ตอนที่ 4 ล็อกเป้าหมาย
เฮือก!!!!!
“พี่พิรัชย์”
เธอสะดุ้งตื่นขึ้นในช่วงค่ำของวันพร้อมกับเรียกหาคนที่กำลังจะมีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก พอหันมองหาคนที่กอดจูบกันก็ปรากฏว่าไม่มีใคร และเสื้อผ้าก็ยังอยู่ครบ
“ฝันไปเหรอเนี่ย”
นิวเยียร์ยู่ปากออกมาด้านหน้าพร้อมกับถอนหายใจราวกับเสียดาย ขนาดฝันยังหวงเนื้อหวงตัว เขาได้เห็นเธอล่อนจ้อนไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้น แต่เธอกลับได้เห็นแค่ท่อนบนของเขาเท่านั้น
‘ขี้โกงชะมัด’
พอนึกถึงหน้าอกขาว ๆ ก็ทำให้หญิงสาวถึงกับหลุดยิ้มแล้วบิดตัวเขิน ล้มตัวลงนอนกอดผ้าห่มพลิกตะแคงซ้ายทีขวาทีราวกับคนเสียสติ คิดถึงหน้าของคนที่เข้ามาทำให้ใจเต้นแรง นี่ขนาดแค่ในความฝัน แล้วถ้าเป็นความจริงมันจะฟินสักแค่ไหน
คิดแล้วก็น่าเสียดายที่ในความฝันยังไม่ทันได้เข้าด้ายเข้าเข็มแต่เธอก็ดันสะดุ้งตื่นเสียก่อน มาทำให้อยากแล้วก็จากไป ทำไมไม่ทำให้มันเสร็จ ๆ กันนะ
สองอาทิตย์ต่อมา
ราวกับว่าโชคชะตาเป็นใจให้เธอและเขามีโอกาสได้พบกันอีกครั้งที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และเขาก็กำลังนั่งรออาหารอยู่เพียงลำพัง
“ขอนั่งด้วยนะคะ”
คนที่นั่งอยู่ก่อนเงยหน้าขึ้นมองสาวสวยที่มาขอนั่งด้วย แต่ก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอนุญาต นิวเยียร์ก็ยกยิ้มกว้างขยับเก้าอี้ออกแล้วถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามกัน
“ขอเมนูหน่อยสิคะ”
หญิงสาวแบมือออกไปตรงหน้า แล้วส่งสายตาไปทางเมนูที่วางอยู่ด้านหน้าของเลขาหนุ่ม ที่จริงเธอจะยื่นมือไปหยิบเองก็ได้ แต่ก็อยากให้เขาเป็นคนหยิบให้ พอได้รับเมนูแล้วก็ทำการสั่งอาหารกับพนักงานที่มายืนรอรับออเดอร์
“ไม่เห็นคุยกับหนูเลย ไม่อยากให้นั่งด้วยเหรอคะ หนูย้ายไปนั่งอีกโต๊ะก็ได้นะคะ”
นิวเยียร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนราวกับคนน้อยใจ นั่งรออาหารผ่านไปตั้งห้านาที แต่ชายหนุ่มตรงหน้าก็ดูเหมือนจะนั่งตัวเกร็งไม่ชวนเธอคุยเลยสักคำ กลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากหรือไง แค่คำสองคำก็ไม่ยอมหลุดออกมา
“นั่งด้วยกันก็ได้ครับคุณนิวเยียร์”
“เปลี่ยนจากคำว่าคุณเป็นชื่อเฉย ๆ หรือเรียกว่าน้องแทนไม่ได้เหรอคะ หนูไม่ได้เป็นเจ้านายของพี่สักหน่อย ทำไมต้องเรียกคุณด้วยล่ะ”
ก็เล่นเรียกว่าคุณทุกครั้งที่เจอกันแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าห่างเหินกันมาก ทั้งที่ก็รู้จักกันมานานแล้ว
“เอ่อ…”
“จะเอ่ออะไรละคะ นะคะ นะ นะพี่พิรัชย์” หญิงสาวคลี่ยิ้มเล็กน้อย กระพริบตาปริบ ๆ เธอไม่เคยออดอ้อนผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย หวังว่าเขาจะยอมใจอ่อนเลิกเรียกเธอว่าคุณเสียที
“ก็ได้ครับ”
นิวเยียร์ส่งยิ้มกว้างด้วยความดีใจ คนตรงหน้าน่ารักที่สุดที่ครั้งนี้ยอมทำตามใจเธอ
ระหว่างกินข้าว นิวเยียร์ก็เป็นฝ่ายชวนคุยด้วยเรื่องทั่วไป พลันรู้สึกเสียดายที่มีเวลาคุยกันแค่ไม่นาน เพราะกินข้าวเสร็จทั้งสองก็ต้องแยกย้ายกันกลับ แต่ก็ถือว่าครั้งนี้ความสัมพันธ์เริ่มดีขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยพิรัชย์ก็หยุดเรียกเธอว่าคุณแล้ว
“มื้อนี้หนูขอเลี้ยงนะคะ ถือว่าฉลอง” หญิงสาวยกยิ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัย
“ฉลอง” เพิร์ธขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แค่กินข้าวด้วยกันมื้อเดียวมีอะไรให้น่ายินดี
นิวเยียร์ยกยิ้มกริ่มไม่ได้เอ่ยตอบ ปล่อยให้ชายหนุ่มงุนงงว่าเธอหมายถึงอะไร
แต่เธอก็ไม่นึกว่าจะกลายเป็นพิรัชย์ที่เป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวแทน เพราะเขาตีเนียนกินอิ่มแล้วขอไปเข้าห้องน้ำ และพอออกมาก็ถือโอกาสจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ก่อนจะมาบอกลาพร้อมกับบอกว่าจ่ายเงินเสร็จแล้ว
นิวเยียร์จึงรีบลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินตามกันออกไป ไม่คิดว่าเขาจะเย็นชาขนาดนี้ แค่ข้าวมื้อเดียวก็ไม่ยอมให้เธอเลี้ยง แต่ไม่เป็นไรหรอก เธอเป็นคนมีความอดทนสูง
“จะกลับแล้วเหรอคะ” เธอรีบเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะแยกตัวไปที่รถที่จอดอยู่อีกฝั่ง
“ครับ”
นิวเยียร์ทำหน้าราวกับจะเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็ไม่กล้า
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ตอนที่ขับรถมาจอดที่ร้าน รถก็ดับพอดีเลยค่ะ ลองสตาร์ตก็ไม่ติด สงสัยคงจะเสีย”
“ผมขอดูได้ไหมครับ เผื่อจะช่วยอะไรได้”
“ไม่ค่ะ” เธอรีบตอบออกไปเสียงดัง ก่อนจะตีหน้าเศร้าพร้อมกับลดน้ำเสียงลง
“ไม่เป็นไรค่ะพี่พิรัชย์ หนูจอดทิ้งไว้ที่นี่ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเรียกแท็กซีกลับคอนโดแทน แต่ค่ำมืดแบบนี้ไม่รู้ว่าคนขับจะไว้ใจได้รึเปล่า สมัยนี้ยิ่งมีข่าวข่มขืนผู้โดยสารบ่อยด้วยสิ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”
เป็นไปตามคาด นิวเยียร์รีบระบายยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดี รีบเอ่ยขอบคุณออกไปทันที
“ขอบคุณนะคะ พี่พิรัชย์ใจดีที่สุดเลยค่ะ”
ทั้งสองคนเดินตามกันไปที่รถของหนุ่มเลขาที่จอดอยู่อีกฝั่ง ก่อนจะพากันมุ่งหน้าไปที่คอนโดของนิวเยียร์ ตลอดทางหญิงสาวก็ชวนคุยไม่หยุด จนกระทั่งเดินทางไปถึง
“ขอบคุณนะคะ” เธอหันไปเอ่ยกับคนข้าง ๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวาน
เพิร์ธเผลอยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยขณะมองหญิงสาวก้าวลงไปยืนอยู่ข้างตัวรถแล้วโบกมือล่ำลา
นิวเยียร์ขึ้นไปถึงห้องก็โยนกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ดังลงบนที่นอน พร้อมกับล้มตัวลงบนเตียงระบายยิ้มเขิน บิดตัวไปมา พลางคิดว่าเล่นละครนิดหน่อยเขาก็เชื่อละ คนอะไรเชื่อคนง่ายเหลือเกิน
เธอพร่ำเพ้อถึงคนที่มาส่ง วันนี้ทำไมเขาถึงได้น่ารักมากขนาดนี้ แต่จะว่าไปเขาก็น่ารักมาโดยตลอด ติดก็แค่เย็นชา พูดน้อย ไม่รู้ทันความคิดของเธอเท่านั้นเอง
‘อยากรู้จังว่าทำไมเขาถึงปิดกั้นตัวเอง’
จากที่เธอรู้มา พิรัชย์เป็นหนุ่มโสดที่ปีนี้มีอายุ 35 ปีแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่แต่งงานมีลูกมีเมีย หรือว่าเคยมีแล้วแต่ไม่สมหวังเลยไม่อยากมีอีก หรือว่าเป็นเกย์
นิวเยียร์ลองเดาคล้ายกับตอนที่เดาสามีของเพื่อนในคราแรกที่ยังไม่ได้รู้จักกัน ที่ครองโสดมาจนอายุเลขสามแต่ก็ยังไม่มีใครมันแปลกมาก คนส่วนใหญ่ที่อายุประมาณนี้ก็มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ตอนนี้เธอคิดว่าคงไม่มีผลต่อความคิดของเธอ เพราะได้ตัดสินใจไปแล้ว
จากนั้นนิวเยียร์ก็ยื่นมือไปที่กระเป๋าเพื่อเปิดเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในนั้น แล้วพิมพ์ข้อความส่งไปหาเพื่อนรัก
**********
Newyear : พรีมจ๋า
Noo’ Preme : ว่าไงยัยเพื่อนรัก อารมณ์ดีอะไรมาอีกล่ะ
Newyear : ฉันจะจีบพี่พิรัชย์
**********
ข้อความนี้ถูกส่งออกไป โทรศัพท์ของเธอก็มีสายเรียกเข้าจากพรีมที่โทรเข้ามา
“ว่าไงยัยพรีม”
(เอาจริงดิ)
“จริงสิ ฉันไม่เคยมั่นใจแบบนี้มาก่อนเลย” นิวเยียร์ตอบอย่างไม่ลังเล
(ถ้าแกมั่นใจว่าจะจีบพี่พิรัชย์จริง ๆ ฉันก็เอาใจช่วย)
“คอยเชียร์ฉันด้วยล่ะ คนนี้ฉันไม่ยอมแพ้แน่”
(ได้เลย มีอะไรให้ช่วยก็บอกเลยนะ)
นิวเยียร์ได้ล็อกเป้าหมายเอาไว้แล้ว ว่าพิรัชย์จะต้องเป็นแฟนคนแรกของเธอ และเป็นผู้ชายที่เธอจะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน ถึงแม้จะไม่เคยคุยกันถึงขั้นรู้จักนิสัยใจคอ หรือไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิต แต่เธอเชื่อว่าถ้าคนสองคนรักกันจริง มันก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากันได้อย่างแน่นอน
“เตรียมตัวรับมือได้เลยนะคะพี่พิรัชย์”