ตอนที่ 20 คนนอกสายตา
EP 20
20 : 05 AM.
บรื้นนน บรื้นนน! เสียงลองเครื่องของรถแข่งสองคันที่ลายลอบไปด้วยผู้คนที่มาเข้าชม บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงกรี๊ดและเสียงดนตรีบีทหนักๆเพื่อเพิ่มอรรถรสในการแข่ง
พระรามนั้งมองภาพเบื้องหน้าผ่านกระจกใสของห้อง มือหนาคีบมวลบุหรี่พลางยกสูบบ้างบางเวลา สมองคิดไปตามคำพูดของมือขวาและเลขาคนสนิท
"อืมตามนั้น" เมื่อเห็นด้วยเสียงเรียบนิ่งจึงตอบออกไป
"คุณรามมีอะไรให้จัดการอีกไหมคะ" เคสเอ่ยถาม หญิงสาวร่างสูงสวมแว่นดูเฉลียวฉลาด ท่าทางน่าเกรงขาม
"ไม่ คอยรายงานฉันตลอดก็แล้วกันระหว่างการดำเนินเรื่อง ฉันอาจจะไม่ค่อยมีเวลาซักเท่าไหร่"
"ค่ะ คุณราม" เธอยืนขึ้นพร้อมเอกสารในอ้อมกอด แล้วก้มศรีษะหนึ่งทีก่อนจะเดินออกไปยังประตูห้องตามด้วยการ์ดอีกสองคนที่เดินประกบหลัง ส่งผลให้ภายในห้องเหลือเพียงสองหนุ่ม
"วันนี้คุณธีระมาหานายที่นี้ด้วย.." บอยที่นั้งเงียบมาซักพักเอ่ยขึ้น
"แล้ว?"
"ไม่ถามหน่อยหรอว่าเขามาทำไม" พระรามไม่สนใจ ใบหน้าเบือนไปอีกทาง
"ไม่จำเป็น"
"แต่ฉันอยากบอกนาย"
"...." ไร้สัญญาณตอบกลับใดๆ มีเพียงควันบุหรี่ที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง มือหนาเหยียดพาดตามพนักโซฟา
"คุณธีระฝากบอกฉันว่าจันทร์หน้านายต้องไปงานประมูลที่บริษัทพ่อนายเป็นคนจัดงาน ในฐานะลูกชายคนเล็ก"
"...ลูกชายคนเล็กงั้นหรอ เฮอะ" เขาเค้นหัวเราะออกมา ตั้งแต่คิรันเข้ามาในชีวิตเขาเคยอยู่ในสายตาผู้เป็นพ่อซะที่ไหน..
"ยังไงนายก็เป็นลูกแท้ๆของเขานะ" บอยเอื้อมมือไปตบที่บ่าไหล่เจ้านายและน้องชายในคนคนเดียวกันปลอบใจ
"เขาไม่เคยมองฉันเป็นลูกด้วยซํ้า" พูดจบพระรามก็เกลี่ยบุหรี่ลงถาด แล้วหยัดกายลุกขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง
"แล้วนี้นายจะไปไหน"
"ออกไปดูข้างนอกนิดหน่อย"
"ตามสบายก็แล้วกัน อย่าคิดมาก" บอยเองก็ลุกขึ้นแล้วเดินผ่านหน้าพระรามออกไปข้างนอก เมื่อพ้นแผ่นหลังมือขวาร่างหนาก็เดินแยกไปอีกทาง เพื่อออกไปหาเวหาที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก
"เป็นไงบ้างเรื่องงาน"
"เรื่อยๆ"
"ไม่ทันไรมึงก็จะได้เป็นผู้บริหารแล้วหรอว่ะ"
"อืม"
"เหลือแค่หาแฟนมาอยู่เคียงข้างสินะ"
"กูไม่รีบ" พระรามยืนกอดอกมองการแข่งขันที่ครึกครื้นตรงหน้า ทุกคนที่มาที่นี้ต่างก็ยังไม่รู้ว่าเด็กปีสามอย่างเขาเป็นเจ้าของสนามแข่ง
"มีคนที่เล็งไว้ยัง" เวหาปรายตามองเพื่อน
"...." สิ้นสุดคำถามของเวหา สมองก็พลันไปนึกถึงใบหน้าของใครบางคนแวบเข้ามาในหัว "ยัง.."
"แน่ใจ"
"เออ"
"ระวังหมาคาบไปแดก โดยเฉพาะหมาไกล้ๆตัวมึง" มุมปากกระตุกยิ้ม ส่งผลให้พระรามหันไปมองคนข้างกาย เหมือนเวหาจะหมายถึงใครบางคนนั้นก็คือพิมเสน และหมาไกล้ตัวที่หมายถึงก็คือ คิรัน? ถึงแม้จะสงสัยแต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเงียบ และเพ่งสายตามองดูการแข่งรถต่อไป..
Lien! เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นชื่อดัง ส่งผลให้ร่างเล็กที่นอนหลับใหลบนเตียงงัวเงียคว้าโทรศัพท์ข้างกายขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ
? : ว่างป้าว ไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อย
เรียวคิ้วคู่สวยขมวดยุ้ง เมื่อมีคนส่งข้อความมาหาทั้งๆที่เธอเองก็ไม่รู้จัก พิมเสนกระเด้งตัวลุกขึ้นนั้งบนเตียงแล้วตัดสินใจไม่ตอบ
? : พี่เองคิรัน
? : ไอดีไหม่
Pimsen : ไปร้านไม่แพงมากได้ไหมคะ
Kirun : โอเครครับ
Kirun : เดี๋ยวไปรับที่หอ
Pimsen : เจอกันที่หน้าคอนโด xxx ได้ไหมพอดีพิมแวะมาเอาของที่หอรุ่นพี่นิดหน่อย
Kirun : ได้ครับ
สิ้นบทสนทนาพิมเสนก็ลุกขึ้นจากเตียงนอนเธอจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายและคีการ์ดทุกอย่างเสร็จเรียบสิ้นร่างเล็กก็มายืนรอคิรันอยู่หน้าคอนโด เวลาผ่านไปไม่นานรถคุ้นตาก็มาจอดตรงหน้า มือบางจึงเปิดประตูเข้าไปนั้งในรถ..
"สวัสดีค่ะพี่คิน" มือบางยกมือไหว้รุ่นพี่ด้วยท่าทางเคารพ
"รอนานไหม พอดีพี่พึ่งกลับจากบริษัท" คิรันกวาดสายตามองเรือนร่างบอบบางข้างกาย ก่อนจะฉีกยิ้มออกมาบางๆ ร่างหนาอยู่ในชุดสูททำงาน ส่วนบนถูกถอดเสื้อตัวนอกออก เนคไทถูกคลายไว้หลวมๆ เป็นที่จับตามองของคนที่พบเห็น
"ไม่เท่าไหร่ค่ะ แล้วนึกยังไงถึงชวนพิมละคะไม่กลัว.." ชื่อพระรามที่กำลังจะหลุดจากริมฝีปากเล็ก ถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เพราะคิรันหันมาสบตากับเธอก่อน "เอ่อ พิมหมายถึงไม่กลัวสาวๆในโรงบาลมาเห็นหรอค่ะ ว่ามากับเด็กกระโปโลที่ไหนไม่รู้"
"พี่จำเป็นต้องแคร์คนอื่นด้วยรึไง แคร์แค่คนข้างกายก็พอ" คิรันเอ่ยตอบด้วยท่าทางยิ้มๆมือหนาเอื้อมไปเปิดเพลงคลอเบาๆ ก่อนจะเริ่มเคลื่อนตัวรถขับออกมาเรื่อยๆ จนถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
"พี่คินพาพิมพ์มาที่นี้ทำไมคะ?" พิมเสนเอียงคอถาม
"เดี๋ยวพี่แวะมาเอาของซักหน่อย รอในรถนี้แหละ"
"อ่อ ค่ะ" เธอพยักหน้าหงึกๆ สายตามองตามแผ่นหลังของคิรันจนหายเข้าไปในตัวบ้านที่ยิ่งใหญ่อลังการณ์ราวกับวัง
เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที เสียงแจ้งเตือนไลน์ก็เด้งเข้ามาในโทรศัพท์เธออีกครั้ง..
Kirun : พิม พี่ลืมกุญแจห้องทำงานไว้หน้ารถ ช่วยหยิบมาให้พี่หน่อย
Pimsen : รอสักครู่นะคะ
ตอบข้อความเสร็จสายตาเพ่งมองไปที่หน้ารถก็พบเข้ากับกุญแจห้องทำงานของคิรัน เธอหยิบมันมาและเปิดประตูออกจากรถไม่เอะใจอะไรใดๆ
ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในบ้านก็พบเข้ากับห้องโถงขนาดใหญ่ไร้ซึ่งผู้คน กลิ่นหอมๆชวนหิวลอยโชยพัดมาแตะปลายจมูก เรียวขาคู่สวยเดินตามกลิ่นมาเรื่อยๆก็พบเข้ากับโต๊ะอาหารสุดหรูพร้อมกับทุกคนที่นั้งประจำที่ มีคนรับใช้ยืนรอบโต๊ะเหมือนฉากในละครหลังข่าว..
"นี้ไงครับคุณพ่อ ที่ผมพูดถึงบ่อยๆ" คิรินเปิดบทสนทนาออกมาพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นเดินไปหาพิมเสนที่กำลังยืนงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"สวัสดีค่ะ" มือบางยกไหว้ทักทายผู้ใหญ่ตามมารยาท
"นี้หน่ะหรอตาคิน" 'เวียงพิงค์' หญิงวัยกลางคนที่หน้าตารูปร่างยังคงสะสวย พูดขึ้นเธอปรายตามองพิมเสนตั้งแต่หัวจรดเท้า
พิมเสนไม่เข้าใจอะไรได้แต่หันไปมองคิรันอย่างต้องการคำตอบ
"นี้ครอบครัวพี่เอง พี่อยากชวนพิมมาทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่"
"ค่ะ.." พิมเสนพยักหน้าตอบ ถึงแม้จะยังนึกโกรธและอยากถามคิรันออกไปแต่ภายในใจก็ยังคงเกรงใจผู้ใหญ่สองคน
"นั้งสิหนู ไม่ต้องเกร็งนะ ตามสบาย" ธีระพูดกับเธอด้วยนํ้าเสียงเป็นกันเอง
"ขอบคุณค่ะ"
"คิน โทรไปบอกน้องมาทานข้าวด้วยกันหน่อย ให้น้องมาให้ได้พ่ออยากให้เราทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา"
"ครับ คุณพ่อ" คิรันขานรับ มือหนาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วลุกเดินไปคุยที่อื่น
ครืด~ ครืด~
เสียงโทรศัพท์กรีดร้องภายใต้ถุงกางเกง พระรามขมวดคิ้วยุ้งก่อนจะล้วงมือหยิบขึ้นมาดูรายชื่อ แค่เพียงเบอร์เขาก็จำขึ้นสมองว่าเป็นเบอร์ใคร เมื่อคิดได้แบบนั้นพระรามจึงตัดสินใจกดตัดสาย
ครืด~ ครืด~
"ไม่รับหน่อยหรอว่ะ บางทีอาจจะเป็นเรื่องสำคัญก็ได้"
"...." พระรามปรายตามองเวหาก่อนจะกดรับสาย เขาแค่อยากรู้ว่าคิรันมีปัญหาอะไรกับเขา
"อะไร?" นํ้าเสียงเรียบนิ่งกรอกลงผ่านปลายสาย
(มาทานข้าวกับครัวหน่อยไหม พ่ออยากให้นายมา)
"ไม่ เชิญมึงสมสุขกับครอบครัวสุขสรรค์ไปเถอะ"
(นายไม่อยากรู้งั้นหรอว่าฉันใครมาเปิดตัวกับคุณพ่อ)
"เรื่องของมึง"
(แล้วถ้าฉันบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่นายเกือบต่อยฉันในวันนั้นล่ะ?)
"มึงพูดเหี้ยไร" พระรามขมวดคิ้วยุ้ง
(อยากรู้ก็มาดูเอง เร็วๆด้วยล่ะ)
ตี้ด! คิรันกดตัดสายทิ้ง
"ใครว่ะ" เวหาที่เห็นสีหน้าของเพื่อนเริ่มหงุดหงิดเอ่ยถามขึ้น
"ไอ้คิน"
"ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นโทรหากัน"
"มันวอนตีนกูต่างหาก กูกลับล่ะ"
"..." ไร้คำตอบกลับ เวหาเพียงปรายตามองเพื่อนที่รีบเดินไปจนลับสายตาก่อนจะหันมาสนใจการแข่งตรงหน้าต่อ
พระรามที่รีบมุ้งหน้ามาที่รถ เหยียบคันเร่งจนมิด มือหนากำพวงมาลัยแน่น ภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดในคฤหาสน์แล้วเดินผลุนผลันเข้าไปในห้อง
"อ้าว นั้นไงลูกรามมาพอดีเลย" เวียงพิงค์ที่กำลังเม้าสนุกปากท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน เอ่ยถึงผู้มาไหม่ที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะอาหาร
"ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยสิไอ้ราม วันนี้มีแขกของพี่แกมาด้วยนะ" ธีระเอ็ดลูกชายเบาๆ
แต่ทว่าชื่อที่หลุดออกมาจากปากทำให้พิมเสนที่นั้งแสร้งว่ามีความสุขหันกลับไปมองข้างหลังอย่างเชื่องช้า เมื่อสบตาเข้าอย่างจังกับแววตาคมปราดเธอก็แทบจะหลบไม่ทัน ร่างกายร้อนวูบวาบไปหมด ความสงสัยถาโถมเข้ามาในใจแต่ก็ทำได้เพียงเก็บเงียบไว้ก่อน..
"สงสัยวันนี้อากาศประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงขั้นวิกฤต พี่ชายผมพาผู้หญิงเข้าบ้าน" พระรามพูดจากระแหนะกระแหนม ก่อนจะเดินมาลากเก้าอี้นั้งลงข้างๆพิมเสนพร้อมตวัดขาไขว้ห้าง
"ทำตัวให้มันดีๆหน่อยไอ้ราม เกรงใจหนูพิมบ้าง"
"เรื่องแค่นี้ทำไมผมต้องเกรงใจ มากกว่านี้ผมยังทำมาแล้ว" ลิ้นหนาดันกระพุ้งแก้ม สายตาเพ่งมองเสี้ยวหน้าหวานที่ตอนนี้ซีดเผือกราวกับไก่ต้ม
"แกพูดอะไรของแก?"
"...เอ่อ พระรามหมายถึงเราคุ้นเคยกันในฐานะเพื่อนเป็นอย่างดีค่ะ" พิมเสนเอ่ยแก้ตัว
"หื้มม นี้ตารามเป็นเพื่อนกับหนูพิมด้วยหรอคะ"
"ใช่ครับคุณแม่ วันนั้นผมไปหาพิมที่ห้องยังเห็นน้องกับเพื่อนๆทำงานกลุ่มอยู่ในห้องด้วยกันเลยครับ" คิรันตอบแทน
"แสดงว่าแบบนี้ที่คิรันรู้จักกับหนูพิมก็เพราะว่าหนูพิมเป็นเพื่อนตารามใช่ไหม" เวียงพิงค์พูดต่อ พลางเหลือบมองคนใช้ในบ้านที่พึ่งเริ่มตักข้าวใส่จาน
"ใช่ค่ะ.." พิมเสนตอบพร้อมกับหลุบตามองตํ่า
"เดี๋ยวเราทานข้าวกันดีกว่า หนูพิมเดี๋ยวให้พี่คินไปส่งนะลูก"
"ขอบคุณค่ะ" พิมเสนพยักหน้าตอบเสียงแผ่ว เธอเริ่มทานข้าวด้วยท่าทีเกร็งๆเพราะมีสายตาของใครบางคนจ้องมองอยู่
"คินตักกับข้าวให้น้องสิ"
"ครับคุณแม่" คิรันตักกับข้าวใส่จานให้พิมเสน เธอฉีกยิ้มบางๆตอบกลับแล้วค่อยๆตักมันเข้าปาก
"นี้ใจคอพิมจะไม่ตักให้พี่บ้างหรอครับ"
"เอ่อ เดี๋ยวพิมตักให้ค่ะ" มือบางที่สั่นเทาเอื้อมไปตักกับข้าวให้คิรัน ท่ามกลางสายตาดุดันของพระรามที่มองแล้วรู้สึกไม่พอใจ เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทั้งๆที่นั้งหัวโด่อยู่ตรงนี้แต่ทำไมพิมเสนกลับไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ...
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกสายตาของทุกๆคนขึ้นมาซะงั้น..
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มดำเนินไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของทุกคนยกเว้นชายหนุ่มที่นั้งอยู่นิ่งๆไม่ปริปากพูดอะไร
"เปื้อนหมดแล้วพิม กินยังไงครับเนี้ย" พิมเสนที่กำลังตบท้ายมื้อเย็นด้วยของเมนูของหวานเป็นคัพเค้กหยุดชะงัก
"เอ่อ ขอโทษค่ะ กินมูมมามไปหน่อย"
"ยื่นหน้ามานี้"
"คะ?" เธอชักสีหน้าสงสัยแต่ก็ยอมยื่นหน้าเข้าไปไกล้ๆ คิรันที่ยื่นผ้ากันเปื้อนมาเช็ดปากให้เธอด้วยท่าทางระเมียดระไม
"แหม้ มดจะขึ้นโต๊ะแล้วนะตาคิน" เวียงพิงค์กลั้วขำออกมา หล่อนมีความสุขที่ได้เห็นคิรันมีผู้หญิงที่ถูกใจซักทีถึงแม้เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าคิรันกำลังจีบเธอทางอ้อมก็เถอะ
"แกก็รีบหาได้แล้วนะ อีกหน่อยก็เรียนจบแล้ว" ธีระเปลี่ยนหัวข้อไปที่พระรามแทน
"ที่มีอยู่ยังไม่พออีกหรอครับ แฟนผมเต็มบ้างเต็มเมืองเลยพ่อไม่เห็นอีกหรอ?"
ปัง !
"ไอ้ราม!"
"ดีใจจนต้องเรียกชื่อผมดังขนาดนี้เลยเชียว" พระรามกำหมัดแน่น เขาอึดอัดแทบอยากจะลุกหนีเต็มทน
"คุณคะ ใจเย็นๆก่อนนะคะ" เวียงพิงค์ปลอบประโลมให้สามีใจเย็นลง ธีระจึงยอมสงบสติ ยิ่งพระรามรู้ว่าเขาเป็นคนโมโหง่าย เขายิ่งกวนประสาทขึ้นทุกวัน
"คุณดูมันพูด"
"ใช่สิผมพูดอะไร ทำอะไรก็ผิดไปหมด ต่อไปนี้ก็อย่าหวังว่าผมจะมาร่วมโต๊ะอีก เชิญทานต่อเถอะครับ แล้วก็ยินดีด้วยกับว่าที่ลูกสะใภ้คนโตด้วย!" พูดจบร่างหนาก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปยังรถที่จอดอยู่หน้าประตู พระรามเปิดประตูเข้าไปนั้งในรถใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นไม่ให้ความน้อยใจกลายเป็นนํ้าตา...
"เดี๋ยวหนูไปดูให้ค่ะ" พิมเสนรีบหยัดกายลุกขึ้นเดินสับขาออกไปหาพระรามด้านนอก เธอเดินอ้อมไปยังฝั้งคนขับและพยายามส่องเข้าไปข้างใน..
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...! มือบางเคาะเข้าที่กระจกรถ
"พระราม นายช่วยลงมาก่อนได้ไหมมันไม่ใช่อย่างที่นายคิดเลยนะ..." พระรามปรายตามองใบหน้าพิมเสนผ่านกระจกดำทึบ ยิ่งเห็นใบหน้าของเธอ ความน้อยใจ ก็ยิ่งถาโถมขึ้นมาเรื่อยๆ
แล้วจู่ๆนํ้าตาที่กลั้นไว้มันก็ไหลออกมา พระรามเบือนหน้ากลับมามองยังเบื้องหน้า แล้วสตาร์ทรถเคลื่อนตัวผ่านหน้าเธอออกมาเรื่อยๆ..
เขากลัวเธอชอบคิรันขึ้นมาจริงๆ ใจมันรู้สึกหวิวๆ..
.
.
.
พบคนปากเก่งแต่ขี้น้อยใจหนึ่งอัตรา5555555555555555555
ปล.เมื่อวานเผลอหลับพร้อมโทรศัพท์และหูฟังเช่นเดิมค่าา แม่มาปลุกก่อนไม่งั้นไรท์นอนพันสายชาร์ทและหูฟังแน่ๆ ช่วงนี้เค้าเรียนหนักเลยเหนื่อยเอาซะมากๆ วันไหนที่ไม่ได้อัป(และไม่ได้แจ้ง) คือไรท์เผลอหลับไปแล้วจริงๆนะ55555555555 ?
