ยัยข้างถนน
พีเจ.....
ผมเดินมาที่ลานจอดรถด้วยความหงุดหงิดเพราะไอ้เหี้ยไทด์คนเดียว เห็นหน้ามันทีไรผมจะอารมณ์เสียทุกครั้งถึงตัวมันจะไม่ได้ทำอะไรให้ผมแต่แม่ของมันเคยทำให้แม่ของผมเสียใจจนตรอมใจ ถึงเรื่องราวมันจะผ่านมานานหลายสิบปีแล้วแต่ผมก็ไม่มีวันลืมวันที่พ่อของผมจูงมือมันเข้ามาในบ้านแล้วบอกกับทุกคนในบ้านว่ามันคือลูก ผมจำได้ติดตาว่าแม่ของร้องไห้เสียใจขนาดไหนที่รู้ว่าพ่อแอบไปมีเมียมีลูกโดยที่ไม่มีใครเอะใจหรือสงสัยมาก่อนจนกระทั่งแม่ของไอ้ไทด์มันตายพ่อก็เลยพามันเข้ามาในบ้าน
"ไม่ว่ามึงจะทำดีกับกูมากแค่ไหนยังไงกูก็จะเกลียดมึงไปจนวันตายอะไรที่มึงรักกูจะแย่งมา เหมือนที่กูเคยทำ" ผมอาฆาตในใจความรู้สึกนี้มันฝังลึกในใจของผมมานานหลายสิบปีแล้ว
"รถแม่งติดอะไรนักหนาวะ" ตอนนี้ผมหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อขับออกมาถึงหน้าโรงพยาบาลแล้วเจอสภาพท้องถนนที่รถติดยาวหลายสิบกิโลผมหันซ้ายหันขวาก่อนจะวกรถเข้าไปในโรงพยาบาลอีกรอบแล้วไปออกข้างหลังโรงพยาบาลแทนเพราะมันเป็นทางลัดถึงแม้ทางมันจะแคบสักหน่อยมันก็คงจะดีกว่าติดไฟแดงเป็นชั่วโมงๆกว่าจะถึงบ้านคงค่ำพอดีที่ผมรู้เพราะโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลที่ครอบครัวของผมใช้บริการเป็นประจำไม่ว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือตรวจสุขภาพประจำปีทุกคนก็จะมากันที่นี่ตลอดผมก็เลยรู้เส้นทางเป็นอย่างดีแต่.....
"แม่งกูคิดถูกคิดผิดวะที่ขับเข้ามาทางนี้ ถนนมีแต่หลุมแต่บ่อรถกูจะเป็นไรมั้ยวะ" ผมขับไปบ่นไปเพราะจากที่คิดว่าจะเป็นทางลัดกลับกลายเป็นต้องค่อยๆขับเนื่องจากสภาพถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อมีน้ำขังทั่วถนนทั้งสาย ผมก็ลืมไปว่าช่วงนี้ฝนตกทุกวันน้ำไม่ขังก็คงจะแปลก
" ห้าววววว ง่วงชิบหายแล้วเมื่อไหร่กูจะถึงปากซอยวะ ซิ่งเลยละกันวะ" ผมหาวไปบ่นไปเพราะง่วงจนตาจะปิด
ซ่า!!!!!! เสียงน้ำกระเด็น
"ว๊ายยยย" เสียงใสดังลอดเข้ามาในรถแม้จะไม่ได้ยินชัดเจนเท่าไหร่แต่ก็ทำให้ผมต้องหันไปมอง แล้วเจอผุ้หญิงคนนึงที่แต่งตัวมอซอซอมซ่อกำลังตัวเปียกไปด้วยน้ำครำจ้องมองเข้ามาในรถของผมด้วยสายตาโกรธๆไม่พอใจน่าจะเป็นเพราะผมที่ทำให้ยัยนี่มีสภาพดูไม่ได้แบบนี้แต่ช่วยไม่ได้อยากมาเดินริมถนนเอง
"หึ สมน้ำหน้าเดินแม่งไม่รู้จักหลบรถเปียกแม่งเลย555โคตรสะใจ" ผมหัวเราะอยู่คนเดียวบนรถด้วยความสะใจก่อนจะขับรถต่อไปโดยไม่สนใจว่าคนด้านนอกจะแช่งชักหักกระดูกหรือเปล่าที่ผมขับรถจนทำให้น้ำกระเด็นโดนตัว
เมษา....
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนรถตู้ด้วยความจำใจและต้องพาคุณยายที่ตอนนี้ฉันยังไม่รู้จักชื่อของท่านกับคุณป้ารำภามาที่บ้านทั้งที่ฉันก็บอกกับท่านไปแล้วว่าทางมันลำบากให้รอที่รถแต่ท่านก็ไม่ยอมจะมาที่บ้านของฉันให้ได้คือไม่ใช่ว่าฉันอายบ้านตัวเองหรอกนะเพราะฉันไม่เคยอายอยู่แล้วที่จนแต่ฉันเกรงใจท่านน่ะที่ให้งานฉันทำยังไม่พอจะอยากมาเยี่ยมมาดูบ้านของฉันอีก
"นี่บ้านหนูเหรอเมษา"
"ใช่ค่ะ"
"โถลูกทำไมชีวิตน่าสงสารขนาดนี้อย่าหาว่ายายดูถูกเลยนะหนูอยู่บ้านหลังนี้จริงๆเหรอจ๊ะ"
"ค่ะ หนูอยู่มาตั้งแต่เด็ก"
"มันอันตรายมากเลยนะลูกป้าว่า เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่บ้านที่แทบจะหาความปลอดภัยไม่เจอเลยแถมไฟฟ้าก็ไม่มีใช้หนูอยู่ได้ยังไง ดีนะที่คุณไทด์มาส่งจนมาเห็นความเป็นอยู่ของหนูแล้วเล่าให้คุณท่านกับป้าฟังไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่รู้ว่าหนูลำบากมากแค่ไหน'
"หนูชินแล้วล่ะค่ะคุณป้า"
"แต่ต่อไปนี้หนูจะไม่ต้องลำบากแล้วนะ ไปทำงานกับยายอยู่กับยายส่วนบ้านหลังนี้ยายจะให้ช่างมาปรับปรุงซ่อมรั้วซ่อมหลังคาซ่อมฝาบ้านให้แล้วก็จะเอาไฟฟ้าเข้ามาให้ด้วย"
"ไม่เป็นไรค่ะแค่คุณยายให้งานทำหนูก็ไม่รู้จะตอบแทนพระคุณยังไงหมดแล้ว"
"ยายเต็มใจทำให้หนู เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนที่หนูช่วยยายเอาไว้"
"แต่ว่ามัน..."
"ไม่ต้องมีแต่แล้วจ๊ะ ไปเก็บของเถอะเดี๋ยวจะค่ำซะก่อน"
สองชั่วโมงต่อมา...
ตอนนี้ฉันมาถึงบ้านของคุณยายแต่จะเรียกว่าบ้านคงจะไม่ถูกต้องนักฉันน่าจะต้องเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่าเพราะแค่นั่งรถผ่านประตูรั้วสีทองที่สูงหลายสิบเมตรเข้ามาฉันก็สัมผัสได้ถึงความใหญ่โตโอ่อ่าของสถานที่ที่ฉันไม่คิดว่ามีจริงเพราะมันสวยงามราวปราสาทในเทพนิยายที่ฉันเคยอ่านตอนเป็นเด็ก มองไปทางไหนก็มีแปลงดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่ปลูกประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงามไหนจะสวนป่าที่มีไอน้ำพ่นออกมาและมีน้ำตกหลายชั้นไหลลงมาทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา ถ้าไม่บอกว่าตอนนี้อยู่กรุงเทพฉันคิดว่าตอนนี้ฉันน่าจะอยู่จังหวัดไหนสักจังหวัดในภาคเหนือ ฉันนั่งอยู่บนรถมองบรรยากาศโดยรอบด้วยความตื่นเต้นจนกระทั่งรถจอดตรงบันไดทางขึ้นสักพักก็มีคนมาเปิดประตูรถให้เป็นหญิงวัยกลางคน
"คุณท่านกลับมาแล้ว"
"เป็นไงบ้างบ้านเรียบร้อยดีไหมฉันไม่อยู่สองวัน"
"เรียบร้อยดีค่ะคุณท่าน เอ่อ แล้วนี่ใครกันคะคุณท่าน" หญิงวัยกลางคนหันมามองฉันด้วยแววตาสงสัย และด้วยความที่ฉันอายุน้อยกว่าฉันก็เลยรีบยกมือไหว้ตามมารยาท
"เดี๋ยวรำภาจะเป็นคนแนะนำให้ทุกคนในบ้านรู้จักพร้อมๆกัน"
"เจ้าค่ะ"
"ป่ะเข้าบ้านกันเถอะลูก" จากนั้นคุณยายก็จับมือฉันแล้วพาเดินเข้าบ้านโดยมีคุณป้ารำภาเดินตามหลัง พอเข้ามาด้านในฉันก็เจอคนหลายสิบคนที่มีทั้งผู่้หญิงผู้ชายนั่งพับเพียบเรียบร้อยกันอยู่ที่พื้นพรม
"เอาล่ะทุกคนมากันพร้อมแล้วนะ"
"ค่ะ/ครับ"
"ฉันมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนได้ทราบว่าตอนนี้คุณท่านมีคนดูแลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนนั่นก็คือหนูเมษาคนนี้ หนูเมษาจะมาดูแลคุณท่านกับฉัน"
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อเมษาค่ะยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะมีอะไรก็บอกก็สอนหนูด้วยนะคะ" ฉันแนะนำตัวพร้อมกับไหว้ทุกคนเพราะดูๆแล้วทุกคนในที่นี้น่าจะอายุมากกว่าฉันกันทุกคน
"แล้วหนูคนนี้จะมาอยู่ที่นี่หรือว่าไปกลับคะคุณรำภา"
"อยู่ที่นี่จ่ะ"
"ถ้าอยู่ที่นี่จะให้หนูคนนี้นอนที่ไหนคะ จันจะได้เตรียมห้อง"
"ฉันจะให้หนูเมษาพักอยู่ที่ตึกใหญ่เพื่อที่ว่าหนูเมษาจะได้ดูแลฉันอย่างใกล้ชิด เอาห้องรับรองแขกก็ได้ จันช่วยจัดการทีนะ"
"ได้ค่ะคุณท่าน"
เวลาต่อมา...
ฉันหิ้วกระเป๋าเดินตามป้าแม่บ้านที่ชื่อจันมายังชั้นสองของบ้านก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าห้องๆนึง
"ห้องนี้นะคะห้องของคุณเมษา"
"ป้าอย่าเรียกหนูว่าคุณเลยค่ะ หนูเป็นแค่ลูกจ้างที่คุณยายจ้างมาดูแลเท่านั้นเอง" ฉันรีบบอกทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
"ไม่น่าจะใช่หรอกมังคะคุณเมษาเพราะถ้าเป็นแค่ลูกจ้างคุณท่านคงไม่ให้คุณเมษาขึ้นมาอยู่ที่ตึกใหญ่หรอกค่ะ"
"อ้าวแล้วป้ากับคนอื่นๆอยู่กันที่ไหนเหรอคะ" ฉันถามอย่างสงสัยเพราะคิดว่าทุกคนพักอยู่ที่ตึกนี้กันหมด
"คนงานทุกคนไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านแม่ครัวคนขับรถคนสวนทุกคนพักกันอยู่ที่ตึกคนงานด้านหลังตึกใหญ่กันค่ะ"
"อ้าวเหรอคะ แล้วทำไมคุณยายกับคุณป้ารำภาถึงไม่ให้หนูไปอยู่ที่นั่นล่ะคะ"
"อันนี้ป้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ป้าว่าตอนนี้คุณเมษาเอาของเข้าไปเก็บไว้ในห้องก่อนดีกว่านะคะเพราะอีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาอาหารค่ำแล้ว"
"ถ้างั้นเดี๋ยวหนูไปช่วยทำอาหารนะคะ"
"ไม่ต้องค่ะ คุณเมษามีหน้าที่ดูแลคุณท่าน เรื่องอาหารให้เป็นหน้าที่ของแม่ครัวเถอะนะคะ ถ้าคุณเมษาลงไปช่วยพวกในครัวจะโดนดุ"
"ทำไมต้องโดนดุด้วยล่ะคะ"
"ทุกคนที่บ้านหลังนี้มีหน้าที่ของแต่ละคนค่ะคุุณท่านจะไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกันเลย แม่บ้านก็ส่วนแม่บ้าน แม่ครัวก็ส่วนแม่ครัว พูดง่ายๆก็คือคุณท่านกลัวทุกคนจะเหนื่อยน่ะค่ะถ้าทำงานกันหลายอย่าง"
"หืมมม ดีจังเลยนะคะ"
"ค่ะ คุณท่านน่ะใจดีกับพวกเราทุกคน พวกเราทุกคนรักและเคารพคุณท่านมาก ท่านเป็นมากกว่าเจ้านายค่ะ" ฉันเห็นด้วยกับที่ป้าแม่บ้านพูดเพราะคุณยายท่านใจดีมากจริงๆ
"เดี๋ยวป้าขอลงไปทำงานข้างล่างต่อก่อนนะคะ คุณเมษาอาบน้ำพักผ่อนก่อนก็ได้นะคะถ้าถึงเวลาอาหารเดี๋ยวป้าจะให้เด็กๆขึ้นมาตาม"
"ขอบคุณป้าจันมากเลยนะคะ แต่หนูขอร้องป้านะคะเลิกเรียกหนูว่าคุณได้ไหมค่ะขอร้องล่ะ"
"เอางี้ไหมคะต่อไปป้าจะเรียกคุณเมษาว่าหนูเมดีไหมคะ น่ารักดี"
"เอางั้นก็ได้ค่ะเรียกหนูว่าหนูเมก็ได้ค่ะ"
หลังจากที่ป้าจันลงไปแล้วฉันก็เปิดประตูห้องเพื่อเอาของๆตัวเองเข้าไปเก็บ และพอฉันเปิดประตูเข้ามาฉันก็ต้องอึ้งจนแทบหยุดหายใจเพราะห้องสวยมากและกว้างมาก ฉันจะต้องอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ ฉันคิดว่ามันมากเกินไปกับหน้าที่ของฉัน ฉันคิดว่าจะลงไปคุยกับคุณป้ารำภาว่าขอให้ฉันไปอยู่ตึกคนงานน่าจะดีกว่าเหมาะสมกว่า ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบห้องนี้นะแต่มันไม่เหมาะกันคนอย่างฉันเลยแม้แต่น้อย คิดได้แบบนั้นฉันก็รีบหยิบกระเป๋าตัวเองเดินออกมาจากห้องทันที
ตุ่บ!!!
"โอ๊ะ" ฉันล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อไปชนกับอะไรบางอย่าง พอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองปรากฏว่าสิ่งที่ฉันชนจนล้มก็คือผู้ชายร่างสูงที่แต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยเสื้อเชิตสีขาวกางเกงยีนสีดำขาดเข่าคนนึงที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน เขามีใบหน้าขาวใสคล้ายผู้หญิงแต่แววตาของเขานั้นดูดุดูหยิ่งดูเหวี่ยงๆยังไงชอบกล
"แม่งเดินยังไงวะ เห้ย ยัยข้างถนน!!!"