เผชิญหน้า
เมษา....
ตุ่บ!!!
"โอ๊ะ" ฉันล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อไปชนกับอะไรบางอย่าง พอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองปรากฏว่าสิ่งที่ฉันชนจนล้มก็คือผู้ชายร่างสูงที่แต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยเสื้อเชิตสีขาวกางเกงยีนสีดำขาดเข่าคนนึงที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน เขามีใบหน้าขาวใสคล้ายผู้หญิงแต่แววตาของเขานั้นดูดุดูหยิ่งดูเหวี่ยงๆยังไงชอบกลและตอนนี้สายตาที่เขามองฉันมันแสดงออกถึงความไม่พอใจ
"แม่งเดินยังไงวะ เห้ย ยัยข้างถนน!!!" เขาตะคอกใส่ฉันเสียงดังลั่นบ้านจนฉันต้องรีบยกมือขอโทษเขา
"ขะ ขอโทษค่ะ" ฉันยกมือขอโทษคนตรงหน้าทันทีทั้งที่ไม่รู้ว่าฉันหรือเขากันแน่ที่ผิดแต่ฉันก็ต้องขอโทษไปก่อนเพราะดูจากลักษณะท่าทางการแต่งกายของเขาแล้วเขาน่าจะอยู่ที่นี่บางทีเขาอาจจะเป็นหลานชายอีกคนของคุณยายก็ได้เพราะได้ยินท่านพูดว่ามีหลานชายสองคนคือคุณไทด์กับคุณ...คุณอะไรฉันก็จำไม่ได้
"คุณพีเจป้ากำลังจะขึ้นไปตามคือคุณท่านกลับมาแล้วนะคะ" ผู้ชายคนนี้คือคุณพีเจหลานชายคุณยายจริงๆด้วย
"แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นคะทำไมหนูเมษานั่งอยู่ตรงนี้" ป้ารำภาคงจะเพิ่งเห็นฉันเพราะเมื่อกี้คุณพีเจน่าจะยืนบังท่านก็เลยรีบเดินมาประคองฉันขึ้นยืนพอฉันยืนฉันก็รู้สึกปวดที่เท้าแต่ก็ทนฝืนเอาไว้
"ยัยนี่เป็นใครมาอยู่นี่ได้ยังไง" คุณพีเจมองหน้าฉันไม่เลิกก่อนจะหันมาถามป้ารำภา
"เธอชื่อหนูเมษาค่ะคุณพีเจ"
"แล้ว??"
"คือคุณท่านจ้างหนูเมษาให้มาดูแลน่ะค่ะ "
"จ้างมาดูแล??
"ค่ะคุณพีเจ"
"แล้วยัยนี่จบอะไรมา หมอ พยาบาล?? ผู้ช่วยพยาบาล??"
"เอ่อคือว่า..." สีหน้าของป้ารำภาดูหนักใจที่จะตอบคำถามของคนตรงหน้าฉันก็เลยคิดว่าฉันควรจะเป็นคนตอบเอง
"ฉันไม่ได้จบหมอพยาบาลหรือผู้ช่วยพยาบาลคือฉันจบแค่มอสามค่ะ" ฉันก้มหน้าตอบเพราะไม่อยากสบตากับเขา
"มอสาม?? จบแค่มอสามแล้วจะมาดูแลย่าฉันเนี้้ยนะ" น้ำเสียงของเขาบ่งบอกได้ถึงความไม่พอใจและความดูถูกที่ฉันจบแค่มอสามไม่ได้จบหมอพยาบาลอย่างที่เขาคิด
"คือแบบนี้ค่ะคุณพีเจ คือหนูเมษาน่ะเป็นคนช่วยคุณท่านตอนที่คุณท่านเป็นลมหมดสติที่สวนสาธารณะ ถ้าไม่ได้หนูเมษาคุณท่านอาการอาจจะแย่กว่านี้คุณท่านเห็นว่าหนูเมษาเป็นคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือท่านโดยไม่ต้องการสิ่งของเงินทองตอบแทนทั้งที่คุณท่านเซ็นเช็คให้หนึ่งแสนบาทแต่หนูเมษาไม่รับแล้วทีนี้คุณท่านเห็นว่าหนูเมษากำลังลำบากหางานทำอยู่พอดีคุณท่านก็เลยชวนหนูเมษาให้มาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลคุณท่านค่ะ"
"อ่อสรุปก็คือทุกคนพากันซาบซึ้งใจที่ยัยนี่ไม่รับเงินก็เลยคิดว่าเป็นคนดีเลยพามาอยู่ที่นี่ซะเลย แล้วป้าไม่คิดเหรอครับว่าแสนนึงอาจจะน้อยไปยัยนี่ก็เลยไม่เอาลองเพิ่มให้อีกสักแสนสองแสนขี้คร้านจะรีบตะครุบ" คำดูถูกของเขาทำให้ฉันต้องรีบเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรีบปฏิเสธเพราะเขากำลังเข้าใจผิด
"ฉันช่วยท่านไม่ได้ต้องการเงินหรือสิ่งตอบแทนนะคะฉันช่วยท่านด้วยความเต็มใจจริงๆถ้าคุณคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นฉันไปจากที่นี่ก็ได้ค่ะ"
"ก็ไปดิ"
"คุณพีเจคะป้าว่า..."
"เมษาจะไม่ไปไหนทั้งนั้นเธอจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อดูแลย่า"
ทุกคนหันไปตามเสียง คุณยายท่านเดินมาพร้อมกับคุณไทด์ที่คอยประคองท่านไม่ห่างเขามองมาที่ฉันแล้วก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
"แต่ผมไม่ให้อยู่ หน้าซื่อๆใช่ว่าจะไว้ใจได้ คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้ย่าจะไว้ใจให้มาดูแลได้ยังไง"
"ย่ามั่นใจว่าย่าดูคนไม่ผิดหนูเมษาเป็นคนดี ย่าเชื่อว่าเธอสามารถดูแลย่าได้เป็นอย่างดี"
"ถ้าย่าอยากได้คนดูแลทำไมไม่จ้างคนที่มีประสบการณ์ พยาบาลพิเศษที่โรงพยาบาลก็มีเยอะแยะทำไมต้องเอาคนที่จบแค่มอสามมาช่วยดูแล เกิดยัยนี่อ่านฉลากยาหยิบยาผิดๆถูกๆจะทำไง ชีวิตของย่าย่าจะเอามาฝากไว้กับคนไร้การศึกษาแบบนี้เหรอครับ"
"ฉันอ่านหนังสือออกค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง" ฉันเผลอตัวพูดออกไปทั้งที่ควรจะเงียบแต่ก็พูดออกไปแล้ว
"เสือก!!! ฉันไม่ได้พูดกับเธอ" ฉันสะอึกไปกับคำพูดของเขา อย่าว่าแต่ฉันเลยค่ะทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ต่างทำหน้าไม่ถูกเหมือนกันโดยเฉพาะคุณไทด์ที่เขาดูเหมือนจะโกรธแทนฉัน
"ขอโทษค่ะคือฉันเห็นว่าคุณกำลังพูดถึงฉันอยู่ฉันก็เลยอยากจะอธิบายก็เท่านั้นเอง" ฉันขอโทษเขาอีกรอบทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
"นั่นแล่ะที่เรียกว่าเสือก"
"นายพูดแรงไปหรือเปล่าพีเจ เมษาเขาก็แค่อธิบายให้นายเข้าใจว่าเขาอ่านหนังสือออกไม่มีทางอ่านฉลากยาให้คุณย่าผิดแน่ๆ"
"มึงก็เหมือนกันไอ้ไทด์อย่าเสือกเพราะกูก็ไม่ได้พูดกับมึง"
"พีเจ เรารักย่าหรือเปล่า" คุณยายเดินไปจับมือคุณพีเจแล้วเอ่ยกับเขาด้วยเสียงราบเรียบเหมือนกำลังต้องการให้คุณพีเจอารมณ์เย็นลง
"ทำไมย่าผมถามแบบนี้"
"ก็ถ้าพีเจรักย่าก็ต้องยอมให้หนูเมษาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลย่า บอกตามตรงว่าย่าถูกชะตากับหนูเมษาย่าคิดว่าย่าดูคนไม่ผิดและย่าเชื่อว่าหนูเมษาจะดูแลย่าได้ดี"
"ย่าพูดขนาดนี้แล้วผมจะทำอะไรได้" เขาพูดกับคุณยายแล้วเงยหน้ามามองฉันด้วนสายตาไม่เป็นมิตรฉันจึงรีบก้มหน้าทันที
"แปลว่าพีเจยอมให้หนูเมษาอยู่ที่นี่แล้วใช่ไหมลูก"
"ครับ"
"ย่าขอบใจนะลูก"
"แต่"
"แต่อะไรคะคุณพีเจ" ป้ารำภาทำหน้าลุ้นกับคำว่าแต่ของคุณพีเจรวมถึงฉันด้วย
"แต่ถ้ายัยนี่ทำตัวไม่น่าไว้ใจเมื่อไหร่วันนั้นผมจะเป็นคนลากคอยัยนี่ออกไปจากที่นี่ด้วยตัวผมเอง ตกลงตามนี้นะครับ"
หนึ่งเดือนต่อมา....
"คุณยายคะได้เวลาทานยาแล้วนะคะ" ฉันเดินเข้ามาในห้องสมุด ห้องที่คุณยายมักจะใช้เวลาอยู่ในห้องนี้นานกว่าส่วนอื่นๆของบ้านเพราะท่านชอบอ่านหนังสือโดยมีป้ารำภาคอยดูแลอยู่ข้างๆ ตอนนี้ฉันทำหน้าที่เป็นคนดูแลเรื่องอาหารและการจัดยาให้กับท่าน มันก็เลยทำให้ฉันรู้ว่าคุณยายต้องทานยาหลากหลายชนิดในหนึ่งวันเนื่องจากร่างกายของท่านไม่ค่อยแข็งแรงท่านเป็นทั้งความดัน โรคหัวใจทำให้ต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกหนักใจก็คือท่านไม่ได้บอกกับคุณไทด์คุณพีเจว่าท่านป่วยเป็นอะไร ท่านให้เหตุผลว่าท่านไม่อยากให้หลานๆทุกคนเป็นกังวล
"เมษาหนูรับปากกับยายได้ไหมลูกห้ามบอกกับตาไทด์ตาพีเจเด็ดขาดเลยนะลูกว่ายายป่วยน่ะ"
"ทำไมล่ะคะ"
"ยายไม่อยากให้พวกเขาทุกข์ใจกังวลใจน่ะ โดยเฉพาะพีเจถ้าเค้ารู้ว่ายายป่วยเขาต้องคิดมากต้องทุกข์ใจเพราะตั้งแต่เด็กจนโตเขาคิดว่าทั้งชีวิตของเขาเขาไม่เหลือใครแล้วนอกจากยาย เพราะแบบนี้ยายถึงไม่อยากให้เขาต้องมาทุกข์ใจเพราะยาย"
"ถ้าอย่างนั้นคุณยายก็ต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรงนะคะ ทานอาหารที่เมตั้งใจทำให้หมดห้ามเหลือเลย"
"เราพูดเหมือนยายเป็นเด็กๆมาบังคับให้ยายกินข้าว"
"ก็เมเห็นคุณยายทานข้าวนิดเดียวนี่คะคำสองคำก็อิ่มแล้ว"
"ก็ยายไม่ค่อยหิวนี่ลูก อีกอย่างยายก็คิดถึงตาพีเจ นี่ก็ไม่เจอหน้ามาเป็นอาทิตย์แล้ว เห้อออ"
"คุณพีเจคงอยู่คอนโดนั่นแล่ะค่ะคุณท่าน ถ้าคุณท่านคิดถึงเดี๋ยวรำภาโทรตามดีไหมคะ"
"ไม่ต้องหรอกรำภาถ้าตาพีเจอยากกลับก็คงจะกลับมาเองนั่นแล่ะ รายนั้นน่ะใครจะไปบังคับเขาได้อยากมาก็มาอยากไปก็ไป เห้อออ" ฉันสงสารคุณยายที่เอาแต่บ่นคิดถึงหลานชายคนเล็กเพราะตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่นับครั้งได้ว่าเจอเขากี่ครั้ง และแต่ละครั้งที่เจอฉันก็จะต้องได้ยินคำพูดจาดูถูกทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาจงเกลียดจงชังอะไรฉันนักหนา ยิ่งเวลาที่ฉันคุยกับคุณไทด์เขาจะเข้ามาพูดจาก่อกวนอยู่เรื่อยแต่ฉันกับคุณไทด์ก็เงียบไม่ตอบโต้อะไรนั่นยิ่งทำให้คุณพีเจโมโหมากกว่าเดิม แต่คุณไทด์ก็บอกว่าไม่ต้องใส่ใจให้ฉันทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ซึ่งฉันก็รับปากคุณไทด์ว่าฉันจะดูแลคุณยายให้ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้
อยากจะบอกว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาที่ฉันดูแลคุณยายฉันคิดเสมอว่าท่านคือยายแท้ๆของฉันเวลาที่ได้ดูแลท่านเหมือนฉันได้ดูแลยายของตัวเองที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ฉันสัญญาว่าจะดูแลท่านให้ดีที่สุดให้สมกับความเมตตาและความไว้วางใจที่ท่านมีให้กับฉัน ส่วนเงินเดือนที่ท่านให้ฉันฉันก็จะเก็บออมเอาไว้เผื่อวันข้างหน้าฉันจะได้ใช้มันเพื่อเรียนต่อ ฉันอยากเรียนสูงกว่านี้จะได้ไม่มีใครมาดูถูก