๓ น่าเบื่อเมื่อได้ตัว (๑)
๓
น่าเบื่อเมื่อได้ตัว
เรื่องของพีรัชไม่ได้อยู่ในสารบบอีกต่อไปเมื่อคนที่โผล่หน้ามาให้เห็นตลอดคือพริศ มักจะมารับไปทำงานตอนเช้าและรับกลับพร้อมกันจนนึกเกรงใจ แต่เขาก็บอกตลอดว่าเต็มใจทำให้แล้วเธอก็กลายเป็นผู้รับที่มีความสุข
ไม่เคยมีใครปฏิบัติเช่นนี้กับหล่อนมาก่อน กลายเป็นความสุขในใจทำให้ลืมความทุกข์เรื่องที่ตนอกหักไปจนหมดสิ้น บางทีคนใหม่ก็อาจช่วยเยียวยาได้จริง เขาในช่วงเวลาที่เธออ่อนแอต้องการใครสัก ถูกจังหวะเวลาจนดวงตายามมองหนุ่มรุ่นน้องเป็นประกายทุกครั้ง
การไปทำงานไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เธอเฝ้ารอตอนเช้าและช่วงเย็นเสมอ ถึงจะมีคนพูดค่อนขอดเรื่องการแย่งแฟนเพื่อนเข้าหูก็ไม่สะเทือนสักนิด หัวใจหล่อนแข็งแกร่งพอที่จะไม่เอาเรื่องพวกนั้นมาใส่ใจอีกต่อไป สิ่งที่ทำคือรอตอนเย็นเพื่อจะได้ใช้เวลาร่วมกันกับเขา
ช่วงวันหยุดบางครั้งก็กลับบ้าน แต่วันนี้มีนัดกับเขาจึงต้องบอกบุพการีว่าไม่ได้กลับ พวกท่านไม่ได้ว่าอะไรเพราะน้องสาวกลับบ้านพอดี เธอจึงใช้โอกาสนี้เที่ยวสนุกเต็มที่กับสารถีสุดหล่อที่ไม่ยอมบอกว่าจะพาไปไหน แต่เขาบอกแค่ว่าเตรียมใจไปพบกับความสนุก
เธอเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่ทะมัดทะแมง คิดว่าพริศไม่น่าจะชวนไปทำกิจกรรมธรรมดาหรอก อย่างเขาต้องผาดโพนสักหน่อย รู้สึกสนุกเสมอและเป็นตัวของตัวเองยามได้อยู่ด้วยกัน แต่มักจะเขินกับสายตาและคำพูดแสนหวานที่อีกฝ่ายชอบส่งมาหยอดกันเสมอ
“จะพาไปไหนเนี่ย” กำลังจะออกจากเมืองหลวงแต่เขาไม่ยอมบอกจุดหมายสักที เธอถามจนเหนื่อยจึงเลือกจะมองแรง เพื่อเค้นเอาคำตอบจากอีกฝ่าย แล้วคราวนี้ก็เหมือนจะได้ผลเพราะตนทราบคำตอบแล้วว่าปลายทางคือที่ใด
“เที่ยว”
“ที่ไหน” จ้องเขานิ่ง คนที่กำลังสนใจท้องถนนจึงได้เหลือบมองหล่อนแล้วอมยิ้ม
รู้จักกันมาเกือบเดือนเห็นอารมณ์แทบทุกด้านของหล่อนก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกอยากยืดเวลาความสนุกออกไปอีกสักหน่อย หล่อนไม่เหมือนคนที่ตนเคยพบมาก่อน เป็นผู้หญิงที่เรียบง่ายกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก ทั้งยังคอยปรามตนในบางครั้งที่รู้ว่ากำลังจะเกินเลย
เขาไม่เคยอดทนกับผู้หญิงคนไหนนานขนาดนี้มาก่อน ปกติแค่หนึ่งสัปดาห์ก็จีบติดแล้ว แต่เหมือนเธอยังไม่ไว้ใจกันสักที จึงยืดเวลาเป็นเดือนก็ยังไม่ขยับสถานะจากน้องชายสักที ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะได้เลื่อนขั้น
แต่เขาไม่ย่อท้อหรอก ดูจากสายตาของหญิงสาวก็พอทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง อย่างน้อยหล่อนก็มีความรู้สึกให้กันอยู่บ้าง
สายตาของปานอัปสรไม่ได้มีเพียงพี่ชายของตนอีกต่อไป แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็สามารถเอาชนะพีรัชได้เหมือนกัน
“ตลาดน้ำครับ” เลิกคิ้วสงสัย มองเขาอีกครั้งไม่แน่ใจว่าคุณชายอย่างพริศจะไปเที่ยวในที่แออัดได้ แต่ลองย้อนนึกดูอีกครั้งหากชายหนุ่มกินข้าวข้างทางได้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะ ดูเขาจะสนุกกับการใช้ชีวิตธรรมดาเหลือเกิน
แม้ว่าของบนร่างกายรวมกันแล้วจะมูลค่าเกือบสิบล้านก็ตาม...
“เอาจริงเหรอ”
“จริงสิ ไปสนุกกันดีกว่า” เธอได้ยินแบบนั้นก็ไม่กล้าขัดอะไรอีก เลือกจะตามน้ำเพราะตัวเองก็อยากไปเที่ยวที่ตลาดน้ำเช่นเดียวกัน หลังจากเรียนจบก็ทำงานไม่ได้ไปไหนเลย ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวงหรือไม่อย่างนั้นก็ทำงานนอกสถานที่
เพื่อนที่สนิทก็มีน้อยนับคนได้แถมเวลายังไม่ตรงกันอีก เธอจึงไม่ได้ออกไปไหนไกลกว่าสวนสาธารณะใกล้คอนโดมิเนียมของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่ได้ออกจากพื้นที่เพื่อมายังตลาดน้ำซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ เหมือนได้ศึกษาวิถีชีวิตคนในชุมชนที่ดูอบอุ่นเป็นกันเอง
เธอนั่งลงบนเรือโดยมีเขานั่งข้างกัน ชี้ชวนดูข้าวของและผ่านเรือที่ขายอาหาร หญิงสาวชิมแทบทุกอย่างโดยมีชายหนุ่มข้างกันคอยช่วยกิน รอยยิ้มประดับริมฝีปากเสมอพร้อมทั้งได้เก็บภาพบรรยากาศแสนสนุกเอาไว้ ทั้งยังมีภาพคู่ของเราสองคนอีกต่างหาก
เรียกได้ว่ามาครั้งแรกก็ประทับใจไม่รู้ลืม...
“เอาอีกไหม” เขาเห็นขนมหวานก็ชี้ชวนให้เธอชิม แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าพลางลูบหน้าท้องของตัวเองที่ยื่นออกมาเล็กน้อย พริศเหมือนต้องการขุนหล่อนให้อ้วนอย่างไรไม่รู้ ลงเรือมาแทบไม่ได้หยุดปากเลยสักครั้ง ได้กินหลายอย่างจนเริ่มแน่นเสียแล้ว
“อิ่มแล้วนะ” ประท้วงเขาแต่ก็ยังรับขนมจากชายหนุ่มมารับประทาน เขาเห็นอย่างนั้นก็อมยิ้มขำเธอแล้วเอ่ยถึงเรื่องสำคัญที่ยังไม่ได้บอกเธอ
“กินนิดหน่อยพอให้รู้รสชาติก็ได้...ซื้อเสื้อผ้าด้วยเลยดีกว่าต้องค้างหนึ่งคืน” คนที่กำลังกินของหวานถึงกับชะงัก
หล่อนไม่ทราบมาก่อนว่าต้องนอนค้าง เขาไม่ได้บอกอะไรสักอย่างจึงรีบถามเหมือนหาเรื่อง ชายหนุ่มจึงได้อธิบายอย่างรวดเร็วกลัวว่าตัวเองอาจจะโดยหญิงสาวโกรธ
“ทำไมค้าง”
“ผมต้องทำงานน่ะ อาชีพเสริมเป็นตากล้องครับ ตอนเย็นรับงานถ่ายรูปงานแต่ง ไปด้วยกันนะ” เพิ่งทราบว่าเขามีงานเสริม แววตาที่มองชายหนุ่มเปลี่ยนไปอีกครั้งกลายเป็นความชื่นชม ขนาดคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดยังขยันมากกว่าหล่อนเสียอีก
เธอได้ยินอย่างนั้นก็ไม่อยากทำตัวเป็นปัญหา แต่อดไม่ได้ที่จะบ่นชายหนุ่มเพราะตนไม่อยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เปลืองเงิน “ไม่เห็นบอกก่อนเลย” ตักของหวานเขาปากแล้วทำหน้ามุ่ยซึ่งดูน่ารักในสายตาคนมองเป็นอย่างมาก จนต้องหยิกแก้มหล่อนด้วยความหมั่นเขี้ยว
“กลัวไม่มาด้วยกันนี่น่า ขาดเหลืออะไรซื้อเอาเลย” คราวนี้เขาเป็นพ่อบุญทุ่มซื้อเสื้อผ้าให้เธอหลายถุงจนหญิงสาวบอกให้พอ ของที่ได้กลับมาจึงเป็นเสื้อผ้าและกระเป๋าพร้อมสร้อยคอทำมือที่เธอชอบ ส่วนเขาก็ได้สร้อยข้อมือลายเดียวกันจะได้นำมาใส่เป็นคู่
เธอได้ยินเขาพูดอย่างนั้นก็เขินหน้าแดงแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาให้ถูกล้อเลียน กลับจากตลาดน้ำก็ไปทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยช่างภาพ เดินตามเขาในงานแต่งของผู้ว่าจ้าง มีคนเข้ามาพูดคุยกับชายหนุ่มค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะผู้หญิง แล้วร่างสูงก็ปฏิเสธทุกคนอย่างสุภาพ พร้อมเหลือบมองมาทางเธอบ่อยครั้งคล้ายจะบอกว่าไม่มีอะไรอย่าคิดมาก
ซึ่งทำให้หล่อนค่อนข้างเบาใจพอสมควรจนกลายเป็นความรู้สึกที่มีต่อเขามันท่วมท้นมากกว่าเดิม
กว่าจะเสร็จงานแล้วกลับมาพักที่ห้องในโรงแรมก็เที่ยงคืนแล้ว เขาจองห้องติดกันให้เธอจึงเดินไปรับคีย์การ์ดโดยให้หญิงสาวนั่งรออยู่ล็อบบี้ พอได้ของจำเป็นก็มาทรุดกายนั่งลงข้างเธอ พลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยที่ต้องเดินถ่ายรูปหลายชั่วโมง
“เฮ้อออ เหนื่อยอ่ะ” เอนศีรษะพิงไหล่เล็ก เธอเห็นอย่างนั้นก็อมยิ้มมีความสุขไม่ได้ห้ามปรามหรือผลักออก เริ่มชินกับการสัมผัสเขาเพียงแต่ยังไม่เคยจะให้ชายหนุ่มล่วงเกินมากกว่าหอมแก้ม
