บทที่ 3
“จะต่อเหรอวะเกรท”
น้ำเสียงที่ถามเจ้าของชื่อดังอ้อแอ้ บอกถึงดีกรีของแอลกอฮอล์ที่อยู่ในสายเลือดได้เป็นอย่างดีว่ามากขนาดไหน เกรท หรือกันดิศหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอาหมวกที่สวมอยู่หลุบบังหน้า เขาตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห้าวทุ้ม เสียงของเขาฟังดูเป็นปรกติไม่เหมือนกับคนที่กำลังกอดคออยู่
“ต่อสิวะ นานๆ ทีจะได้หนีออกมาเที่ยวแบบนี้ พึ่งจะปิดกล้องด้วย ขอเที่ยวให้สะใจหน่อยเถอะ นายจะใจร้ายไม่เที่ยวเป็นเพื่อนกันหน่อยหรือไง ไอ้นก”
“แต่ฉันไม่ไหวแล้ว ขอนอนในรถ นายไปต่อคนเดียวเถอะ ไม่ไหวจริงๆ ว่ะ”
เพื่อนรักของเขาโบกมือแล้วเดินโซเซกลับไปขึ้นรถที่ขับมาอีกครั้ง พลางตะกายเข้าไปที่หลังรถ แล้วนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น กรนคร่อกไปเลยเสียด้วย
“ไอ้นกเอ๊ย!”
กันดิศมองเพื่อนพลางส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในผับหรูที่เขามาจอดรถไว้ วันนี้เป็นเหมือนวันปลดปล่อยจริงๆ เพราะงานของเขาเสร็จเรียบร้อยไปด้วยดี การกรำงานมาตลอดสามเดือนเต็ม ทำให้เขาอยากจะผ่อนคลายเสียบ้าง
กันดิสไปลากเพื่อนบ้างานของเขา ออกมาจากโต๊ะทำงานเพื่อนฉลองวันหยุดให้กับตัวเอง ธนุสบ่นเล็กน้อย หากแต่ก็ยอมออกมาตามแรงลากนั้นแต่โดยดี และลงท้ายด้วยการที่ตัวเองเมากลิ้ง และทิ้งให้กันดิศฉายเดี่ยวจนได้
“เธอ นั่นเกรทหรือเปล่า?”
หญิงสาวสองคนซุบซิบเมื่อเขาเดินผ่าน ในผับที่มีแสงสลัว หากแต่ความหล่อเหลาคมสันของเขา ก็ยังฉายส่องออกมาจนใครต่อใครเริ่มสังเกตเห็น ชายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่สนใจ วันนี้เขาตั้งใจจะมาเที่ยว มาดื่ม จะไปสนใจอะไรกับปาปารัสซี่สมัครเล่น ที่อาจจะถ่ายรูปของเขาไปให้นิตยสารซุบซิบสักเล่ม ถ้าเกิดเขาเมาแล้วทำตัวเลอะเทอะ
คิดแล้วมือหนาก็ถอดหมวกที่ปิดบังใบหน้าออกเสีย เผยให้เห็นใบหน้าคมสัน รูปหน้าเรียว คิ้วเข้ม นัยน์ตาคมกริบราวกับตาเหยี่ยว จมูกโด่งได้รูปสวย ริมฝีปากรับกันราวกับภาพวาด ผมตัดสั้นทรงทันสมัย ยิ่งทำให้รูปหน้านั้นดูโดดเด่น แม้ว่าจะอยู่ในแสงสลัว และมีผู้คนมากมายก็ตามที แต่กันดิศเหมือนกับแสงสว่างที่ส่องจ้าในความมืด เพราะจุดเด่นของเขาที่เตะตาผู้คน ทั้งรูปร่างและหน้าตาที่มีบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์
นั่นเพราะเขาคือ กันดิศ เอกไกรสกุล ดาราดังในขณะนี้ หนุ่มโสดเนื้อหอมวัยสามสิบต้นๆ เปรียบเหมือนภมรหนุ่ม ที่มีแต่ดอกไม้งามโน้มตัวลงมาเพื่อเสนอให้กับเขา แต่กันดิศก็ยังเลือกที่จะสนุกสนานกับชีวิตโสดและการทำงานของตัวเอง เขาทำงานหนักในละครแต่ละเรื่อง และเวลาพักผ่อน เขาก็ถือว่าจะเต็มที่กับมัน เหมือนกับวันนี้
สายตาคมกริบสีนิล มองกวาดไปรอบๆ ที่นี่ยังคงดีเหมือนเดิม ทั้งเพลงและผู้หญิง ชายหนุ่มคิดในใจ พลางอมยิ้ม เมื่อบริกรเดินส่องไฟฉายนำเขาไปที่โต๊ะที่อยู่หน้าบาร์ ผับนี้เป็นที่ประจำของเขา เขามาบ่อยและทิปหนักจนเป็นที่รู้จักของเด็กบริกร ว่าเขาต้องการที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และไม่ชอบให้ใครมามองจ้องวุ่นวาย
“วันนี้คนเยอะ โต๊ะเบียดกันหน่อยนะครับพี่เกรท”
“ไม่เป็นไร นั่งได้” กันดิศว่า ก่อนจะตบบ่าเด็กบริกรอย่างคุ้นเคย “เอาเหมือนเดิมนะ”
“ได้เลยครับ” เด็กบริกรเดินยิ้มจากไปอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับเงินทิปในกระเป๋า
เสียงเพลงดังกระหึ่มเร้าใจ เครื่องดื่มที่ถูกนำมารินเสิร์ฟ ทำให้กันดิศเริ่มครึ้มอกครึ้มใจ สาวสวยคนแล้วคนเล่า แกล้งเดินมาเบียดเขา บางคนก็แสดงออกโจ่งแจ้งเลยว่า ‘อยากได้’ อะไรจากเขา
หากแต่ยังไม่ใช่คนที่เขาต้องการ ชายหนุ่มบอกกับตัวเอง คืนนี้...ก็เป็นคืนหนึ่งที่เขาอยากจะได้สาวสวยไปเคียงกาย มีสัมพันธ์กันสักคืนหนึ่ง แบบต่างคนต่างเต็มใจ และเขากำลังหาคนที่เขาถูกใจ และคิดว่าใช่ คนที่เขาจะไม่เดือดร้อนถ้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย กันดิศค่อนข้างจะต้องเลือกสักหน่อย เพราะไม่อยากวุ่นวายเหมือนคราวก่อน ที่ต้องใช้เงินปิดปากเจ้าหล่อน เพราะความเมาแท้ๆ ที่ทำให้เขาไปเจอกับสาวแสบระดับห้าดาว ที่ถ่ายคลิปเขาและเธอไว้ ขู่จะขายมันให้กับนิตยสารบันเทิง จนชายหนุ่มต้องวุ่นวายและเสียเงินไปมากพอดู
ธนุสก็เตือนเหมือนกัน ว่าให้เขาระวังถ้าจะหาผู้หญิงชั่วคราวที่ถูกใจกันเพียงคืนเดียว ในบรรยากาศของแสงสียามค่ำคืน เพื่อนสนิทของเขาทำงานสำนักพิมพ์ทำเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่างๆ ธนุสเป็นผู้ช่วยของนิตยสารบันเทิงควบคู่ไปกับงานเป็นนักข่าวที่ทำอยู่ ทั้งที่อาชีพของคนทั้งสองจะเหมือนต้องตามจิกตามไล่กันอยู่ตลอด เพราะกันดิศเป็นดาราดัง ส่วนธนุสก็ต้องหาข่าวของดารา แต่ทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนสนิทกันได้เหมือนเคย
ธนุสไม่เคยยอมทำข่าวของเพื่อนรัก เขาเลี่ยงจะให้ผู้ช่วยทำแทน แถมสกรีนด้วยตัวเองทุกครั้งเพื่อไม่ให้เพื่อนของเขาเสียชื่อเสียง
เขาทำใจนอนกับหญิงสาวที่ทำอาชีพนี้โดยตรงลำบาก กันดิศคิดในใจ มันง่ายไป ไม่ใช่อะไรหรอก เขาชอบที่จะเป็นเหมือนผู้ล่า ดั่งเหยี่ยวที่มองมาจากที่สูง เมื่อเห็นเหยื่อ เนื้อสมันถูกใจ ก็โฉบลงมาแล้วจัดการเสีย มีความสุขร่วมกันในค่ำคืนพิศวาสที่ร้อนแรง และต่างคนต่างไปเมื่อตักตวงความใคร่จนเพียงพอ
การคิดแบบเขาแม้จะดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย แต่ผู้ชายคนไหน ๆ ก็ต้องมีด้านมืดด้านนี้อยู่ในตัวกันบ้าง ไม่มากก็น้อย ตัวเขาเองมีโอกาส และมีคนที่จะมาเสนอให้มากมาย จนมองเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะหาคนถูกใจกันเพียงชั่วคืน จะเป็นไรไปเล่าเมื่อต่างฝ่ายต่างก็เต็มใจ
“นอนกับฉันไหมคะ?” น้ำเสียงหวานอ้อแอ้ดังขึ้น พร้อมกับร่างเพรียวหากแต่ซ่อนรูปของใครบางคนที่ถลามานั่งบนตักเขาอย่างไม่ได้บอกกล่าว ขณะที่กันดิศกำลังคิดอะไรเพลินๆ ถึงกับตกใจ และเมื่อมองใบหน้าเนียนงามของเจ้าของน้ำเสียงนั่น เขาหรี่ตาเมื่อเห็นเครื่องหน้าหวานล้ำ เย้ายวน ชวนให้หัวใจหนุ่มเต้นโลดแรง
“คุณเมาหรือเปล่า” กลิ่นวิสกี้ชั้นดีกรุ่นออกมาจากลมหายใจของหญิงสาว เธอโอบรอบคอเขาไว้แล้วมองเขาด้วยนัยน์ตาเชิญชวน เธอแต่งกายเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยวกลางคืน เสื้อคอเต่าสีหวานแขนกุด คาดไว้ด้วยเข็มขัดเส้นเล็ก อวดเอวบางคอดกิ่ว กับกระโปรงยาวสีขาว ผมหยักศกประบ่า ล้อมรอบกรอบหน้างามละมุน ที่ธรรมชาติช่างบรรจงสร้างสรรค์ปั้นให้มาอย่างเหมาะเจาะ รับกันไปทั้งหน้า และที่สะกดเขาไว้อย่างตรึงใจนั่นก็คือนัยน์ตากลมโต ที่บัดนี้วาวหวานระยับไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
“ม่าย เมา ถ้าคุณไม่ ฉันก็จะไปหาคนอื่น” สาวปริศนาลุกขึ้นจากตักของเขาทันที แต่กันดิศกลับคว้าเธอไว้อย่างรวดเร็ว เขาตวัดเธอเข้ามาในอ้อมแขนแข็งแรง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อหญิงสาวโอบประคองเขาไว้เป็นหลัก ใบหน้าหวานนั้นแดงเรื่อ บอกว่าเจ้าตัวคงจะ ‘ดื่ม’ ไปหนักมาก ปรกติเขาไม่นิยมมีความสัมพันธ์กับคนเมามากขนาดนี้ แต่ดูเหมือนเธอจะเป็นกรณียกเว้น อะไรบางอย่างปลุกสำนึกความร้อนแรงของวัยหนุ่มให้โลดแรง แค่เพียงกอดร่างบางไว้ในวงแขน เขากระซิบข้างใบหูเล็กๆ ได้กลิ่นน้ำหอมละมุนชวนให้ประทับใจ
“ไปกับผมนี่แหละ คนสวย รับรองว่าคุณถูกใจแน่ๆ”