บทย่อ
“เรียนยังไม่จบก็มีเมียได้ ไม่มีกฎหมายข้อไหนห้ามเอาไว้สักหน่อย มีแต่พิ้งค์นั่นแหละไม่ยอมใจอ่อนเป็นเมียผมสักที ไม่รู้จะให้รอไปถึงเมื่อไหร่ ทนไม่ไหวขึ้นมาจับปล้ำแล้วเช้ามาก็ให้แม่ไปขอเลยดีไหมนะจะได้จบ ๆ ไป” พูดอย่างยียวนไม่สะทกสะท้านกับสายตาแวววาวที่จ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเลยแม้แต่น้อย
บทนำ
‘เวียงพิงค์’
ร้านดอกไม้ที่เพิ่งเปิดทำการได้เพียงสองอาทิตย์
อยู่ในตึกขนาดสองคูหา การตกแต่งสไตล์ยุโรป โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ตัดกับสีสันสดใสของดอกไม้นานาชนิด มองดูแล้วสดชื่นสบายตา เวียงพิงค์ ตั้งอยู่ในทำเลทอง ใกล้กับบริษัทชั้นนำระดับประเทศ ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร สถานศึกษา เรียกว่าอยู่ในจุดใจกลางของความพลุกพล่าน
ในเรื่องของราคาจึงมีตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงราคาแพง เพื่อกลุ่มเป้าหมายที่ปัจจัยทางการเงินที่แตกต่าง เพราะอย่างนี้ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 อาทิตย์ ร้านจึงได้เสียงตอบรับจากลูกค้าที่มาใช้ บริการดีมาก ๆ
“สวัสดีค่ะ ร้านเวียงพิงค์ยินดีให้บริการค่ะ คุณลูกค้าต้องการช่อดอกไม้แบบใด ดอกไม้ประเภทไหนแจ้งได้เลยนะคะ ทางร้านเรายินดีจัดให้ตามความต้องการของคุณลูกค้าค่ะ” ทันทีที่เสียงกระดิ่ง
กรุ๊งกริ๊งจากหน้าร้านส่งสัญญาณเตือนถึงการมาเยือน คนด้านในก็พร้อมตอบรับ คล้ายว่าตนเองคือเสียงอัตโนมัติที่ถูกอัดเอาไว้ใช้งาน
ในการนี้โดยเฉพาะ
ผู้เป็นเจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมาทักทายแขกคนแรกของวันพร้อมรอยยิ้มหวานหยดน่าประทับใจ การแต่งกายของลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาคล้ายนักศึกษา เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดพับแขน ชายสอดอยู่ด้านในกางเกงแสคสีดำอีกที รองเท้าที่ใส่คือไนกี้สีดำรุ่นยอดนิยม บุคลิก และหน้าตาจัดว่าดีมาก ซึ่งเธอมั่นใจอีกเช่นกันว่าไม่เคยเห็นหน้าลูกค้าคนนี้มาก่อนแน่ ๆ
ชายหนุ่มสบตาเธอนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าเชิงรับรู้ แล้วมองไปทางอื่น ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าใบหูของเขาปรากฏรอยแดงจาง ๆ ความน่าสนใจของร้านเวียงพิงค์ นอกจากดอกไม้สวย ๆ ก็คงเป็นเจ้าของร้านสาวสวยที่เอาแต่ยืนยิ้มหวานดึงดูดสายตาไม่ต่างจากดอกไม้พวกนั้น จึงไม่แปลกหากจะเรียกกลุ่มลูกค้าผู้ชายได้มากกว่าลูกค้าผู้หญิง
ซึ่งตัวเขาเองก็คือหนึ่งในนั้นที่ถูกหญิงสาวดึงดูด
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาผ่านมาแถวนี้เห็นว่าร้านดูน่าสนใจดีทั้งชื่อและการตกแต่ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเข้ามาใช้บริการ จนกระทั่งได้เห็นเจ้าของร้านที่ไปส่งแจกันดอกไม้ให้บริษัทของครอบครัวเขาโดยบังเอิญเข้า
หลังจากสอบถามรายละเอียดมาจากเลขาฯ พี่ชายที่เป็นคนสั่งให้กับลูกค้าเป็นของขวัญจึงได้รู้ว่า เวียงพิงค์นอกจากเป็นชื่อร้านแล้วยังเป็นชื่อของหญิงสาวอีกด้วย มันดูลงตัวไปหมด ทั้งคน ทั้งดอกไม้และชื่อร้าน
“เอ่อคุณคะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ” เธอเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างจึงเดินอ้อมหลังเคาน์เตอร์เข้ามาดูลูกค้าหนุ่มที่เธอเดาไม่ออกว่าอายุมากกว่า หรืออ่อนกว่าอย่างเป็นห่วงใกล้ ๆ เนื่องจากเขานิ่งมาพักใหญ่แล้ว
ชายหนุ่มผงกศีรษะ “ขอโทษครับ ผมอยากได้ช่อกุหลาบไปให้คุณแม่ คุณช่วยจัดให้ผมทีนะครับ เอาสีอะไรก็ได้แม่ผมไม่เรื่องมาก ไม่ต้องรีบผมรอได้” พูดจบก็หมุนตัวเดินไปนั่งรอบนโซฟารับแขกหงุดหงิดตัวเองที่ทำตัวเป็นคนไม่ได้เรื่อง ดอกไม้ยิ่งแล้วใหญ่ มีแค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่เขารู้จัก หนึ่งในนั้นก็คือดอกกุหลาบ
“ได้ค่ะ รอสักพักนะคะ” หญิงสาวตอบรับอย่างกระตือรือร้น ขอแค่บอกเธอทำให้ได้ทั้งนั้น แม้จะแค่ดอกเดียวก็ขาย การถือกำเนิดของร้านนี้ก็ไม่มีอะไรมาก หลักใหญ่เลยคือมันเกิดจากความชอบ และหลงใหลในกลิ่นหอม ๆ ของดอกไม้
เวียงพิงค์คิดอยากจะทำธุรกิจนี้หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่การจะประกอบกิจการหนึ่งขึ้นมามันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วย และยิ่งเกี่ยวกับดอกไม้ มันยังมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้อีกนับไม่ถ้วน นอกจากศึกษาด้วยตัวเองแล้ว ยังต้องไปลงคอร์สเรียนภาคปฏิบัติด้วย ซึ่งเธอสนุกกับมันมาก ๆ
ดีที่ว่าตึกนี้เป็นทรัพย์สินของบิดาเธอขอมาทำประโยชน์หลังจากคนเช่าเดิมไม่คิดจะต่อสัญญา เดิมทีแรกแม่เลี้ยงเธอไม่เห็นดีเห็นงามด้วย พยายามขัดขวางทุกวิถีทางที่จะไม่ให้พ่อยกตึกนี้ให้เธอเปิดร้าน แต่มันไม่สำเร็จ เรื่องเงินทุน ส่วนหนึ่งก็เป็นเงินเก็บส่วนตัวของเธอเอง ไม่ได้เอาจากพ่อทั้งหมด เขาเองยินดีจะออกทุนให้ทั้งหมดแต่เธอไม่ต้องการ
คนตั้งใจมาเป็นลูกค้าถือนิตยสารไว้ในมือแต่สายตาไม่ได้โฟกัสที่หน้ากระดาษ เพราะสิ่งที่น่าสนใจคือเจ้าของร้านคนงามที่กำลังลงมือจัดช่อดอกไม้ให้เขา
มือเล็ก ๆ คู่นั้นของเธอเวลาหยิบจับดอกไม้รู้เลยว่าทะทุถนอมพวกมันมาก รอยยิ้มนุ่มนวลแต้มริมฝีปากตลอดเวลา มองแล้วเพลินตามีชีวิตชีวาทั้งคน ทั้งดอกไม้ ไม่ใช่ว่าเขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้สวย น่าสนใจเป็นคนแรก เขาเคยเจอคนที่สวยกว่านี้มาเยอะ แต่กลับไม่เคยมีใครสะดุดตาสะดุดใจเท่ากับหญิงสาวคนนี้มาก่อน
เขาค่อนข้างตกใจความคิด และความรู้สึกของตัวเอง นี่เขากำลังรู้สึกดีกับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าจริงงั้นเหรอวะ อาการหนุ่มน้อยที่แอบชอบรุ่นพี่มันใช่อาการนี้หรือเปล่า ถึงจะอายุยี่สิบแต่การใช้ชีวิตของเขามันไม่น้อยแล้วนะ
Rrr Rrr Rrr
การสั่นสะเทือนของสมาร์ทโฟนตรงหน้าขาทำให้ความคิดที่กำลังตีกันยุติลงกลางคัน มือใหญ่ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนตัวโปรดเพื่อดูรายชื่อบนหน้าจอ เมื่อเห็นแล้วก็ย่นคิ้วอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าที่ควร เพิ่งจะแยกจากมันเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกันอีก
“มีอะไรวะเคนโด้” เคนโด้คือหนึ่งในเพื่อนสนิทมันเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ยังคงเรียนด้วยกัน
(คืนนี้ไปคลายเครียดกันที่คลับพี่ไอ้แทนกันหน่อยไหมวะเพื่อนรัก เราไม่ได้ไปกันมาพักใหญ่แล้วนะเว้ย นะปริ๊นท์นะไปกัน) คะยั้นคะยอด้วยน้ำเสียงร่าเริงสุดฤทธิ์
“ขอดูก่อนละกันนะ ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ตอบรับคำชวนของแกเลยว่ะ” ความจริงอยากจะย้อนมันไปด้วยเหมือนกันแหละไอ้ที่ว่าไม่ได้ไปกันมาพักใหญ่น่ะ มันเพิ่งจะผ่านมาแค่สามวันเอง แต่ขี้เกียจจะเถียงกับมันเลยไม่อยากขัดคอ
(แกก็แค่ตอบมาว่าจะไปหรือไม่ไปทำไมจะต้องใช้อารมณ์ตัดสินด้วยวะไอ้คุณปริ๊นท์ ทุกทีนี่ตอบรับง๊ายง่ายวันนี้เกิดจะมาเล่นตัวอะไรเนี่ย ผีเข้าเหรอวะหรือว่าอยากเป็นคนดีนอนจำศีลอยู่กับบ้าน) ไม่ได้รับคำตอบที่พอใจก็บ่นอุบ
“เสือก”
แม้ปากจะคุยกับเพื่อนแต่สายตาก็คอยแต่จะวนเวียนเฝ้ามองสาวเจ้าของร้านที่เขามานั่งแช่รอดอกไม้อยู่พักใหญ่อย่างใจเย็น ถ้าไอ้คนปลายสายมันรู้เข้าว่าตอนนี้เพื่อนมันกำลังนั่งอยู่ในดงของดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมรวยรินจนจมูกชักเริ่มจะได้กลิ่นฉุนขึ้นมาแล้วมันคงไม่เชื่อแน่ ๆ ทางที่ดีอย่าให้มันรู้จะดีกว่าเพราะไม่อยากตอบคำถามที่จะตามมาของมันว่าทำไมและอะไรต่อมิอะไร