุณปรัชญ์ต้องการอะไรคะ”

“ต้องการ ‘เธอ’ และเธอก็ต้องการฉันเหมือนกันนั่นละ ไม่งั้นคงไม่เข้ามาอ่อยฉันถึงนี่หรอกจริงมั้ย”

“บ้า!” หญิงสาวเผลอแว้ดออกมาทันควัน “เล็กก็แค่เอากาแฟมาให้แทนพี่บัวคำ”

“เธอเสนอตัวเพราะอยากเห็นหน้าฉันล่ะสิ”

“คนหลงตัวเอง พี่บัวคำท้องเสียและวานเล็กเอามาให้ต่างหาก”

แก้ต่างให้ตัวเองเสร็จ ธรินดาก็ผลุนผลันออกไปอย่างไม่คิดจะรักษามารยาทกับคนกักขฬะอีกต่อไป เธอปิดประตูห้องลงท่ามกลางเสียงหัวเราะตามหลังของเขา และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เจอหน้าปรัชญ์ เพราะหลังจากนั้นอีกสี่วันเขาก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย

วันนี้เป็นวันพระใหญ่ตรงกับแรมสิบห้าค่ำพอดี ธรินดาลุกขึ้นมาแต่เช้าทำกับข้าวเตรียมใส่บาตรช่วยบัวคำ เสร็จแล้วปั่นจักรยานไปตัดดอกกุหลาบสีขาวที่แปลงบนเนินหลังบ้าน ก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะออกไปใส่บาตรหน้าบ้านที่ตอนนี้สาวใช้ตั้งโต๊ะไว้รอเรียบร้อยแล้ว แม่เลี้ยงลักษิกาซึ่งแต่งตัวด้วยชุดสีขาวทั้งชุดลงมาพอดี เมื่อธรินดาเจอแม่บุญธรรมในชุดเช่นนั้นก็ยิ้มพร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงนุ่มหู

“แม่ใหญ่จะไปวัดเหรอคะ”

“ใช่จ้ะหนูเล็ก แม่จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสักสามสี่วัน พอดีแม่เลี้ยงแสงหล้าโทร.มาชวนไว้ตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว ตอนแรกแม่กะจะชวนหนูเล็กไปด้วย แต่เห็นว่าเพิ่งจะปิดเทอมก็เลยอยากให้พักผ่อนก่อน เอาไว้รอบหน้าค่อยไปด้วยกันนะลูก”

“ค่ะแม่ใหญ่”

“อ้อ...แม่ลืมบอก เมื่อวานนี้แม่ไปหาหลวงตาที่วัดมาแล้วนะ ได้ฤกษ์หมั้นของตาปรัชญ์กับหนูนัสรินแล้ว วันที่สิบเดือนหน้าเลย เร็วทันใจแม่จริงๆ แม่โทร.ปรึกษากับทางโน้นแล้วว่างานหมั้นจะจัดเล็กๆ ส่วนงานแต่งค่อยจัดแบบงานช้าง ว่าแต่ตอนงานหมั้นของตาปรัชญ์หนูเล็กเปิดเทอมหรือยัง”

“เปิดแล้วค่ะแม่ใหญ่ เล็กปิดเทอมแค่สองอาทิตย์เองค่ะ”

“งั้นหนูเล็กก็อยู่กรุงเทพฯ พอดี หนูเล็กต้องมางานหมั้นตาปรัชญ์กับหนูนัสให้ได้นะ แม่อยากให้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว เดี๋ยวแม่ใหญ่จะให้นายสอนไปรับที่หอพัก”

“ค่ะแม่ใหญ่”

ธรินดารับคำอย่างเด็กว่าง่ายเช่นเคย จากนั้นร่างบางจึงเดินตามแม่ใหญ่ออกไปใส่บาตรที่หน้าบ้าน กลับมาทานข้าวเช้าพร้อมกันสองคน เพราะปราณต์ออกไปทำงานแต่เช้า ส่วนปรัชญ์ไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว

แม่บุญธรรมกับลูกสาวบุญธรรมคุยกันพลางทานข้าวไปพลาง พออิ่มธรินดาก็เดินออกมาส่งแม่เลี้ยงลักษิกาขึ้นรถเพื่อออกไปปฏิบัติธรรมตามที่บอกไว้แต่เช้า โดยมีอินแปงเป็นคนขับรถไปให้เช่นเคย

คุ้มลักษิกาอันกว้างใหญ่นั้นเงียบเหงาไปถนัดตาเมื่อสมาชิกในบ้านต่างพร้อมใจกันออกไปข้างนอกกันหมด เหลือเพียงธรินดา บัวคำกับสาวใช้อีกสี่คนและคนสวนเท่านั้น หญิงสาวจึงฆ่าเวลาโดยการไปปั่นจักรยานที่เนินเขาหลังบ้าน ตัดดอกกุหลาบสีขาวมาเพิ่ม แล้วเอาเข้าไปจัดแจกันในห้องพระเสียใหม่ จากนั้นก็นั่งสมาธิให้จิตใจสงบอยู่พักใหญ่ จึงค่อยออกไปนั่งเล่นที่สวนหย่อมมุมโปรดของตน

ร่างบางมุ่นคิ้วเรียวเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำแล้วเห็นว่าที่โต๊ะอาหารมีกับข้าวและจานเปล่าวางบนที่นั่งประจำของตนเพียงที่เดียว ส่วนที่อื่นๆ ว่างทั้งหมด แม่ใหญ่นั้นเธอรู้อยู่แล้วว่าท่านไม่อยู่เพราะไปปฏิบัติธรรม ส่วนปรัชญ์ก็คงไม่กลับอีกเช่นเคย ทว่าพี่ชายคนโตอย่างปราณต์นี่สิ ทำไมเขาถึงยังไม่ลงมา

บัวคำยิ้มให้พร้อมกับขยับไปหยิบเอาโถข้าวเพื่อจะตักให้ เมื่อเห็นว่าลูกสาวบุญธรรมของเจ้านายเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารแล้ว

“คุณหนูเล็กหิวหรือยังคะ”

“หิวแล้วค่ะ ว่าแต่พี่ปราณต์ยังอาบน้ำไม่เสร็จเหรอคะพี่บัวคำ ทำไมไม่เห็นลงมาเสียทีล่ะ” หญิงสาวถามถึงพี่ชายคนโตซึ่งปกติจะกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านทุกวัน ไม่เหมือนปรัชญ์ที่แทบจะไม่กลับจนกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว

“อ๋อ...วันนี้คุณหมอปราณต์เข้าเวรค่ะคุณหนูเล็ก”

“วันนี้พี่ปราณต์เข้าเวรหรอกเหรอคะพี่บัวคำ ถึงว่าไม่ได้ยินเสียงรถของพี่ปราณต์เลย สงสัยเมื่อเช้าแม่ใหญ่จะลืมบอกเล็ก” ประโยคหลังเจ้าของเสียงหวานนุ่มคล้ายจะรำพึงกับตัวเองมากกว่า พอรู้ว่าวันนี้ตัวเองต้องกินข้าวคนเดียว ธรินดาจึงให้บัวคำตักข้าวแค่ครึ่งทัพพี เพราะเธอคงกินได้ไม่เยอะเท่าใดนัก

แม้จะไม่อบอุ่นเหมือนทุกวัน แต่มือเล็กก็จับช้อนและค่อยๆ ตักข้าวใส่ปากทีละคำจนหมดเกลี้ยงจาน จึงค่อยรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม ธรินดาเป็นเช่นนี้เสมอ รู้ตัวว่าจะกินมากน้อยเท่าไหร่ก็ตักเท่านั้น และข้าวในจานจะถูกตักกินทุกเม็ดเสมอ แม้เธอจะไม่เคยทำนา แต่ก็รู้ดีว่ากว่าที่ชาวนาจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดนั้นต้องเหนื่อยยากเพียงใด

ปกติหลังจากกินข้าวเย็นอิ่มแล้ว ธรินดาจะนั่งคุยกับแม่เลี้ยงลักษิกาก่อน แต่วันนี้แม่ใหญ่ของเธอไม่อยู่หญิงสาวจึงตรงขึ้นห้องตัวเองเลย

มือเล็กหยิบรีโมตโทรทัศน์มาเปิดดูเพื่อรอเวลานอน วันนี้อากาศค่อนข้างจะร้อนอบอ้าว ธรินดานึกอยากออกไปรับลมด้านล่างอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากพาตัวเองลงไปเสี่ยงเพราะถึงแม้หลายวันมานี้ปรัชญ์จะไม่กลับบ้าน แต่เขาอาจจะกลับมาคืนนี้ก็ได้ ตั้งแต่ที่เจอปรัชญ์ในสวนคืนนั้น เธอก็ไม่กล้าลงไปเดินเล่นตอนกลางคืนอีก เพราะกลัวว่าจะปะทะกับปรัชญ์ ซึ่งเธอยอมรับกับตัวเองว่ากลัวการเผชิญหน้ากับคนร้ายกาจอย่างปรัชญ์มาก

เวลาผ่านไปจนกระทั่งสี่ทุ่ม ตาคู่สวยที่ประดับด้วยแพขนตางอนยาวก็เริ่มปรือปรอยลง มือเรียวเล็กจึงหยิบรีโมตที่วางอยู่ข้างๆ ตัวมาปิดหน้าจอโทรทัศน์ ลุกไปถอดปลั๊ก ปิดไฟในห้องจนมืดสนิท แล้วจึงกลับมานอนที่เตียงหนานุ่มขนาดหกฟุตซึ่งนอนมาหลายปีตั้งแต่เริ่มโตเป็นสาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel