บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง
บทที่ 5 พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง
คืนที่เงียบสงัดหลังจากที่เจียงหย่าเสวี่ยฟื้นขึ้นมา ในคืนที่ลมหนาวพัดผ่านทุ่งหญ้าอย่างแผ่วเบา ดวงจันทร์ส่องแสงสลัวลงมายังค่ายพัก ร่างของเจียงหย่าเสวี่ยนั่งอยู่ในรถม้าที่คับแคบ ขณะที่ท่านแม่เจียงซิ่วเหยานั่งข้าง ๆ ด้วยความดีใจสุดขีด นางรีบทำโจ๊กผักอย่างที่ลูกสาวอยากกินมาให้สุดฝีมือ
"เสวี่ยเออร์ กินเยอะ ๆ นะลูก จะได้หายไว ๆ" เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ขณะที่นางยกช้อนโจ๊กมาป้อนลูกสาว
"ท่านแม่ ข้ากินเองได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องลำบากท่านหรอก"
เจียงหย่าเสวี่ยตอบเบา ๆ แต่ก็รับช้อนจากมารดาด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆเจียงซิ่วเหยามองลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย นางยิ้มทั้งน้ำตา
"ข้าอยากป้อนเจ้า ให้ข้ามั่นใจว่าเจ้าปลอดภัยแล้ว ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียเจ้าไป"
หลังจากป้อนโจ๊กเสร็จ เจียงซิ่วเหยาลูบผมลูกสาวและกอดลูกไว้แน่นๆ ราวกับอยากให้ตัวเองมั่นใจว่านางไม่ได้สูญเสียลูกสาวที่รักคนนี้ไปจริง ๆ นางอยากจะมั่นใจว่าลูกยังอยู่ตรงนี้
"ท่านแม่ ข้าปลอดภัยแล้ว ท่านไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ" เจียงหย่าเสวี่ยพูดปลอบเบา ๆ
เจียงซิ่งเหยาเมื่อป้อนโจ๊กผักให้ลูกสาวเสร็จก็ใช้หน้าผากแตะหน้าผากนางอีกครั้งเป็นการวัดดูว่าลูกสาวยังตัวร้อนอยู่หรือไม่ และเมื่อมั่นใจว่าเจียงหย่าเสวี่ยตัวเย็นลงแล้วโล่งใจลูกของนางปลอดภัยไม่เป็นอะไรแล้ว ในตอนที่ป้าจวงต้มยาให้ ทุกคนต่างก็รีบรุมล้อมและไถ่ถามอาการด้วยความเป็นห่วงเมื่อทราบว่าตอนนี้คุณหนูไม่เป็นอะไรแล้วพวกเขาต่างๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะว่าที่ผ่านมานั้นพวกเขาก็ทราบว่าคุณหนูอาการหนักจริงๆ แต่เมื่อได้รับการยืนยันแบบนี้ความกังวลต่างๆ ก็ลดลงทันที
เมื่อให้ลูกสาวกินยาและจัดผ้าห่มให้เรียบร้อย นางก็ค่อยๆ นอนลงข้าง เพราะความเครียดและความอ่อนล้าทำให้เมื่อหัวถึงหมอนเจียงซิ่วเหยาก็หลับสนิททันที
เวลาผ่านไปหลายชั่วยามทุกสิ่งอย่างตอนนี้อยู่ในความเงียบสงบ ทุกคนต่างก็นอนหลับกันหมดแล้ว หลี่หนิงที่นอนหลับไปพักหนึ่งก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างรอนางอยู่ แสงสว่างน้อย ๆ เริ่มปรากฏขึ้นจากมุมของรถม้า หลี่หนิงหันไปมองด้วยความตกใจ ในที่สุดร่างโปร่งใสของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า นางมีใบหน้าที่อ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความเศร้าและความห่วงใย หลี่หนิงจำได้ทันทีว่านั่นคือเจียงหย่าเสวี่ย คนที่เคยอาศัยอยู่ในร่างนี้ก่อนที่วิญญาณของนางจะมาแทนที่
"เจ้าคือ...เจียงหย่าเสวี่ยใช่หรือไม่?" หลี่หนิงถามขึ้นมา นางไม่รู้ว่าวิญญาณที่อยู่ตรงหน้านั้นมาดีหรือร้าย
วิญญาณเจียงหย่าเสวี่ยพยักหน้าช้า ๆ นางยิ้มให้หลี่หนิงอย่างอบอุ่น แม้ในแววตาจะเต็มไปด้วยความเศร้า
"ใช่ ข้าคือเจียงหย่าเสวี่ย...หรือเคยเป็นเจียงหย่าเสวี่ยมาก่อน ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว แต่ก่อนที่ข้าจะไปข้ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะขอร้องพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ"
น้ำเสียงแสนเศร้าของนางและสายตาก็มองไปที่ท่านแม่และน้องชายที่หลับสนิทอยู่หลี่หนิงรู้สึกได้ถึงความเศร้าของนาง จึงได้เอ่ยถามว่านางต้องการให้นางทำอะไร
"เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรหรือ? ข้าไม่รู้ว่าข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ ข้าจะพยายามให้เต็มที่ เพราะถึงอย่างไรร่างนี้ก็เป็นร่างของเจ้าที่ข้ามาสิงสู่"
เจียงหย่าเสวี่ยถอนหายใจเบา ๆ นางมองหลี่หนิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
"ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ตั้งใจที่จะมาอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้ท่านได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวข้าแล้ว ข้าอยากขอร้องให้ท่านช่วยดูแลท่านแม่และน้องชายของข้า พวกเขาต้องการใครสักคนที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องพวกเขา ข้าเชื่อว่าท่านมีพลังที่จะทำเช่นนั้นได้เจ้าค่ะ"
หลี่หนิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแม้ว่าสิ่งนี่จะเป็นสิ่งที่นางตั้งใจจะทำอยู่แล้วและแววตาของเจียงหย่าเสวี่ยที่เต็มไปด้วยความหวังนั้นทำให้นางไม่คิดจะปฏิเสธได้ "ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า ข้าจะดูแลครอบครัวของเจ้าให้ดีที่สุด ข้าสัญญา และข้าขอบคุณเจ้าสำหรับร่างนี้ด้วยข้าจะดูแลร่างของเจ้าให้ดีเช่นกัน ร่างนี้จะปฎิบัติแต่สิ่งที่ดีเพื่อเป็นบุญกุศลให้เจ้าด้วย"
เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มอย่างอบอุ่น น้ำตาเอ่อล้นในดวงตานางพยักหน้า ก่อนที่นางจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ขอบคุณ...ขอบคุณท่านมาก ท่านหลี่หนิงข้าเชื่อว่าท่านจะทำได้ นี่ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว”
นางยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัวและร่างเริ่มจะเลือนราง เสียงของเจียงหย่าเสวี่ยแผ่วเบาราวกับลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้า
"ของสิ่งนั้น...มันกำลังจะตามมา มันจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกท่าน และอาจทำให้ท่านสมปรารถนาในสิ่งที่ท่านต้องการ จงใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด."
ดวงตาของเจียงหย่าเสวี่ยจับจ้องมาที่หลี่หนิงเหมือนต้องการจะย้ำเตือ
"มันกำลังตามนายของมัน...ผู้ที่ได้ทำพันธสัญญาไว้แล้วมันกำลังกลับมา...จงเตรียมตัวให้พร้อม"
หลี่หนิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "ของสิ่งนั้น? มันคืออะไร? แล้วข้าต้องทำอย่างไร? ข้าไม่เข้าใจ..."
แต่ก่อนที่นางจะได้รับคำตอบ เจียงหย่าเสวี่ยกลับค่อย ๆ จางหายไป ร่างโปร่งใสนั้นกลายเป็นแสงเล็ก ๆ แล้วลอยหายไปในความมืด ความเงียบงันกลับมาปกคลุมอีกครั้ง หลี่หนิงนั่งนิ่งอยู่อย่างสับสน นางไม่เข้าใจสิ่งที่เจียงหย่าเสวี่ยบอก แต่ความรู้สึกในใจของนางกลับบอกว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นเอง แสงสว่างแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมของรถม้า หลี่หนิงหันไปมองและเห็นวัตถุชิ้นหนึ่งกำลังส่องแสงออกมา มันเป็นพู่กันโบราณด้านนั้น ที่นางได้มาเป็นของขวัญจากลูกศิษย์ก่อนที่ขนของพู่กันที่ดูเหมือนจะนุ่มนวลนั้นกลับมีความแข็งประหนึ่งเข็มที่ทิ่มเข้ามาในนิ้วจนทำให้เลือดของนางไหลออกมา และที่นางจำได้นั้นดูเหมือนว่าพู่กันด้านนี้จะดูดซับเลือดของนางอย่างรวดเร็วด้วย
หลี่หนิงเอื้อมมือไปหยิบพู่กันนั้นขึ้นมา ทันทีที่นิ้วสัมผัสกับด้ามพู่กัน นางรู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนผ่านร่างกายของนาง มันไม่ใช่เพียงแค่พู่กันธรรมดา แต่มันมีพลังบางอย่างที่ทำให้นางรู้สึกถึงการเชื่อมโยงกับอดีตและอนาคต ราวกับว่าวัตถุชิ้นนี้มีจิตวิญญาณของตนเอง นางรู้สึกถึงภาพบางอย่างที่ไหลเวียนเข้ามาในจิตใจ เป็นภาพของการต่อสู้ ภาพของความมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามา และภาพของครอบครัวเจียงที่กำลังเผชิญกับอันตราย
"นี่คือสิ่งที่เจียงหย่าเสวี่ยพูดถึงหรือ?"
หลี่หนิงพึมพำกับตัวเอง นางรู้สึกถึงความกังวลและความกลัวในใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้น นางรู้ว่าตนเองไม่สามารถหันหลังให้กับความรับผิดชอบนี้ได้ นางต้องปกป้องครอบครัวนี้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร
เสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นในหัวของหลี่หนิง มันเป็นเสียงของเจียงหย่าเสวี่ย
"พู่กันนี้จะช่วยท่าน มันมีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งให้เป็นไปตามที่ท่านรังสรร ท่านต้องเรียนรู้วิธีใช้มัน...และต้องใช้มันด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์"
หลี่หนิงมองไปที่พู่กันในมือและใช้อีกมือลูบมันเบา ทันใดนั้นเองพู่กันก็เหมือนกับมีชีวิตมันลอยติดตามมือของนางเหมือนกับอยากจะหลอกล้อกับเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น และทันใดนั้นในหัวก็นางก็ปรากฎเสียงดังขึ้นมา..
“เจ้านาย ข้าหาท่านเจอแล้ว.” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น
หลี่หนิงนิ่งงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะทำให้ตัวเองย่อมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นพลางเอ่ยถามว่า
" เจ้าคือใคร "
“ชิงหลง!!!…คือชื่อของข้าหรือหากเป็นชื่อจริงของข้าก็คือ..”
น้ำเสียงที่ดังในหัวของนาง ทำให้นางเหมือนกับเห็นภาพว่าสิ่งที่กำลังพูดนั้นกำลังเชิดหน้าขึ้นและพูดด้วยท่าทางโอ้อวดว่า…
" พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลง"
“พู่กันลิขิตสวรรค์ ชิงหลงอย่างนั้นหรือ!!”
นางเอ่ยเบาๆ พลางใช้มือลูบไปที่ด้านที่ดูเหมือนจะมีชื่อเล็กๆ สลักอยู่ นางกำลังจะเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้เกี่ยวกับชิงหลงแต่ทว่าท่านแม่ที่หลับอยู่พลิกตัวและคว้ามาที่ร่างของนางเหมือนเป็นการทำให้มั่นใจว่านางยังนอนอยู่ข้างๆ หลี่หนิงจึงได้เงียบและนอนนิ่ง นางถอนหายใจเบา ๆ นางเก็บพู่กันไว้ในเสื้อของนางและตัดสินใจว่าพรุ่งนี้นางจะต้องเริ่มค้นหาคำตอบ นางค่อยๆ เอื่อมมือไปคว้ามือของท่านแม่เพื่อทำให้ท่านแม่อุ่นใจว่านางไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เมื่อเจียงซิ่วเหยาสัมผัสมือของลูกสาวได้แล้วนางค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเบาๆ และหลับสนิทไปอีกครั้ง หลี่หนิงหลับตาลง นางรู้ว่าหนทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยความท้าทายและอันตราย แต่ความหวังและความมุ่งมั่นที่นางมีจะทำให้นางสามารถเผชิญกับทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึงได้ นางไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไป นางมีครอบครัวที่ต้องปกป้อง และนางจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพวกเขาได้อีกต่อไป
****ผู้ช่วยตามมาแล้ว ****