บทที่ 6
คุณเลอวรรณมองนาฬิกาข้อมือสลับกับทำงานในมือไปด้วย นางกำลังจัดแจกันดอกไม้ เพื่อใช้ประดับในห้องโถง กุหลาบจากสวนหลังบ้าน ที่คุณเลอวรรณลงทุนจัดเอง เธอต้องการจะให้ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจจึงลงมือทำด้วยตัวเอง
“หายไปไหนทั้งคืนกันนะ แม่ลูกสาวตัวดี ถ้ากลับมาจะตีให้” นางบ่นพึมพำ แล้วลงมือทำงานไปพลางมองดูหน้าบ้านไปพลาง ว่าเมื่อไหร่บุตรสาวของนางจะกลับมา
“คุณผู้หญิงคะ รบกวนไปในครัวหน่อยเถอะค่ะ เตรียมเครื่องยำเรียบร้อยแล้ว รอคุณผู้หญิงไปจัดการน่ะค่ะ”
“ได้ๆ เอ่อ...หล่อนคอยอยู่ตรงนี้ คอยเฝ้าคุณเจ้าขาให้หน่อยนะ ถ้ามาเมื่อไหร่ รีบเข้าไปบอกฉันด้วย” คุณเลอวรรณสั่งสาวใช้ แล้วมองไปทางหน้าประตูใหญ่ของบ้านอีกครั้ง พลางเดินเร็วๆ เข้าไปในห้องครัว เพื่อจะได้รีบทำให้เสร็จแล้ว จะได้ออกมาเฝ้ารอการกลับมาของบุตรสาวตัวดีอีกครั้ง
สาวใช้นั่งชะเง้อคอตามคำสั่งของคุณผู้หญิงของวังอรรถนนท์ รอคอยคุณเจ้าขาอย่างเคร่งครัด เธอนั่งขัดสมาธิอยู่ที่หน้าบ้าน
รถแท็กซี่มาจอดตรงหน้าวังอรรถนนท์ พร้อมกับร่างบางซึ่งค่อยๆ ก้าวลงมา และเปิดประตูรั้วอันเล็กเข้ามาในบ้าน ทำให้สาวใช้เกือบจะวิ่งไปรายงานคุณเลอวรรณเสียแล้ว หากแต่เสียงใสๆ นั่นเรียกไว้เสียก่อนที่เธอจะทันวิ่งเข้าไป
“พี่ตอง ไม่ต้องไปเรียกคุณแม่”
“เอ่อ...” ตองทำท่าลังเล หากแต่ม.ร.ว.สาวถลึงตาใส่เธอ สภาพของคุณหนูแห่งวังอรรถนนท์ตอนนี้ ทำให้ตองถึงกับมองค้าง ผมยาวรุ่ยร่ายยุ่งเหยิง ใบหน้างดงามซีดเผือด ใต้นัยน์ตาบวมแดง เสื้อผ้าก็ยับย่น เห็นอาการที่ตองมองมา ก็ทำให้หญิงสาวถึงกับหน้าแดงเรื่อ ใจหายวาบเหมือนกับกลัวว่าใครจะรู้ว่าเธอไปทำผิดอะไรมา ตามแบบคนที่มีชนักติดหลัง
“ห้ามไปบอกคุณแม่ บอกแค่ว่าไม่เห็นเจ้าขานะคะ”
“คุณเจ้าขาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ตองถามอย่างเป็นห่วง ม.ร.ว.สาวกัดริมฝีปากก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ แล้วบอกกำชับสาวใช้อีกรอบ เรื่องไปรายงานคุณเลอวรรณ แล้วเดินแกมวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของเธออย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพแบบนี้ของตัวเอง เพราะกลัวว่าความลับที่น่าอาย สิ่งเลวร้ายที่เธอกระทำไปเมื่อคืน มันจะพรั่งพรูออกมาจากปากของเธอเอง
ทันทีที่เข้าไปในห้องนอนได้ หญิงสาวก็โยนกระเป๋าสะพายทิ้งไว้บนเตียงนุ่ม เดินก้าวเร็วๆ เข้าไปในห้องน้ำ เธอถอดเสื้อผ้าโยนทิ้งๆ ไว้เกลื่อนห้อง ก่อนจะเปิดฝักบัวราดรดร่างเปลือย มือเรียวขัดถูไปตามร่างกายแรงๆ เหมือนจะไล่สัมผัสของใครบางคนออกไป น้ำตาที่แห้งไปแล้วเริ่มหยาดรินออกมาอีกรอบ ม.ร.ว.จินต์จุฑากัดริมฝีปากจนเจ็บ เมื่อมองเงาสะท้อนของตัวเองที่กระจกบานสูงในห้องน้ำ หลังจากชำระล้างร่างกายเรียบร้อยแล้ว ผิวเนื้อขาวนวลแดงเรื่อเพราะแรงขัดถู ใบหน้างดงามแดงก่ำ เมื่อเห็นร่องรอยบางอย่างตามเนื้อนวล มันบอกฟ้องว่ามีใครประทับตราไว้ตรงนั้น คนที่เธอเองจำหน้าเขาไม่ได้เลย จำได้เพียงนัยน์ตาคมปลาบดุจเหยี่ยว ที่สะกดเธอไว้ น้ำเสียงห้าวทุ้มปนเร่าร้อนที่คอยเอ่ยปลอบประโลม ตอนที่เธอสะท้านหวาดกลัวในอ้อมแขนเขา...
“ไม่ เราต้องลืม ลืมให้หมด” เธอร้องบอกตัวเอง แล้วร่างบางก็ก้าวเข้าไปใต้ฝักบัวอีกรอบ เริ่มอาบน้ำชำระตัวอีกครั้ง เหมือนจะลบล้างสัมผัสที่ยังติดตรึงตามผิวกายให้ออกไปให้หมด แต่ส่วนลึกแล้วในความรู้สึก มันไล่ไม่ได้ง่ายเหมือนคราบไคล มันฝังลงไปอย่างลึกซึ้ง หัวใจของเธอเจ็บแปลบเพราะความเสียดายตัวและรู้สึกผิด ที่ทำแบบนั้นไปกับตัวเอง เธอหวังว่าคืนนั้นจะเป็นคืนแห่งฝันร้าย ที่เพียงแค่ฝันไป
.............
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจดังขึ้น ทำให้ธนุสที่กำลังจับจ้องจอคอมพิวเตอร์ และสนใจกับงานของตัวเองอยู่หันไปมองร่างสูง ที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่บนพื้นพรมข้างๆ เขา วันนี้กันดิศมาอยู่กับเขาที่ห้องพักในคอนโดมิเนียมตั้งแต่ตอนเช้า จนถึงบ่ายก็ไม่มีทีท่าจะไปไหน แถมยังมีทีท่ากลัดกลุ้ม แปลกประหลาดนัก ธนุสมองแล้วก็ย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจกับงานของตัวเองต่อ แต่แล้วก็มีเสียงกวนสมาธิขึ้นอีกรอบ
“เฮ้อ...”
“เป็นอะไรวะ ไอ้เกรท” เขาหันมาถามคนที่กำลังนอนแผ่อยู่อย่างสงสัยเต็มแก่ กับอาการของเพื่อนสนิท ที่ดูคุ้มดีคุ้มร้ายมาทั้งวัน กันดิศใช้มือประสานท้ายทอยและมองไปยังเพดานกว้าง เขากำลังอยู่ในภวังค์ของตัวเอง จนไม่ได้ยินคำถามของเพื่อนสนิท
เธอเป็นใครกันนะ...
กันดิศถามตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยแล้วกระมัง และถอนใจออกมาอีกรอบ มองเหม่อไปด้านบน แต่ภาพตรงหน้าไม่ได้เข้าไปในสมองเขาเลยแม้แต่น้อย มันมีแต่ภาพของเธอ ใบหน้างดงามหวานล้ำของหญิงสาวปริศนาคนนั้น มันวนเวียน อยู่ในห้วงนึก สลัดอย่างไรก็ไม่หลุดเสียที ทำไมกันนะ...
“เฮ้อ...”
“เฮ้ย! ไอ้เกรท จะมาถอนหายใจอะไรนักหนาวะ เป็นบ้าอะไรของนาย” ธนุสอดรนทนไม่ไหว กับเสียงถอนหายใจและท่าทางของกันดิศ ถึงกับลงมาจากเก้าอี้ทำงานของตัวเอง แล้วลงมานั่งขัดสมาธิอยู่บนพรมคู่กับกันดิศ ชายหนุ่มตกใจเสียงตวาดของเพื่อนรัก ถึงกับสะดุ้งสุดตัว แล้วมองธนุสอย่างงงๆ
“อะไรของนายวะ”
“นายนั่นแหละ เป็นบ้าอะไร ถอนหายใจเฮือกๆ จนฉันทำงานไม่ออกแล้วนี่ เป็นอะไรไปวะ”
“ไม่รู้ว่ะ” กันดิศตอบ ทำเอาธนุสถึงกับทนไม่ไหวขึ้นมาอีกรอบ เขาเขกหัวเพื่อนสนิทแรงๆ จนกันดิศต้องลุกพรวดขึ้นมาโวยวายใส่
“ทำอะไรของนาย มันเจ็บนะ”
“กวนประสาท” ธนุสบ่นพึมพำ พลางมองเพื่อนรักด้วยสายตาโกรธๆ ถ้าเขาค้อนเป็น เขาก็คงจะค้อนชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนรักไปแล้ว ร่างสูงเพรียวลุกขึ้นยืนแล้วนั่งบนเก้าอี้ทำงานของตัวเองอีกรอบ พลางหันมาสั่งกำชับกับกันดิศด้วยน้ำเสียงดุๆ ว่า
“ห้ามถอนหายใจอีกแม้แต่ครั้งเดียวนะ ไอ้เกรท ถ้าได้ยินอีกครั้งละก็ ฉันจะเอาเครื่องคอมทุ่มหัวนาย ไปถอนหายใจไกลๆ ไป๊”
“เออ...ไม่ทำแล้วก็ได้” กันดิศบ่น แล้วนั่งขัดสมาธิ ก่อนจะท้าวคาง ธนุสมองเขาแล้วส่ายหน้าช้าๆ พลางบ่นพึมพำกับตัวเองว่า
“มันเป็นบ้าอะไรของมันกันนะ ช่วงพักงานแบบนี้ยังจะมากลุ้มอะไรอีก”
“ไอ้นก” จู่ๆ กันดิศก็เอ่ยโพล่งขึ้นมา ทำให้ธนุสที่กำลังจะตั้งสมาธิกับงานอีกครั้งถึงกับตกใจ แล้วหันขวับไปมองเพื่อนสนิทอย่างเคืองๆ ที่ทำให้สมาธิของเขาหล่นหายอีกแล้ว
“ไอ้บ้าเกรท ถ้ายังกวนไม่เลิก โน่นประตู ออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว”
“ช่วยฉันหาคนหน่อยสิวะ” ธนุสขมวดคิ้ว แล้วมองเพื่อนรักอย่างสงสัย
“หาใคร?”
“ไม่รู้ว่ะ” กันดิศตอบแบบกำปั้นทุบดิน เล่นเอาธนุสถึงกับทั้งอยากจะกุมขมับ และอยากจะเตะเพื่อนสนิทไปพร้อมๆ กัน
“นี่ยังกวนไม่พอใช่ไหมวะ ไอ้เกรท นายว่างมากหรือไงกัน ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลย” เมื่อเห็นว่าธนุสเริ่มโมโหและใกล้จะบ้าแล้ว กันดิศก็เริ่มโบกมือห้ามเป็นพัลวัน ชายหนุ่มลุกขึ้น แล้วเดินไปบีบบ่าให้เพื่อนอย่างเอาใจ
“ใจเย็นๆ สิวะ อย่าพึ่งโกรธ ก็ฉันไม่รู้จริงๆ นี่หว่าว่าเค้าเป็นใคร”
“แล้วนายจะให้ตามหา ตามหาคนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครนี่นะ จะบ้าหรือไงกัน” ธนุสตอนนี้หน้ามุ่ยไปหมดแล้ว เพราะเริ่มปวดหัวกับกันดิศ ที่วันนี้เพื่อนของเขาทำตัวเพี้ยนๆ ไปอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันอยากเจอเค้าจริงๆ นะ นก มันลืมไม่ลงว่ะ” กันดิศเอ่ย นัยน์ตาเหม่อลอยเมื่อพูดถึงสาวปริศนาที่ตรึงตราในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก คำพูดแฝงนัยของเขา ทำให้ธนุสนิ่งคิดตาม ก่อนจะมองหน้าเพื่อนรักแล้วส่ายหน้าช้าๆ เขาพอจะรู้เลาๆ แล้วว่ากันดิศต้องการจะตามหาใคร ซึ่งก็คงไม่พ้นสาวๆ อีกตามเคย
“ไหนบอกว่าไม่อยากสานสัมพันธ์กับใครต่อจริงจังยังไงล่ะวะ เกรท นายยังไม่เข็ดอีกหรือไง เรื่องคราวก่อนที่วุ่นวายกันไม่จบน่ะ นายยังรักชีวิตโสดและไม่อยากมีแฟนไม่ใช่หรือไง แล้วนี่ใครกันที่ทำให้นายละเมอและลืมไม่ลงแบบนี้”
“ฉันไม่รู้จักเธอว่ะ รู้แต่ว่าสวยหวาน น่ารักมาก” น้ำเสียงที่พูดนั้นอ่อนโยนและแฝงไปด้วยความเร่าร้อน ยามพูดถึงหญิงสาวคนที่เขาไม่เคยลืมค่ำคืนที่มีร่วมกับเธอได้เลย
“เขาบอบบาง บริสุทธิ์ แล้วก็ไม่เหมือนใครที่ฉันเคยผ่านมาจริงๆ”
‘บริสุทธิ์’
คำพูดคำนี้ของกันดิศ ทำให้ธนุสนึกค้านในใจ พระช่วย! สาวบริสุทธิ์ที่ไหนกันจะไปอยู่ในที่แบบนั้น แถมยังไปกับเพื่อนเขามาทั้งคืนจนกันดิศต้องมาพร่ำเพ้อแบบนี้ ต้องมีอะไรผิดพลาดกับระบบความคิดของเพื่อนเขาแน่นอน เพราะแม่สาวคนนั้นต้องไม่บริสุทธิ์แน่ๆ
ด้วยความที่ค่อนข้างจะเป็นหนุ่มหัวเก่า และยึดถือกับเรื่องเพศว่าไม่ใช่เป็นเพียงแค่ที่ระบายอารมณ์ชั่วครู่ชั่วยามกระมัง ทำให้ธนุสมองแบบนี้ เขาแตกต่างจากเพื่อนสนิท ซึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ พอใจกันก็ว่ากันไป แต่กับธนุสแล้ว เขาค่อนข้างจะเครียดมากเลยทีเดียว แบบนี้กระมังทำให้กันดิศล้อเลียนเขาบ่อยๆ ว่าเป็นฦาษีเฝ้าถ้ำ หรือถึงขั้นล้อเลียนว่าธนุสถือพรหมจรรย์เหมือนกับนักบวช
“นี่นายลืมกฎของตัวเองไปแล้วหรือไง ว่าจะไม่ยุ่งกับใครซ้ำสอง นายอย่าลืมนะว่านายเป็นใคร เกรท ขยับตัวทำอะไรทีก็เป็นข่าวนะโว้ย รักษาภาพพจน์หน่อยสิ”
“แต่เธอทำให้ฉันลืมกฎนี้ว่ะ” กันดิศเอ่ยยิ้มๆ นัยน์ตาคมปลาบเป็นประกายระยับ ธนุสถึงกับเกาศีรษะ เขารู้หรอกว่าเพื่อนสนิทห้ามอย่างไรก็คงจะไม่ฟัง และดูเหมือนว่ากันดิศจะหลงใหลกับหญิงสาวผู้นั้นมาก ๆ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“จะยังไงก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน” ธนุสเตือน ชายหนุ่มได้แค่ยักไหล่ พลางนอนแผ่ลงไปกับพื้นพรมอย่างง่ายๆ ด้วยท่านอนแบบเดิม
“นายจะช่วยฉันหาเธอไหมวะ นก”
“ชื่อของเธอนายก็ยังไม่รู้จัก อย่าลืมนะเกรท”
“นั่นสิ...เฮ้อ...แต่ฉันก็อยากจะหาเธอให้เจอว่ะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรนะนก เธอเป็นคนแรกที่ฉันไม่อยากจบด้วยแค่คืนเดียว” กันดิศพูดก่อนจะเหม่อมองดูเพดานอีกครั้ง ปล่อยใจให้ล่องลอยไปหาหญิงสาวคนนั้นอีกแล้ว
ธนุสมองอาการของเพื่อนสนิทแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ที่กันดิศเป็นเอามาก เขาไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน นึกแล้วก็ชักจะอยากเห็นหน้าแม่สาวคนนั้นเสียแล้ว ที่ทำให้เพื่อนรักของเขาเป็นไปได้มากขนาดนี้