บทที่ 5
ม.ร.ว.จินต์จุฑาค่อยๆ ขยับตัวอย่างเมื่อยขบ ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ เธอปวดหัวจนต้องเผลอร้องครางออกมาเบาๆ นัยน์ตาค่อยๆ ปรือมองเพดานห้อง และลุกพรวดขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อสำนึกว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่า!
การเจ็บแปลบในสรีระบางส่วนทำให้หญิงสาวหน้าซีดเผือด เธอได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ และเสียงฮัมเพลงเบาๆ หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นเมื่อรับรู้ลางเลือน ว่าเธอกำลังทำอะไรกับตัวเอง เสื้อผ้าของเธอและของใครบางคนกองเกลื่อน ร่างบางรีบร้อนลงมาจากเตียงก่อนจะเดินไปที่เสื้อผ้าของตัวเอง พลางรีบสวมใส่มันอย่างเร่งรีบ
รอยเลือดหยดเล็ก ๆ ที่ปรากฎกลางผ้าปูเตียงสีขาว และอาการปวดแปลบยามขยับเดินทำให้ ม.ร.ว.จินต์จุฑาน้ำตารื้นขึ้นทันที ก่อนจะรีบสวมเสื้อผ้า เธอคงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว นี่เธอทำอะไรกับตัวเองไปกันนะ เธออยากจะประชดคนเลวนั่น จนทำอะไรกับตัวเองไปแล้วแบบนี้
เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินแกมวิ่งออกไปจากห้อง ไม่อยากรับรู้อะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อคืนนี้... เธอมีอะไรกับใครบางคน เธอได้เสียสิ่งที่แหนหวงให้กับคนแปลกหน้า เพราะความที่เธอเพียงแค่อยากประชดคนรักเก่าของเธอแท้ๆ
ทันทีที่เรียกรถแท็กซี่ได้ และขึ้นไปนั่งหลังจากบอกทางกลับไปยังวังอรรถนนท์ได้แล้ว ม.ร.ว.จินต์จุฑาก็เริ่มร้องไห้ จนคนขับแท็กซี่ต้องมองเธอทางกระจกหลัง ภาพหญิงสาวสวย ผมเผ้ากระเซิง ที่เดินแกมวิ่งอย่างรีบร้อนออกมาจากโรงแรมในตอนสายๆ แบบนี้ มันทำให้เขานึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ภัยสังคมเดี๋ยวนี้มากมายนัก และเหยื่อส่วนมากก็มักจะเป็นหญิงสาว เขาจึงกระแอมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยลอยๆ ว่า
“เป็นอะไรหรือเปล่าน่ะหนู มีอะไรบอกลุงได้นะ โรงพักอยู่ตรงนี้เอง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณลุง” ยิ่งฟังแล้วเธอก็ยิ่งสะท้อนใจ เธอยอมตามเขามาเอง จะไปโทษใครได้ แม้แต่หน้าเขาก็ยังจำไม่ได้ ผู้ชายคนแรกของเธอ คิดแล้วม.ร.ว.สาวก็ยิ่งเจ็บปวดยิ่งนัก เธอฝืนปาดน้ำตาแล้วก็ยิ้มให้กับคนขับแท็กซี่ผู้อารี ก่อนจะตอบเสียงเครือว่า
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ พอดีหนูทะเลาะกับแฟน เอ่อ...ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงหรอกค่ะ”
“ฟังแล้วก็โล่งใจ” ชายขับแท็กซี่ถอนใจเฮือก พลางเหลือบมองดูกระจกหลัง ก่อนจะเอ่ยสำทับอีกครั้ง
“ลุงนึกว่าหนูมีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า ผู้หญิงสาวๆ กับสังคมสมัยนี้มันน่าเป็นห่วงเหลือเกิน”
“....”
อะไรที่ร้ายแรงในชีวิตเธออย่างนั้นเหรอ...
น้ำตาของทำท่าจะรินไหลออกมาอีกรอบ เธอเป็นคนไปแส่หาเรื่องเองต่างหากเล่า ทำตัวเองแท้ๆ หญิงสาวคิดอย่างเจ็บปวด การถูกทรยศยังไม่พอ ยังจะหาเรื่องให้กับตัวเองเพิ่มด้วยการ....
ยิ่งคิดหญิงสาวก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ที่ทำตัวเหมือนคนไร้เกียรติด้วยการไปนอนกับผู้ชายแปลกหน้า แม้แต่หน้าเขาเธอก็ยังจำไม่ได้
เธอคงจะเข็ดหลาบกับการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาไปอีกนาน มันกระชากสติและการรับรู้ไปจากเธอ ยิ่งเธอมีเรื่องในใจด้วยแล้ว มันก็ยิ่งพาให้สติสัมปชัญญะให้ลิ่วไปไกลลับ จนเกิดเหตุการณ์น่าอายแบบนี้ขึ้น สัมผัสเร่าร้อนตามเนื้อตัวเธอ เป็นสิ่งเดียวที่เธอพอจะจำได้บ้าง มือเรียวถูลำแขนของตัวเองไปมา เหมือนจะไล่ลบสัมผัสนั้น เธอจำหน้าเขาไม่ได้ หากแต่จำสัมผัสเร่าร้อนอ่อนหวานของเขาได้ ม.ร.ว.สาวกลั้นสะอื้น นี่เธอเป็นบ้าอะไรไปแล้วนะ เรื่องเมื่อคืนเธอจะลืมมันให้หมด เรื่องน่าอายน่าอดสูที่สุดในชีวิตของม.ร.ว.จินต์จุฑา อรรถนนท์
..............................................................................................................................................
กันดิศฮัมเพลงเบาๆ ขณะที่อาบน้ำชำระล้างกายให้สดชื่น วันนี้เป็นรุ่งเช้าที่เขาตื่นขึ้นมาด้วยความสุขเป็นพิเศษ อย่างบอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร หรืออาจจะเพราะ แม่สาวสวยหน้าหวานราวกับน้ำผึ้ง ที่สร้างความสุขให้เขาเกือบตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา มันช่างคุ้มค่านัก ชายหนุ่มคิดในใจ ที่เขาพาเธอมาด้วยแบบนี้
แค่คิดบางส่วนในร่างกายก็เริ่มรุ่มร้อน เหมือนกับคนไม่รู้จักพอในเรื่องเซ็กซ์ เมื่อคืนเขาตักตวงความหวานจากเธอแทบจะหมดแรง ทั้งที่เป็นครั้งแรกของฝ่ายหญิง แต่เขาก็อดใจไม่ไหว พยายามถนอมเธอแล้ว แต่บางครั้งบางทีเขาก็เผลอไผลรุนแรงไปตามอารมณ์
นัยน์ตาคมกริบราวกับเหยี่ยวเป็นประกายระยับ เมื่อนึกถึงสาวสวยในอ้อมแขนเมื่อคืนนี้ เขาคงจะสานสัมพันธ์ในอนาคตแน่นอนกับแม่สาวหวานคนนี้ กันดิศคิดในใจ ยังมีรอยยิ้มประดับที่ริมฝีปากเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาพันผ้าเช็ดตัวออกมาผืนเดียว อวดเรือนร่างกำยำ พร้อมกับเช็ดผมที่เปียกไปด้วย
“เอ๊ะ?”
ชายหนุ่มถึงกับย่นคิ้ว เมื่อออกมาแล้วพบแต่ความว่างเปล่า สิ่งเดียวที่บอกได้ว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไปนั้น ก็คือสภาพของเตียงที่ยับย่น และรอยเลือดเปื้อนอยู่กลางที่นอน กันดิศถึงกับถอนใจ หัวใจเต้นอ่อนล้าลงอย่างประหลาด เมื่อไม่เห็นภาพของหญิงสาวเมื่อคืนนอนอยู่บนเตียงนุ่มเหมือนที่เขาคิดเอาไว้ ชายหนุ่มเดินไปทรุดนั่งบนเตียงอย่างเหม่อลอย มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วบริเวณนั้น ความโหยหาบางอย่างแล่นเข้าจับหัวใจ บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกอาลัยแบบนี้ ทั้งที่ปรกติแล้วสัมพันธ์เพียงชั่วคืน เป็นสิ่งที่เขาชาชินกับการตื่นเช้าขึ้นมาต่างคนจะไม่รู้สึกลึกซึ้งอะไร เป็นความพึงพอใจเพียงแค่ข้ามคืน ไม่เคยอยากจะรั้ง ทำความรู้จัก หรือสานสัมพันธ์นั้นต่อเลยแม้แต่น้อย
รอยเลือดเปื้อนอยู่บนผ้าปูที่นอนเหมือนเป็นประจักษ์พยานว่า สิ่งที่เขาสัมผัสเมื่อคืน บริสุทธิ์สะอาดนัก ชายหนุ่มล้มตัวลงนอน พลางเอามือก่ายหน้าผาก ใจไพล่ไปคิดถึงค่ำคืนเร่าร้อนระหว่างเขาหญิงสาวแปลกหน้า เนื้อตัวที่หวานละมุน กรุ่นเข้าไปในความรู้สึกเขาจนอยากจะลืม กันดิศหลับตา พลางถอนใจ ทำไมกันนะ
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แล้วเขาจะไปตามหาเธอได้ที่ไหนกัน สาวสวยปริศนายามค่ำคืน ที่ฝากรอยรักไว้ให้เขาจนยากจะลืม