ตอนที่ 1 เพื่อนรัก
ที่นี่คือโรงเรียนเซนท์วิมส์ฟอร์ด โรงเรียนชายล้วนกางเกงน้ำเงินชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษา เด็กส่วนใหญ่จะเป็นบุตรของผู้มีอันจะกินเกือบทั้งนั้น นั่นเพราะค่าเล่าเรียนค่อนข้างสูง แต่สำหรับเด็กที่เรียนดีแต่มีฐานะยากจน โรงเรียนก็เปิดโอกาสให้สอบชิงทุนเข้าศึกษาฟรีจนจบหลักสูตร แต่ต้องรักษาเกรดเฉลี่ยให้ได้ตามเกณฑ์อย่างสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นจะต้องจ่ายค่าเทอมคืนเป็นเท่าตัว
ออดดดด!!!!
เสียงออดดังขึ้นเป็นสัญญาณบอก ว่าถึงเวลาที่นักเรียนจะต้องเตรียมตัวกลับบ้าน นักเรียนชายหัวเกรียนนับพันต่างเก็บกระเป๋า เดินขวักไขว่ออกมาจากห้องเรียนเพื่อขึ้นรถกลับบ้าน ไม่ต่างจาก ‘ไอร์’ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ ผู้มีผลการเรียนเป็นอันดับหนึ่งของชั้น และได้รับทุนเรียนฟรีจนจบหลักสูตร เขากำลังเดินจูงจักรยานออกมาจากข้างโรงอาหารซึ่งเป็นที่จอดประจำทุกวัน
เมื่อจูงรถจักรยานออกมาถึงถนนคอนกรีต ก็มีกลุ่มนักเรียนชายสามคนกำลังเดินมุ่งตรงมาหาด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร เขาจำได้ดีว่านั่นคือแก๊งสามออ ไอ้ออฟ ไอ้อ้น และไอ้อิท กลุ่มเพื่อนในชั้นเรียนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาสักเท่าไหร่ นั่นเพราะหมั่นไส้ที่เจ้าตัวเป็นแค่ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง แต่กลับมีผลการเรียนที่โดดเด่นกว่าจนขึ้นแซงเป็นอันดับหนึ่งของห้อง
“พวกมึงมีปัญหาอะไร” ไม่ใช่เก่งแค่เรียนแต่เขาก็เก่งเรื่องต่อยตีเหมือนกัน
“ปากดีนักนะไอ้ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง” ออฟ ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
“พวกมึงมีปัญหาอะไรก็ว่ามา กูจะรีบกลับบ้าน” คนที่กำลังจูงจักรยานอยู่ มองหน้าทั้งสามคนอย่างไม่เกรงกลัว สมัยเด็ก ๆ เขาเองยอมใครซะที่ไหน ท้าต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว
“อยากรู้เหรอวะ...พวกมึงจับมันไว้” สิ้นเสียงคำสั่งของลูกพี่ อิทกับอ้นก็เดินตรงไปหาคู่อริทันที
เมื่อรู้ว่ากำลังจะโดนเล่นงาน ไอร์ก็ทิ้งจักรยานจนล้มลงแล้วตั้งการ์ดรอ
“มึงลองเข้ามาสิกูสู้ไม่ถอยแน่”
“มึงจะกลัวอะไรวะเข้าไปสิ” ออฟเห็นลูกน้องทั้งสองกล้า ๆ กลัว ๆ ก็ส่งเสียงตะโกนสั่งย้ำอีกที
ผัวะ!
พลั่ก!
คนแรกที่เข้ามาถูกหมัดของคนตัวเล็กกว่า ซัดเข้าให้จนล้มลงกับพื้น ส่วนอีกคนไอร์จัดการด้วยการถีบไปที่หน้าท้องจนล้มกองทับกัน แต่คนที่มันเป็นมวยนั่นคือไอ้หัวหน้าแก๊ง ออฟรอจังหวะเผลอเข้าไปล็อกคอคนที่ตัวเล็กกว่า แล้วรวบแขนทั้งสองข้างเอาไว้
“เก่งนักนะมึง ไอ้ลูกแม่ค้าวันนี้กูจะจัดมึงให้หนักเลย” เสียงเข้มพูดข้างใบหูจนเจ้าตัวขนลุกซู่
“มึงจะทำอะไรกู ปล่อยนะเว้ย” ไอร์พยายามขัดขืนแต่สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ ไอ้คนนั้นมันเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน แถมยังฝึกเทควันโดจนได้สายดำอีกต่างหาก
“เดี๋ยวก็รู้” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นข้างใบหูอีกครั้ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับลูกน้องทั้งสองคน “พวกมึงมาล็อคตัวมันไว้เร็ว คราวนี้อย่าให้พลาดอีกนะเว้ย” เจ้าสองตัวนั้นรีบลุกขึ้นมาจับตัวคู่อริไว้โดยเร็ว
ออฟยืนจ้องหน้าไอ้เด็กหัวเกรียน ที่เรียนได้เป็นอันดับหนึ่งของห้องแทนที่เขา ก่อนจะซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าเต็มแรง
ผัวะ!
“มึงเก่งนักใช่ไหม กูขอเตือนมึงเอาไว้เลย เทอมนี้ถ้ามึงยังสอบได้ที่หนึ่งอีก กูจะไม่ทำแค่นี้แน่” มือหนาจับที่ศีรษะเอาไว้แล้วตบเบา ๆ ที่แก้มขาว ใบหน้าที่หล่อเหลาตอนนี้เริ่มแดงช้ำขึ้นมาชัดเจนแล้ว
“ทำไมกูต้องทำอย่างนั้นด้วยวะ ถ้ามึงแน่จริงก็สอบให้ได้ที่หนึ่งสิ อย่างนี้มันไอ้ขี้แพ้นี่หว่า” แม้หน้าตาจะบวมช้ำ แต่ไอร์ก็ยังไม่หมดฤทธิ์ ยังคงแสยะยิ้มให้กับเพื่อนร่วมชั้น
“กูสอบได้ที่หนึ่งมาตลอด แต่พอมึงเข้ามากูกลับร่วงไปที่สอง มึงรู้ไหมเพื่อนคนอื่นมันหัวเราะเยาะกูก็เพราะมึง” เจ้าตัวบอกสาเหตุที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าให้รับรู้
“แล้วมันเป็นความผิดของกูตรงไหนวะ” ไอร์ทำหน้างง
“ถ้าไม่มีมึงสักคนกูก็จะเป็นที่หนึ่งไงล่ะ” มือหนาจับที่คางแล้วบีบเต็มแรงจนไอร์เริ่มเจ็บขึ้นมา เขาต้องกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้
“ปล่อยเพื่อนกูเดี๋ยวนี้เลยไอ้ออฟ!” ในที่สุดฮีโร่ของไอร์ก็มาสักที ต๋อง เพื่อนสนิทหนึ่งเดียวที่กำลังเดินเข้ามาอย่างนักเลง
“กูไม่ปล่อย!”
“ไม่ปล่อยใช่ไหมด้ายยยย!!!!” เจ้าตัววิ่งเข้าไปแล้วกระโดดถีบ จนทั้งสี่คนล้มระเนระนาด ก่อนจะกระชากคอเสื้อออฟเข้ามาสวนหมัดใส่ไม่ยั้ง
เมื่อไอร์เป็นอิสระก็จัดการกับไอ้สองคนนั้นทันที หลังจากนั้นทั้งหมดก็ตะลุมบอนผลัดกันสวนหมัดไปมา ไม่นานไอ้นักเลงทั้งสามคนก็นอนกองรวมกันอยู่ที่พื้น โดยมีต๋องและไอร์ยืนมองอย่างผู้มีชัย
“ถ้ามึงยังเป็นลูกผู้ชาย มึงต้องเอาชนะกูด้วยผลการเรียนไม่ใช่มาขู่อย่างนี้ บอกไว้เลยถึงมึงจะฆ่ากูให้ตาย กูก็ไม่ยอมแพ้เรื่องเรียนหรอกโว้ย” ไอร์ตะโกนใส่หน้า
“ต่อไปห้ามมายุ่งกับเพื่อนกูอีก...จำไว้” ต๋องชี้หน้าเรียงตัวราวกับเป็นมาเฟียซะอย่างนั้น
เจ้าสามคนที่นั่งกองอยู่บนพื้น ไม่พูดตอบโต้แม้แต่คำเดียว เพราะมัวแต่ร้องโอดโอยกับใบหน้าที่ปวดระบม