ตอบแทน
เมษา...
"คุณยายคะคุณยาย" ฉันเรียกคุณยายพร้อมกับประคองศีรษะของท่านที่ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัวใบหน้าของท่านซีดมากจนน่าเป็นห่วง ดูจากลักษณะการแต่งกายแล้วท่านน่าจะมาวิ่งออกกำลังกายแล้วเกิดเป็นลม ดูๆแล้วอายุของท่านน่าจะพอๆกับยายของฉัน ฉันหยิบยาดมออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่ฉันมักจะพกติดตัวอยู่เป็นประจำเพราะเวลาเดินหาของเก่ากับยายแล้วอากาศมันร้อนอบอ้าวจนแทบจะเป็นลมฉันก็ได้มันคอยบรรเทาอาการฉันจึงพกเอาไว้ตลอดจนติดเป็นนิสัย ฉันเอายาดมให้ท่านดมจากนั้นฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาคนช่วยแต่ตรงที่ฉันกับคุณยายอยู่มันไม่มีคนเดินผ่านเลยเพราะคนไปออกันอยู่ที่ลานกิจกรรมเพราะมีการแสดงการออกกำลังของผู้สูงอายุฉันก็เลยตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงเพื่อให้คนอื่นที่อยู่ภายในบริเวณสวนสาธารณะได้ยิน
"ช่วยด้วยค่า ช่วยด้วยค่ามีคนเป็นลมทางนี้ค่า!!!!" ฉันตะโกนไปก้มมองหน้าคุณยายไปไม่นานจากนั้นก็มีผู้หญิงวัยกลางคนอีกคนหนึ่งวิ่งมาหน้าตาตื่นมา
"ทางนี้ค่า" ฉันโบกมือกวักมือเรียกเพราะกลัวจะไม่เห็น
"คุณท่านคะคุณท่าน คุณท่านเป็นอะไรคะ" หญิงวัยกลางคนอายุน่าจะประมาณห้าสิบปีพอเห็นคุณยายก็มีสีหน้าตกใจซึ่งฉันคิดว่าคงจะเป็นญาติ
"คุณป้าเป็นญาติของคุณยายเหรอคะ"
"ป้าเป็นคนดูแลคุณท่านน่ะ คุณท่านคะคุณท่าน คุณท่าน" หญิงวัยกลางคนพยายามเรียกแต่คุณยายก็ไม่ฟื้นสักทีจนฉันคิดว่าถ้าปล่อยไว้อาจจะแย่เพราะท่านก็แก่มากแล้ว
"เอ่อหนูว่าคุณป้าเรารีบพาคุณยายไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่านะคะ" ฉันบอกกับหญิงวัยกลางคนที่ตอนนี้เหมือนกำลังทำอะไรไม่ถูกท่านคอยจับคอยบีบมือคุณยายตลอดเวลา
"ใช่ๆเราต้องพาคุณท่านไปโรงพยาบาลเดี๋ยวป้าโทรเรียกคนขับรถก่อนนะน่าจะอยู่แถวนี้ หนูช่วยประคองคุณท่านไว้ทีนะ" ฉันพยักหน้าจากนั้นหญิงวัยกลางคนก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาคนช่วยซึ่งน่าจะเป็นขับรถตามที่บอก จากนั้นไม่นานก็มีชายวัยกลางคนสวมชุดซาฟารีสีน้ำเงินวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาก่อนจะอุ้มคุณยายที่ยังไม่รู้สึกตัวไปยังรถตู้สีขาวที่จอดอยู่ไม่ไกล หลังจากที่เห็นว่าคุณยายถูกนำตัวขึ้นรถแล้วฉันก็หมดห่วงไปเปลาะหนึ่งกำลังจะไปหางานต่อแต่...
"หนูอย่าเพิ่งไป" คุณป้าท่านจับมือฉันเอาไว้แล้วมองหน้าฉัน หรือท่านคิดว่าฉันขโมยของๆคุณยาย
"เอ่อคือหนูไม่ได้โขมยอะไรของคุณยายนะคะไม่เชื่อค้นตัวหนูได้เลยค่ะ" ฉันยื่นกระเป๋าสะพายของตัวเองที่มีเอกสารการสมัครงานกับปากกาเท่านั้น
"ป้าไม่ได้คิดแบบนั้นเลยลูก ป้ากำลังจะบอกว่าให้หนูไปที่โรงพยาบาลกับป้าด้วยกัน"
"ไปโรงพยาบาลเหรอคะ??"
"ใช่จ๊ะเพราะหนูคือคนที่ช่วยคุณท่านเอาไว้"
"เอ่อคือว่าหนูกำลังจะไปสมัครงานค่ะ หนูคงไปด้วยไม่ได้จริงๆ" ฉันบอกคุณป้าไปตามความจริงว่าฉันต้องไปหางานทำแต่คุณป้าท่านก็ไม่ฟังดึงมือฉันขึ้นรถมาจนได้
"เรื่องนั้นค่อยว่ากันนะลูก หนูไปกับป้าก่อนนะเพราะป้ากลัวว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก"
ที่โรงพยาบาล....
เรามาถึงโรงพยาบาลในเวลาอันรวดเร็วเพราะมีรถพยาบาลนำทางมาตลอด และตอนนี้ฉันกับคุณป้าและคนขับรถนั่งรอกันหน้าห้องฉุกเฉิน จนเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงคุณหมอกับคุณพยาบาลก็เดินมาบอกว่าคุณยายปลอดภัยแล้วและกำลังจะพาคุณยายไปห้องพักฟื้น จากนั้นคุณป้าก็จูงมือฉันเดินตามรถเข็นที่คุณยายนอนอยู่มายังห้องพักฟื้นชั้นวีไอพี ฉันมองไปรอบๆห้องด้วยความตื่นเต้นเพราะห้องหรูหรามากเหมือนไม่ใช่ห้องในโรงพยาบาลมันเหมือนห้องพักในโรงแรมห้าดาวที่ฉันเคยไปรับทำงานพาร์ทไทม์เป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้องพัก ฉันนั่งอยู่ที่โซฟามุมห้องกับคุณป้ายพร้อมกับมองไปที่เตียงคนไข้ที่มีคุณหมอกับพยาบาลที่กำลังใส่สายน้ำเกลือให้คุณยาย
"อีกสักพักคุณหญิงท่านก็น่าจะฟื้นครับเพราะท่านไม่ได้เป็นอะไรมาก"
"ขอบคุณนะคะคุณหมอ" คุณป้ายกมือไหว้คุณหมอที่มีอายุน้อยกว่าจนคุณหมอต้องรีบรับไหว้แทบไม่ทันก่อนจะออกไปจากห้องเหลือทิ้งไว้แค่ฉันกับคุณป้าแล้วก็คุณยายที่ยังนอนหลับอยู่
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
"ขอบใจหนูมากเลยนะที่ช่วยฉันไว้ถ้าไม่ได้หนูฉันคงแย่" คุณยายขอบคุณฉันหลังจากที่ท่านฟื้นและคุณป้าเล่าให้ท่านฟังว่าฉันเป็นคนช่วยท่านเอาไว้ตอนที่ท่านเป็นลม
"ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย หนูเต็มใจช่วยถึงต่อให้ไม่ใช่หนูถ้าเป็นคนอื่นมาเจอคุณยายเป็นลมเขาก็ต้องช่วยคุณยายเหมือนกันค่ะ"
"แต่ยังไงฉันก็ขอบใจหนูอยู่ดีนั่นแล่ะว่าแต่หนูชื่ออะไรจ๊ะ"
"หนูชื่อเมษาค่ะ"
"หนูเมษาจ๊ะฉันจะอยากตอบแทนหนูที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ รำภาเธอหยิบกระเป๋าออกมาให้ฉันที"
"ได้ค่ะคุณท่าน" ฉันมองไปที่คุณป้าที่ชื่อรำภาท่านลุกไปหยิบกระเป๋าหนังสีน้ำตาลแล้วเดินมาที่เตียงคนไข้ จากนั้นคุณยายก็หยิบสมุดเล่มเล็กๆออกมาที่ฉันไม่รู้ว่ามันคือสมุดอะไรท่านเขียนบางอย่างลงไปก่อนจะฉีกมันออกมายื่นให้ฉัน
"อะไรเหรอคะ" ฉันถามโดยที่ยังไม่ได้ยื่นมือไปรับ
"เช็คเงินสดหนึ่งแสนบาทจ๊ะ ฉันให้เป็นรางวัลตอบแทนความดีของหนู"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณยายหนูเต็มใจช่วยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน" ฉันรีบปฏิเสธทันทีถึงมันจะเป็นเงินจำนวนเยอะที่ชาตินี้ทั้งชาติฉันคงหาที่ไหนไม่ได้แต่ฉันไม่อยากได้เพราะฉันช่วยท่านไม่ได้หวังเงินทองของรางวัลอะไร
"คุณท่านให้ก็รับไว้เถอะ ถ้าไม่ได้หนูช่วยป่านนี้คุณท่านคงจะอาการแย่กว่านี้"
"ไม่เอาค่ะ หนูไม่รับจริงๆค่ะ" ฉันปฏิเสธแต่คุณป้าก็ไม่ยอมท่านเดินไปหยิบเช็คเงินสดในมือของคุณยายแล้วมาเอามาใส่มือฉัน
แอร๊ดดดดดดดดด
"คุณย่า!!!" ฉันหันไปตามเสียงพร้อมกับมองคนที่เข้ามาใหม่คุณป้ารำภาอาศัยจังหวะนี้เอาเช็คยัดใส่มือฉันทันทีทำให้ตอนนี้เช็คเงินสดจำนวนหนึ่งแสนบาทอยู่ในมือของฉันเรียบร้อยแล้ว
"คุณป้าคะคืออหนูไม่.." ฉันกำลังจะยื่นเช็คคืนแต่คุณป้ารำภาท่านไม่ยอมรับคืน
"คุณย่าเป็นยังไงบ้างครับ" ฉันมองตามผู้ชายแต่งตัวภูมิฐานที่เดินมายืนตรงข้ามคนละฝั่งกับฉัน
"ย่าไม่เป็นอะไรลูก" จากสรรพนามที่เรียกผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นหลานชายของคุณยาย
"ผมตกใจแทบแย่จนต้องรีบออกมาจากห้องประชุมตอนที่รู้ว่าคุณย่าเป็นลมจนต้องเข้าโรงพยาบาล"
"ย่าไม่เป็นอะไรมากหรอกลูก ย่าแค่ไปวิ่งออกกำลังกายแล้วทีนี้แดดมันร้อนย่าก็เลยเป็นลม" ท่านพูดกับหลานของท่านด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ทำให้ฉันคิดถึงยายของฉันท่านก็พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ แล้วจู่ๆ น้ำตาของฉันก็ไหลออกมาเพราะคิดถึงยาย ฉันรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองทันทีเพราะตอนนี้ฉันอยู่ท่ามกลางคนที่ฉันไม่รู้จักเลยแม้แต่คนเดียว
"ต่อไปผมสั่งห้ามเลยนะครับห้ามคุณย่าไปออกกำลังกายข้างนอกอีกเด็ดขาด สนามหญ้าบ้านเราก็ออกจะกว้างคุณย่าไม่จำเป็นต้องไปวิ่งออกกำลังกายข้างนอกเลย ถ้าคราวนี้ไม่มีคนช่วยแล้วคุณย่าเป็นอะไรไปผมจะทำยังไงครับ"
"เป็นความผิดของป้าเองค่ะคุณไทด์ที่ไม่ดูแลคุณท่านอย่างใกล้ชิด" คุณป้ารำภาเอ่ยโทษตัวเอง
"ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกรำภา ฉันเป็นคนสั่งให้เธอนั่งรอไม่ต้องเดินตาม"
"แต่ถึงยังไงหน้าที่ดูแลคุณท่านก็เป็นหน้าที่ของรำภานี่คะ"
"เอาล่ะครับไม่ต้องโทษกันไปมาผิดกันทั้งคู่นั่นแล่ะทั้งคุณย่าทั้งป้ารำภา" ฉันลอบมองชายหนุ่มที่ดุคนสูงวัยทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"แล้วนี่ไทด์มาคนเดียวเหรอลูก พีเจล่ะ"
"มันยังไม่เข้าบ้านเลยครับโทรไปก็ปิดเครื่องสงสัยนอนที่คอนโดยังไม่ตื่น"