พรหมลิขิต
พรหมลิขิต
16.30 น.
“ แล้วขับมาส่งชั้นที่บ้านแบบนี้นายจะกลับยังไง “ น้ำหวานเอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขายังคงนั่งอยู่ที่เบาะฝั่งคนขับ
หลังจากใช้เวลาเดินทางกลับค่อนข้างยาวนานกว่าปกติเพราะทั้งเพื่อนของทั้งเขาและเธอที่นั่งรถตู้อีกคันพากันแวะเที่ยวมาตลอดทาง เธอและเขาที่นั่งรถยนต์ตามมาจึงจำต้องแวะด้วย ตลอดการเดินทางน้ำหวานยอมรับว่าเขาเป็นนักขับที่ขับรถได้ยอดเยี่ยมมาก เขามีวิสัยทัศน์และวินัยในการขับรถที่ดี ไม่เบียด ไม่แซงในระยะกระชั้นชิด ไม่ปาดหน้า เขาขับรถนิ่มซะจนเธอเผลอหลับทุกครั้งที่ก้าวเข้ามานั่งในรถ
“ ทำไม...เป็นห่วงเหรอ ? “ ขณะที่มือกำลังปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก ใบหน้าคมก็หันมาหาหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ บ้า...ใครเค้าจะเป็นห่วงนายกัน ชั้นก็แค่ถามเดี๋ยวนายจะหาว่าชั้นแล้งน้ำใจ อุตส่าห์ขับรถมาส่งถึงที่ “
“ ว้า...เสียดายจังนึกว่าเป็นห่วง ตกลงจะไม่ใจอ่อนง่ายๆเหรอ “
“ ใจอ่อนอะไรของนาย “
“ ก็ใจอ่อนยอมให้จีบไง “ เขาเอ่ยพร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มให้เธอ
“ เฮ้ยยย... “ น้ำหวานถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อกี้เธอยังนึกชมเขาอยู่ในใจเรื่องการขับรถอยู่เลย มาตอนนี้จะกวนอารมณ์เธออีกแล้ว
“ ไปล่ะ...คืนนี้อย่าลืมฝันถึงชั้นบ้างล่ะ “
ปึก...เสียงปิดประตูรถพร้อมกับร่างสูงที่เดินไปท้ายรถเพื่อหยิบกระเป๋าของตัวเอง หลังจากได้สิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็เดินไปทางด้านหลังที่มีรถอีกคันจอดรออยู่ น้ำหวานขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยแต่สักพักเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รถคันนี้ขับตามเธอมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว
น้ำหวานเปิดประตูลงจากรถเดินไปกดออดหน้าบ้าน สองขาเรียวหมุนตัวกลับมาที่รถของเธอเมื่อประตูบานใหญ่เปิดออก หญิงสาวจึงขับรถเข้าบ้านไป
อาทิตย์ต่อมา
“ หวานๆ ฮือๆ คุณพ่อ ฮึก ฮือ “ เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังมาจากปลายสาย
“ เดี๋ยวๆ ยัยดา แกร้องไห้แบบนี้ชั้นจะรู้เรื่องมั้ย “
“ อึก ...คุณพ่อ คุณพ่อเป็นอะไรไม่รู้ ฮือๆ ยึดโทรศัพท์ของชั้น ไม่ยอมให้ชั้นเจอใครยกเว้นแกกับใบเตยอ่ะ “
“ คุณลุง... แล้วมันเกิดอะไรขึ้น หยุดๆ แกหยุดร้องไห้ ตั้งสติแล้วเล่าใหม่ซิ “
ไม่นาน...เมื่อตั้งสติได้ลดาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้น้ำหวานฟังตั้งแต่ที่พ่อของเธอเจอกับปลาวาฬและพ่อของเขาที่ห้างเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา หญิงสาวบอกให้เพื่อนใจเย็นๆ ปกติคุณพ่อของลดาท่านเป็นคนมีเหตุผล ใจเย็น เรื่องที่เกิดขึ้นมันอาจมากกว่าพวกตนคิดก็เป็นได้ เมื่อคุยกันอยู่สักพักลดาก็จำต้องวางสายเพราะคุณแม่ประภาศิริเข้ามาในห้องที่เพื่อนของเธอกำลังนอนร้องไห้อยู่
“ โธ่ยัยดา พอจะเจอความรักดีๆก็ต้องมีอุปสรรคอีกล่ะ การมีคนรักนี่สรุปมันสุขรึทุกข์กันแน่วะ “ น้ำหวานพึมพำกับตัวเอง เธอไม่เคยคิดที่จะมีคนรักเพราะความรักสำหรับเธอมันเหมือนจะมีแต่ความทุกข์ซะมากกว่า ตั้งแต่พี่สาวของเธอล่ะ......
หลังจากวางสายจากเพื่อนรัก น้ำหวานก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อลงไปรับประทานอาหารค่ำกับครอบครัว ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาแม้จะไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยเพราะอยู่ในช่วงของการปิดภาคเรียนแต่หญิงสาวก็ต้องตื่นเช้าเพื่อไปดูแลธุรกิจร้านเพชรซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวคุณแม่
“ ร้านเพชรน้ำหนึ่ง “ เป็นร้านเพชรที่จัดว่ามีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพและการออกแบบที่ทันสมัย หากจะพูดถึงเพชรหลายคนอาจมองว่าจะมีเฉพาะคุณหญิงคุณนายซึ่งอยู่ในช่วงวัยกลางคนแล้วมาใช้บริการ แต่เมื่อหญิงสาวได้เข้ามาช่วยดูแลบริหารเธอก็เห็นว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อก็เป็นฐานลูกค้าที่น่าสนใจ น้ำหวานจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบเพชรสำหรับคนวัยหนุ่มสาว
เมื่อคืนหลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว น้ำหวานก็โทรศัพท์กลับไปหาลดาอีกครั้งและก็เป็นจริงอย่างที่เพื่อนสาวของเธอได้บอกไว้ ว่าห้ามลดารับหรือโทรหาใครยกเว้นเธอและใบเตย เพราะคราวนี้ที่เธอโทรหาเพื่อนสาว คนที่กดรับโทรศัพท์ของลดากลับเป็นคุณพ่อของเธอแทน
“ แกเป็นยังไงบ้าง “ น้ำหวานเอ่ยถามเพื่อนรัก
“ ชั้นสงสารวาฬอ่ะแก นี่นั่งอยู่หน้าบ้านตั้งแต่หัวค่ำแล้ว “
“ จากที่ฟังแกเล่าคุณลุงคงจะคับแค้นใจคุณพ่อของปลาวาฬมากอ่ะนะ คงต้องให้เวลาท่านหน่อย “
“ คุณแม่ก็บอกอย่างงั้นแหละ “ เสียงจากปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ แกก็ใจเย็นๆ อย่าพึ่งฟูมฟาย เดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่ “
“ อื้อ...แต่ชั้นกลัวใจปลาวาฬอ่ะ ไม่รู้ว่าวาฬจะทนมั้ย วาฬจะสู้ไปกับชั้นรึเปล่า “
“ ก็นี่ไง...เรื่องนี้แหละที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของพวกแกอ่ะ “ แม้จะไม่เคยมีความรักแต่หญิงสาวก็เชื่อว่าหากคนสองคนจับมือกันฟันฝ่าอุปสรรคจนผ่านพ้นไปได้ ความรักของพวกเขาก็จะมั่นคงและยั่งยืน
“ โอเค..ชั้นไม่กวนแกแล้ว ไปนอนเถอะ “ เสียงลดาเอ่ยขึ้นอย่างเอื่อยๆ
“ อึ้ม..แกก็อย่าคิดมาก เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้น เชื่อชั้น...พรุ่งนี้บ่ายๆจะเข้าไปหา “
“ อึ้ม “
น้ำหวานวางสายจากเพื่อนรักที่กำลังทุกข์หนัก เธอเองก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไงดีเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปัญหาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แม้ลดากับปลาวาฬจะรักกันมากเพียงใดก็คงอาจจะต้องตัดใจหากคุณพ่อของลดาให้เธอเลือกระหว่างครอบครัวและคนรัก
“ เธอรู้ดีว่าหากถึงวันนั้นจริงๆ ลดาเองก็คงต้องเลือกครอบบครัวอย่างแน่นอน “
วันต่อมา
“ พี่พราว...ช่างเค้าส่งแบบมาให้หวานรึยังคะ ? “ ร่างบางที่กำลังง่วนอยู่กับการดูรูปภาพต่างๆบนโต๊ะเอ่ยถามคนที่พึ่งเดินเข้ามาด้านในห้อง
“ ยังเลยค่ะ ทางโน้นขอเลื่อนเป็นช่วงบ่ายนะคะ บอกติดปัญหานิดหน่อย “
“ หือ..ปกติไม่เคยพลาดนี่ “ หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจออกมา เธออุตส่าห์รีบเคลียร์งานในช่วงเช้าเพื่อที่ช่วงบ่ายจะได้ไปกินข้าวกับลดาที่บริษัทของเธอ แต่พองานชิ้นสุดท้ายที่รออยู่เสร็จไม่ทัน เธอจึงต้องโทรหาลดาเพื่อนเลื่อนเวลานัดเจอกันออกไป
“ เอ่อ... คุณน้ำหวานจะให้พี่โทรแคนเซิลทางโน้นให้มั้ยคะ “
“ ไม่ๆ ค่ะ ทำงานด้วยกันมานานและนี่ก็เป็นครั้งแรกนี่คะที่เค้าขอเลื่อนเรา ไม่เป็นไรหรอกค่ะหวานรอได้ “ หญิงสาวว่าพร้อมกับรวบเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะเก็บเข้าในแฟ้มตามเดิม
“ เดี๋ยวหวานไปหาอะไรกินก่อนเมื่อเช้ารีบออกมาเลยยังไม่กินข้าวเช้าเลย ตอนแรกกะจะไปกินกับยัยดาทีเดียวเลย แต่คงไม่ไหวแล้ว...หิว “ ใบหน้าหวานเอ่ยกับคนตรงหน้าพลางเอามือขึ้นลูบท้องไปพลาง
“ อ้าว..ยังงี้ถ้าคุณท่านรู้มีหวังโดนเอ็ดนะคะ “ พนักงานสาวเอ่ย
“ อย่าให้รู้เด็ดขาดเลยค่ะ ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวรีบกลับมา “ พูดจบหญิงสาวก็เดินออกจากห้องทำงานที่อยู่ภายในร้านเพชร
สองขาเรียวก้าวเดินไปยังร้านประจำที่เธอมักจะมาเสมอๆ “ ก๋วยเตี๋ยวเรือโบราณ “ อาหารจานโปรดของเธอ เมื่อเดินมานั่งยังโต๊ะประจำพนักงานร้านที่คุ้นเคยกันก็ยกน้ำเก๊กฮวยมาวางเสิร์ฟที่โต๊ะให้เธอทันทีอย่างคนรู้ใจ
“ ขอบคุณค่ะ...รู้ใจจริงๆ “
“ ไม่รู้ใจได้ไงล่ะครับ เล่นมากินทุกวันแบบนี้ “ เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“ พี่ทัชก็รู้...ว่านี่หน่ะ ของโปรดหวานเลยนะ “
“ รู้ครับว่าของโปรด งั้นรอแป็บนึงเดี๋ยวพี่ไปยกมาให้ “ ทัชผู้จัดการร้านหนุ่มเดินกลับเข้าไปยังด้านหลังของร้าน สักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับ ถาดชามก๋วยเตี๋ยวเรือเส้นเล็ก 5 ชาม
“ ว้าว...ขอบคุณค่ะ แต่วันนี้หิวมาก พี่ทัชเตรียมเอามาอีก 5 ชามได้เลย “ หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับยิ้มตาหยีให้เขา
อีกด้าน
ภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังคุยกันในร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังทำให้สองขาที่กำลังรีบก้าวเดินต้องหยุดชะงักยืนมอง หญิงสาวที่ทำให้เขานึกถึงแต่ใบหน้าของเธอ หลังจากที่ไปส่งเธอที่บ้านวันนั้น เขาก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับเธออีกเลยเพราะวันถัดมาชายหนุ่มก็ถูกสั่งให้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อดูสินค้าตัวใหม่ที่กำลังจะนำเข้ามาจำหน่าย พอเดินทางกลับมาถึงก็กะจะพักสักวันแต่ก็บังเอิญต้องมาพบลูกค้าแทนคุณพ่อของเขาในช่วงเช้า
“ พรหมลิขิตชัดๆ กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย “ ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง ขณะที่สองขายาวก็ก้าวเดินไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจเรียกร้อง
พรึ่บ....ร่างสูงเดินแทรกตัวเบียดชายหนุ่มที่กำลังยืนคุยกับน้ำหวานอยู่เข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ
“ สั่งมารอชั้นเลยเหรอ ว้าว..เส้นเล็ก..รู้ใจจริงๆ คุณพนักงานครับขอน้ำแบบของเธอ นี่แก้วนึงครับ “ ไม่รอให้มีใครเอ่ยอะไร ชายหนุ่มผู้มาทีหลังก็จัดแจงหยิบตะเกียบและช้อนที่อยู่ในกล่องบนโต๊ะพร้อมทั้งเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวมาวางด้านหน้าของตัวเอง
“ นี่นาย...เสียมารยาทจริงๆ ใครเค้าเชิญนั่งด้วยมิทราบ “ หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยขึ้น
“ เอ่อ..คุณครับ... “ ยังไม่ทันที่น้ำหวานกับผู้จัดการหนุ่มจะได้พูดอะไร เสียงโทรศัพท์ของคนมาใหม่ก็ดังขึ้น
“ อึ้ม..พวกมึงอยู่ไหนกันแล้ว “ หญิงสาวจ้องมองใบหน้าคม เธอเงียบฟังประโยคต่อไปของคนตรงหน้า เธอรู้ว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนคนใดคนหนึ่งในกลุ่มซึ่งเธอเองก็อยากรู้ความเป็นไปของเพื่อนของเขาเหมือนกัน
“ พี่ทัชไปทำงานต่อเถอะค่ะ “
“ เอ่อ..แล้ว ? “ ผู้จัดการหนุ่มหันไปทางอีกคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพื่อนหวานเอง “
“ ครับ ถ้ามีอะไรเรียกพี่ได้เลยนะครับ “ พูดจบผู้จัดการหนุ่มก็เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าของร้าน กระนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องมายังหญิงสาวที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่
“ อึ้ม...พวกมึงเข้าไปก่อนเดี๋ยวกูตามไป “ พูดจบหมอกก็กดวางสายจากกวิน เขาหันมาสบตากับหญิงสาวตรงหน้าที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบ
“ ลดาเป็นยังไงบ้าง ? “ เป็นชายหนุ่มเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อน
“ ร้องไห้ทุกวัน ข้าวปลาไม่ยอมกิน “
“ อึ้ม...นี่ไอ้วาฬก็ไปนั่งอยู่หน้าบ้านของลดาทุกวัน หวังว่าอย่างน้อยจะได้เจอหน้าบ้าง “
“ งานนี้คงยากอยู่ คุณลุงยึดโทรศัพท์ไม่ให้ลดาติดต่อใครยกเว้นชั้นกับใบเตยเท่านั้น “
“ ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ ? “ เสียงทุ้มเอ่ยถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
.......นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาและเธอคุยกันดีๆไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งแต่อย่างใด........