ตอนที่ 26 ร้ายก็รัก
EP 26
"เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน กูคิดว่ามึงเป็นคนที่เข้าใจกูที่สุด แต่มาวันนี้กูพึ่งรู้ว่ากูคิดผิด..." ยูริออกแรงผลักเวหาสุดแรง แล้วพาร่างตัวเองเดินถอยห่างออกมา..
"เดี๋ยว.." เวหาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก
"ถ้ายังอยากให้มิตรภาพเราเหมือนเดิม เลิกทำตัวแบบนี้ซักที ครั้งนี้ให้มันเป็นครั้งสุดท้าย.." แววตาจริงจังมองไปที่เพื่อนชาย ตัวเธอสั่นเทาไปด้วยความโกรธ ก่อนจะออกแรงสะบัดมือออกอีกรอบแล้ววิ่งออกมาจากหลังตึก..
เวหามองตามแผ่นหลังบางไปห่างๆ ภายในใจรู้สึกวาบวิวกับคำพูดของเธอ ชายหนุ่มหลับตาทบทวนกับตัวเองเพียงลำพัง..
@คณะแพทศาสตร์
หลังจากจบคลาสเรียนรอบพักเที่ยง พิมเสนก็พาตัวเองมายังบอร์ดหน้าตึก เพื่อดูผลคะแนนสอบล่าสุด เธอเบียดนักศึกษาทุกคนเพื่อเข้าไปดูคะแนน สายตาไล่มองจากรายชื่อตํ่าสุดขึ้นไปบนสุด..
และชื่อของเธอก็ติดอยู่อันดับหนึ่ง ด้วยคะแนนเกือบเต็ม..
เธอฉีกยิ้มบางๆออกมาด้วยความภาคภูมิใจ และหันไปคุยกับเพื่อนสาวที่ปกติคะแนนของพวกเธอจะสูสีกัน..
"เดียร์กะ..." เสียงหวานขาดห้วง เมื่อหันไปก็ไม่พบเพื่อนสนิทเหมือนเคย
ร่างกายเหนื่อยล้าค่อยๆถอยออกมา และเดินไร้ชีวิตชีวาไปที่โรงอาหารของคณะเพราะมันเป็นสถานที่ที่กับข้าวถูกกว่าข้างนอกและที่อื่น..
"เหมือนเดิมค่ะป้า"
"จ้าหนูพิม" ป้าเจ้าของร้านข้าวประจำฉีกยิ้มให้เธอ แล้วหันไปตักข้าวราดแกงให้
"ได้แล้วจ้ะ"
"ขอบคุณค่า" พิมเสนฝืนฉีกยิ้มพร้อมยื่นธนบัตรให้หล่อน
เมื่อได้อาหารเธอก็เดินมานั่งกินตามลำพัง..
Line!!! แต่จู่ๆเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นชื่อดังก็แทรกเข้ามา มือบางล้วงมันขึ้นมาเพื่อกดดู
'Kin ได้เชิญคุณเข้าร่วมแชทกลุ่ม' พิมเสนเพียงปรายตามองเพียงแวบเดียวแล้วกดปิดหน้าจอ เธอไม่สนใจมันและหันมาสนใจข้าวกระเพราในจานต่อแต่..
หมับ! ในขณะที่เธอกำลังหยิบช้อนขึ้นตักข้าว ก็มีมือของใครบางคนแย่งเธอไปต่อหน้าต่อตา..พิมเสนเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ
"เฮ้อ.." เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่พึ่งจะเคยมีเรื่อง
"โถ่ เพื่อนไม่คบหรอถึงได้มานั้งคนเดียว" แพมที่มากับเพื่อนอีกสองคนยืนถือจานข้าว ใบหน้าชวนหาเรื่อง
"เท่าที่ฉันรู้มันไม่ใช่เรื่องของเธอ.." พิมเสนเอ่ยตอบ เธอปัดกระโปรงนักศึกษาออกลวกๆอย่างนึกรำคาน แล้วหยัดกายลุกขึ้นยืนประจันหน้า
"ปากดี"
"ขอบคุณที่ชม.." มือบางยกขึ้นกอดอก เมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าพระราม เธอก็ไม่จำเป็นต้องยอม "แต่ก็ยังดีกว่าพวกปากไม่ดี แล้วยังชอบทำตัวเป็นอันธพาลอีกนะ.."
"อีพิม"
"อะไรอีแพม.."
"กรี๊ดดดดดด..!" แพมกรีดร้องเสียงแปดหลอด ส่งผลให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองเหตุการณ์ เธอเตรียมง้างจานเข้าสาดใส่หน้าพิมเสน แต่กลับโดนมือบางคว้าที่ข้อมือเอาไว้ก่อน.
หมับ !
"เอาสิ เธอสาดใส่ฉันทุกคนคงรู้สันดานเธอ อย่าลืมนะว่านี้มันคณะของฉันไม่ใช่ถิ่นของเธอ ใครๆเขาก็มองออกว่าใครจงใจมาหาเรื่องใคร.." พิมเสนพูดกระซิบข่มขู่เธอเบาๆ แล้วปล่อยข้อมือแพมเป็นอิสระ
"จิ๊.." หล่อนเหลืออด มือสั่นเทาคันไม้คันมืออยากสาดใส่หน้าพิมเสน แต่ก็ต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเอาไว้
"แพมกูว่าเรากลับก่อนเถอะ คนยกโทรศัพท์ถ่ายคลิปกันหมดล่ะ" เพื่อนสาวอีกคนเตือนสติแพม
"เออมึง เดี๋ยววันหลังกูพามาแก้มือไหม่"
"เออ!" แพมกระแทกเสียงตอบ เธอกะว่าจะมารังควานพิมเสนให้เลิกยุ้งกับพระราม เพราะไม่เชื่อในความสัมพันธ์ของทั้งสองแต่กลับโดนพิมเสนเล่นเอาซะงั้น หล่อนได้แต่เก็บความแค้นเอาไว้ภายในใจ
"ขอจานข้าวฉันคืนด้วย แล้วกรุณาวางไว้ที่เดิม" พิมเสนกอดอกสั่ง
"มึงเจอกูแน่อีพิม.."
"...." พิมเสนส่ายหน้าเอือมระอา เธอแสยะยิ้มออกมาเบาๆแล้วตอบกลับไป "ฉันก็ไม่ได้อยากสร้างศัตรูกับใครหรอกนะ ยกเว้นกับคนที่ร้ายมา ฉันก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องยอมเสมอไป.."
"ปากเก่งแบบนี้ให้ได้ตลอด.." แพมทิ้งท้ายไว้แค่นั้น เธอก็เดินนำเพื่อนถอยห่างออกเธอไปด้วยอารมณ์ที่กำลังไม่มงบ
เมื่อลับร่างพวกเห็บเห่า มือบางก็ยกขึ้นลูบหน้าลวกๆ ในแต่ละวันก็มีเเต่เรื่องให้ชวนปวดหัว พิมเสนรีบกินข้าวและกลับไปยังห้องเรียนดังเดิม จนเวลาล่วงเลยมาถึงหัวคํ่า
"เลิกคลาสแล้วก็เตรียมตัวไปซ้อมบอลไอ้พวกควายทั้งหลาย..." เคพูดขึ้นเมื่อได้เป็นอิสระจากการเรียนมาทั้งวัน
"เจอกันที่สนามพวก.." เพื่อนในห้องอีกคนพูด พร้อมกับส่งซิกให้กัน
"ได้ครัชชช" เคตอบกลับ "ป่ะพวกมึง" แล้วร่างหนาก็เดินไปค้องคอพระรามและเวหาเดินออกมาจากห้อง เมื่อเดินมาถึงล็อคเกอร์ทุกคนก็แยกย้ายมาเอาชุด พระรามเดินมาที่ช่องของตัวเองและไขกุญแจเปิดออก...
มือหนาหยิบกระเป๋าเป้ออกมา แล้วไขอีกช่องที่อยู่ข้างๆกันเพื่อเช็คดูภายในซึ้งเป็นอันเก่าที่เคยใช้แต่ปัจจุบันกลับไม่เคยใช้มันเลยซักครั้ง
"เสร็จยังว่ะ" เวหาที่ได้ของครบแล้วเดินมาหา
"ไปก่อนเลย"
"เจอกัน.." มือหนาตบไหล่เพื่อนเบาๆแล้วเดินออกไปพร้อมคนอื่นๆที่ยทยอยกันออกไปจนข้างในเหลือเพียงชายหนุ่มที่ยืนคิ้วขมวดกับสิ่งที่เห็นมันเป็นกล่องสีดำๆบางอย่างอยู่ในนั้น
พระรามยื่นมือหยิบกล่องนั้นออกมา แล้วพยายามเปิดออก แต่กลับทำกล่องหล่นจนกระดาษสีดำหลายๆแผ่นและของอะไรบางอย่างมากมายตกล่วงล้นลงพื้น..
ตุบ !
"เชี้ย..!?" ร่างหนาคุกเข่าลง และหยิบกระดาษที่มีข้อความเขียนอยู่ในแต่ละแผ่นเป็นตัวหนังสือสีแดงขึ้นมาอ่านไปทีละใบๆ
'อยากจะกลืนกินเจ้าทั้งตัวทูลหัว ไม่เหลือให้ใครเห็น..'
'เลือดในกาย จะหอมหวานเพียงใด ?'
'ลิ้มลองซักครั้ง คงจะติดใจ :) เหตุฉะไหนถึงไม่ได้ใจเจ้ามาครอง'
'อยากลูบไล้ตรงนั้น ซักครั้งคงเป็นบุญมือ :)'
เมื่อกวาดสายตาอ่านข้อความนั้นจบ กลับทำให้ร่างกายลุกซู่ ถึงจะเป็นข้อความของการคลั่งไคล้ไคล้ใครซักคน แต่ศัพท์ สำนวนแปลกๆ ที่ติดมาด้วย ทำให้พระรามคิดว่าคนที่ปกติเขาไม่เขียนแบบนี้แน่นอน...
หรือมีใครแกล้ง..?
แต่ตุ๊กตาผู้ชายตัวเล็กๆที่เปื้อนด้วยคราบเลือด มานาน ที่มีเชือกผูกพันรอบตัวอยู่ก็ทำให้พระรามนึกสยองขึ้นมาไม่น้อย
ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเอากล่องดำไปเก็บไว้ที่เดิมแล้วล็อคไว้ ร่างหนาพาตัวเองเดินมายังสนามแข่งในชุดเตรียมซ้อมเรียบร้อย แต่สายตาก็ดันพบเข้ากับร่างของพิมเสนที่เดินหิ้วถุงอะไรบางอย่างมาจากตู้ล็อคเกอร์อีกฝั้งที่มีเพียงเธอคนเดียว..
เรียวคิ้วขมวดยุ้งว่าเธอมาทำอะไรที่นี้ แต่สมองก็สลัดความคิดออกไป แล้วเดินตามเธอที่พึ่งเดินผ่านสนามไป
"อ้าว นั้นมันพิมเสนนิ มาจากห้องยิม"
"....."
"มึงเป็นอะไรว่ะไอ้ราม ทำไมไม่เรียกพิมเสนมานั้งด้วย" คินกอดอกมองเพื่อนด้วยความสงสัย
"...ยัยนั้นคงมีธุระต่อ" ชายหนุ่มเลือกที่จะโกหก เพราะเรื่องเมื่อคืนทำให้เขาไม่กล้าเป็นฝ่ายทักเธอก่อน กลับดีซะอีกแบบนี้พิมเสนจะได้เกลียดเขาและเลิกรักไป
"พิมมานั้งด้วยกันสิ..ทางนี้ๆ" แต่เคที่พึ่งเห็นพิมเสนเดินกลับมาอีกรอบ กลับควักมือเรียกเธอ
ใบหน้าหวานหันมามองตามต้นเสียง ก็พบเข้ากับทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตายกเว้นยูริ พิมเสนฉีกยิ้มบางๆให้ทุกคนและมาหยุดที่ใบหน้าของพระราม มีแวบหนึ่งที่เธอเกือบจะหุบยิ้ม แต่ภายในใจมันก็สั่งให้เธอหุบไม่ได้ถึงข้างในจะยังน้อยใจอยู่บ้าง..
แต่ถ้าเธอเป็นฝ่ายโกรธ มีหรอพระรามจะง้อ ชายหนุ่มยิ่งได้ใจ เพราฉะนั้นเธอต้องยิ้มสู้เข้าไว้ ซักวันพระรามต้องเห็นในความพยายามของเธอบ้างซักนิดและยอมใจอ่อน...
"แล้วนี้มาซ้อมบอลกัน จะแข่งกันวันไหนอ่ะ"
"เดือนหน้า" เวหาเป็นคนตอบแทน
"...." พระรามนิ่งเงียบ ท่าทางเฉยชา มือหนายังคงสารวลวุ่นวายกับการผูกเชือกรองเท้า
"ใครใช้ให้นายผูกแบบนี้.." ร่างเล็กย่อลงตรงหน้าพระราม เธอค่อยๆจับมือหนาออก
"ทำอะไร?"
"ผูกเชือกรองเท้าให้นายไง.."
"ไม่ต้อง"
"อยู่นิ่งๆ" มือบางค่อยๆบรรจงทักเชือกรองเท้าให้พระราม ที่ชายหนุ่มผูกไม่ได้เพราะไม่มีสมาธิต่างหากล่ะ สมองมันโฟกัสแค่เสียงเธอ "เสร็จแล้ว.." พิมเสนเงยหน้าขึ้นและฉีกยิ้มให้ จนพระรามต้องรีบเบือนหน้าหนี ชายหนุ่มกลัวตัวเองเผลอยิ้มตามกับรอยยิ้มเธอ
หมับ ! แต่จู่ๆมือหนาก็จับข้อมือเล็กและดึงร่างเธอลุกขึ้น
พระรามพาพิมเสนมาที่หลังแสตนอีกฝั้ง ไร้ซึ่งผู้คนเพ่นพ่าน
"เป็นบ้าไปแล้วรึไง..?"
"นายพูดเรื่องอะไร.." พิมเสนชักสีหน้างุนงง
"เรื่องเมื่อคืนเธอควรโกรธฉันไม่ใช่หรอ แต่ไหงกลับยิ้มแป้นแบบนี้?" ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด เขารู้ความจริงทุกอย่างดีกับเรื่องเมื่อคืน แต่แค่อยากทำให้พิมเสนเสียใจและยอมถอย แต่กลับไม่เป็นผล
"ฉันโกรธนายไม่ลงหรอก ร้ายแค่ไหนก็จะรัก.."
"เธอนี้มัน.."
"คนที่ฉันโกรธคือยัยแพมคนที่คิดจะแย่งนายไปจากฉันต่างหาก และฉันก็ไม่มีวันยอมด้วย" พิมเสนเดินเข้าไปชิดร่างหนา มือบางจับเข้าที่แก้มสาก
"ต่อให้ฉันจะมั่ว จะเลวแค่ไหนก็ตาม เธอยังยืนยันเหมือนเดิมหรอ?"
"ที่ผ่านมานายจะเป็นยังไงฉันไม่สน แต่ปัจจุบันฉันจะทำให้นายหยุดที่ฉันให้ได้ และในอนาคตนายก็ต้องเป็นของฉัน.."
"...." เมื่อได้ยินแบบนั้นจากปากคนตัวเล็ก มุมปากก็กระตุกยิ้มพอใจออกมา ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบเก็บอาการ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
"ฉันคิดว่าคนฉลาดแบบนาย รู้ความจริงอยู่แล้วนะ.." เรียวแขนยกขึ้นกอดคอชายหนุ่มและจ้องหน้าจับผิด
"ความจริงอะไร"
"ก็เรื่องเมื่อคืนว่าจริงๆแล้วใครคือคนผิด.."
"ฉันไม่รู้เรื่อง"
"ฉันเรียนหมอนะ สมองระดับไหนแล้ว ฉันรู้ว่านายก็ทราบความจริง แต่ที่ทำแบบนั้นอยากทำให้ฉันเสียใจใช่ไหม?"
"...." พระรามแปลกใจ กับความคิดของเธอ เหมือนพิมเสนจะพูดออกมาถูกทุกอย่างจนหน้าเหลือเชื่อ "หลงตัวเอง"
"นายพยายามทำให้ฉันเกลียดและเลิกรักใช่ไหม ทำไมอ่ะ นายกลัวอะไร ทำไมถึงกล้าที่จะรักฉันตอบไม่ได้?"
"ฉันไม่ได้กลัว.." พระรามปฏิเสธเสียงเรียบนิ่ง
"ถ้านายไม่ได้กลัว นายก็ให้โอกาสฉันสิ ให้โอกาสให้ฉันพิสูจน์ตัวเองว่าฉันจริงใจกับนายแค่ไหน.." พิมเสนยื่นหน้าเข้าไปไกล้ๆจมูกโด่ง และจ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบคู่นั้น
"อืม.."
.
.
.
ใครบอกว่าเสือกำลังจะสิ้นลาย ไม่มี๊555555555555555
ส่วนปริศนาไหม่น้านนน ค่อยมาลุ้นกันต่อเด้อ...
