บท
ตั้งค่า

๒ ความจริงใจไม่มีสิ่งใดแอบแฝง (๓)

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย รอนานหรือยัง” บทสนทนาของคนทั้งสองตัดเธอออกเหมือนเป็นส่วนเกิน เมื่อกี้คนหน้าลิฟต์ยังเต็มแต่ทำไมตอนนี้กลับโล่งจนหล่อนนึกอยากให้ทุกคนมารวมตัวกันเหมือนเดิม ตัวเองจะได้ไม่รู้สึกเคว้งคว้างแบบนี้

“ยัง เพิ่งมาถึง...เพื่อนเหรอคะ” หล่อนกลายเป็นจุดสนใจทันทีเมื่อผู้หญิงที่เพิ่งมาถึงได้ถามแฟนหนุ่ม

“ครับ ขนมตาลเป็นเพื่อนตั้งแต่เรียนน่ะ...ตาล นี่เปรมแฟนเราเอง” ชื่อเล่นที่เขาเรียกเป็นชื่อเต็มของตน ไม่ค่อยมีใครเรียกเท่าไหร่มีแค่พีรัชที่ชอบเรียกแบบนั้น ตอนแรกก็คิดว่าตนพิเศษแต่พอรู้ความจริงว่าเป็นแค่เพื่อนก็ไม่ได้ใจเต้นกับชื่อของตัวเองที่ออกจากปากเขาอีกต่อไป

หล่อนยิ้มให้ผู้หญิงที่ถูกแนะนำว่าเป็นแฟน ไม่มีข้อกังขาเลยสักนิดที่สองคนนี้คบกัน เหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก แต่ที่อยากทราบคือไปคบกันตอนไหนมากกว่า

“สวัสดีค่ะ” เอ่ยทักทายขณะที่อีกฝ่ายก็ยิ้มรับเช่นเดียวกัน

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” พูดกับเธอจบก็หันไปมองแฟนหนุ่ม พอดีกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก ทำให้เธอนึกอึดอัดมากกว่าเดิม ไม่อยากเข้าไปในกล่องโดยสารแล้วเป็นส่วนเกิน แต่ให้เดินลงจากชั้นยี่สิบกว่าไปถึงชั้นหนึ่งก็คงไม่ไหว

สุดท้ายก็ก้าวเข้ามาภายในลิฟต์แล้วเลือกยืนอีกฝั่งให้ไกลจากคนทั้งสอง โชคดีที่มีพนักงานคนอื่นเข้ามาด้วย จนสุดท้ายคนก็แน่นลิฟต์จนถึงชั้นหนึ่ง เธอจึงไม่ต้องทนมองความหวานของคู่รักข้าวใหม่ปลามัน

“ไปก่อนนะตาล ไว้เจอกัน” หล่อนออกจากลิฟต์เป็นคนสุดท้าย แต่ไม่วายต้องส่งยิ้มแล้วโบกมือลาเพื่อนที่ตอนนี้เดินเคียงคู่กับแฟนสาว ทิ้งให้เธอมองตามแผ่นหลังกว้างซึ่งห่างไกลออกไปทุกที

“อือ”

เดินออกจากบริษัทเหมือนคนหมดแรง ถอนหายใจเสียงหนักไม่รู้ว่าจะจัดการกับชีวิตของตัวเองอย่างไรกับความรักที่ไม่สมหวัง เธอรู้แน่ชัดแล้วว่าต่อจากนี้ตัวเองคงไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์กับเขามากไปกว่าเพื่อน แต่การเห็นอีกฝ่ายอยู่กับหญิงอื่นแล้วให้สถานะแฟนได้อย่างง่ายก็ยิ่งเจ็บใจ

ตนช่วยเขาทุกอย่างกลับได้เพียงคำว่าเพื่อน...

แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ตนจะได้ไม่ต้องได้ชื่อว่าเป็นคนแย่งแฟนเพื่อนเหมือนคนอื่นนินทา

“มองหาอะไรอยู่เหรอ หัวใจผมหรือเปล่า” ก้มมองพื้นระหว่างเดินจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง มารู้ตัวอีกทีก็เห็นปลายเท้าของใครบางคนขวางทางไว้ พอเงยหน้ากลับพบชายหนุ่มที่มาส่งเธอตอนเช้า ค่อนข้างตกใจพอสมควรจนหลงลืมประโยคจีบที่เขาเอ่ยกับตน

ทำไมชายหนุ่มถึงมาอยู่ที่นี่...

แต่น่าแปลกที่แค่เจอหน้าเขาก็ทำให้วันที่แสนมืดมนของเธอกลับมาสว่างสดใส เป็นไปได้อย่างไรทั้งที่พวกเราเพิ่งพบกันไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง เขามีความสามารถพิเศษในการเปลี่ยนสีท้องฟ้าในใจเธอได้อย่างนั้นหรือ

“เพ้นท์...” เรียกชื่อของชายหนุ่มเสียงเบา เขาเองก็มองเธอเช่นเดียวกัน เห็นถึงแววตาสับสนของหญิงสาวแต่ไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุ

“มารับครับ” คำพูดธรรมดาที่สั่นคลอนหัวใจคนฟัง เธอเหนื่อยเกินกว่าจะต่อต้านจึงพยักหน้ารับแล้วเดินไปยังรถยนต์ของเขาที่จอดอยู่ริมฟุตบาท เปิดประตูขึ้นนั่งข้างคนขับแล้วเหม่อมองไปข้างนอก ภาพของพีรัชฉายขึ้นในความทรงจำเหมือนต้องการบอกลาความรักข้างเดียวที่ไม่สมหวัง

เธอไม่ควรเริ่มต้นมันด้วยซ้ำ เพราะรู้ดีว่าจุดจบคืออะไร เหมือนอย่างตอนนี้ที่ตนต้องพานพบความเสียใจ แต่ก็น่าแปลกที่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แค่รู้สึกเสียดายที่ไม่ถามให้เร็วกว่านี้เพื่อจะได้ตัดใจไม่ต้องยืดเยื้อมานาน

“ตาลอยากไปไหนหรือเปล่า...” เห็นเธอนั่งเงียบก็ถามขึ้นมา เพราะความจริงเขาต้องไปที่หนึ่งก่อนแต่ยังอยากมาทำคะแนนจึงแวะที่บริษัทของหญิงสาวแล้วรอจนอีกฝ่ายเลิกงาน

ช่างทุ่มเทเพื่อการเอาชนะเสียจริง...

“ไม่” ในหัวคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหน เธอเหนื่อยเกินกว่าจะใช้ความคิดแล้วเขาก็เสนอขึ้นมาพร้อมกับอ้อนวอนไปในตัวจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้

“งั้นแวะห้องผมก่อนนะ คุณแม่จะมาพรุ่งนี้แต่ยังไม่ทำความสะอาดเลย พอดีว่าผมย้ายออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียวเพราะใกล้มอ แล้วคุณแม่ก็ไม่ยอมจ้างแม่บ้านผมเลยต้องทำเองทุกอย่าง ตอนนี้ห้องรกอย่างกับรูหนู...แวะไม่เกินยี่สิบนาทีได้ไหม”

“อือ” ขึ้นรถมากับเขาแล้วคงไม่สามารถลงได้กลางทาง

เธอจึงได้ยอมตอบตกลงแล้วมาที่คอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุง ไม่แปลกใจเลยสักนิดกับห้องขนาดหนึ่งร้อยยี่สิบตารางเมตรที่ค่อนข้างกว้างขวาง แต่ที่ทำให้ตกตะลึงคือความรกของห้องต่างหาก ข้าวของกระจัดกระจายเหมือนถูกรื้อค้น ตอนแรกคิดว่าเขาโกหกพอมาเจอสภาพจริงถึงกับกุมขมับ

“โห รก...รกมาก” เอ่ยได้เพียงเท่านั้นเจ้าของห้องก็รีบจับเธอไปนั่งบนโซฟาที่มีกล่องอาหารที่กินแล้ววางทิ้งไว้ จนต้องหยิบมันออกพร้อมกับส่ายหน้าในความไร้ระเบียบของชายหนุ่ม

“ขอบจัดการแปบเดียว นั่งรอก่อนนะ” เขาพูดน้ำเสียงร้อนรน เธอเห็นอย่างนั้นก็ไม่อาจนั่งเฉยได้

“เดี๋ยวช่วย”

“ไม่เป็นไร ผมทำเอง...” เขาคิดจะค้านไม่อยากให้เธอเหนื่อย แต่หญิงสาวก็ยืนยันชัดเจนพร้อมเดินไปเก็บข้าวของที่วางเกลื่อนพื้นขึ้น แสดงท่าทีว่าอยากช่วยจนทำให้เขาต้องยอมจำนน

“ช่วยกันจะได้เสร็จเร็วไง”

ร่างบางเดินทำความสะอาดไปทั่วห้อง โดยไม่เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายที่มองตาม ห้องที่มีแม่บ้านทำความสะอาดให้ตลอดจะรกได้อย่างไร เขาแค่อยากหาข้ออ้างเพื่อจะได้ใกล้ชิดเธอเพื่อทำคะแนนเท่านั้นแหละ

ยิ่งเข้าใกล้ตอนที่หล่อนอ่อนแอก็มีสิทธิ์ชนะสูงไม่ใช่เหรอ...

“เสร็จเร็วจริงด้วย เฮ้อ ไม่เหนื่อยอย่างที่คิด” เมื่อห้องที่รกกลับมาสะอาดอีกครั้งเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ถอนหายใจโล่งอกโดยมีหญิงสาวคอยช่วยเก็บกวาดเหมือนทำเป็นเรื่องปกติ ดวงตาคมมองตามเธอแล้วยิ้มให้จนปานอัปสรไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร จึงถามเผื่อมีงานอื่นให้ตนทำ

“ให้ช่วยอะไรอีกหรือเปล่า”

“ช่วยเป็นที่วางตาให้หน่อยได้ไหม แค่มองตาลก็หายเหนื่อยแล้วน่ะ” นอกจากไม่ตอบตรงคำถามยังหยอดมุกให้เขินอีกต่างหาก เขาคว้าเธอมากอดเอาไว้จนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน หัวใจเต้นรัวกับการใกล้ชิดเกินเหตุที่พาลให้หัวใจสั่นไหว

“อื้อ...” เธอร้องประท้วงเมื่อเขากอดจนใบหน้าหวานจมอยู่แผงอกกว้าง แต่เหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่สนใจ ยังคงกอดเธอแน่นอยู่แบบนั้นจนคนที่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดค่อยหยุดการเคลื่อนไหว เขาจึงคลายอ้อมแขนเล็กน้อย ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา

แล้วเหมือนกับมีแรงดึงดูดบางอย่างให้เราสองคนใกล้ชิดกัน เขากำลังจะทาบริมฝีปากลงไปที่ปากอวบอิ่มแต่กลับถูกเธอเบี่ยงหลบทั้งยังพยายามจะลุกขึ้น จนเขาต้องปล่อยเธอเป็นอิสระกลัวว่าจะถูกมองเป็นพวกโรคจิตแล้วเธอจะห่างออกไป

“อย่า...”

“ขอโทษ ตาลน่ารัก” เอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยแววตารู้สึกผิด เธอจึงไม่คิดถือโทษหรือโกรธเขา แต่ยังคงไว้เว้นระยะห่างจากชายหนุ่มไม่กล้าเข้าใกล้

เมื่อครู่ที่หน้าเราสองคนห่างกันเพียงแค่คืบ หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง กลัวว่าตัวเองอาจจะเผลอตัวยอมให้เขาจูบทั้งที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แล้วหล่อนยังเคยชอบพี่ชายของเขาอีกต่างหาก

แต่เรื่องนี้พริศคงไม่ทราบ...

“ป่ะ เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวแล้วไปส่งที่คอนโด” ไม่คิดจะยื้อเธอไว้เลือกจะทำให้หญิงสาวสบายใจด้วยการพาเธอไปหาซื้อของกินที่ตลาดใกล้มหาวิทยาลัย คนพลุกพล่านแล้วก็มีอาหารหลากหลายแถมยังอร่อยในราคาประหยัดอีกต่างหาก

เดินข้างกันโดยที่ไม่รับรู้ถึงความต่างของอายุ อาจเพราะห่างกันไม่กี่ปีแล้วใบหน้าของเธอก็ยังดูอ่อนวัยแม้จะใส่สวมชุดพนักงานออฟฟิศก็ตาม

“จับมือได้ป่ะ” หลายครั้งที่หลังมือของเราแตะกัน เขาอยากคว้ามือเธอมาจับก็ไม่กล้า

จนสุดท้ายทนความต้องการของตัวเองไม่ไหวจึงได้ถาม

“เคยขอด้วยหรือไง” ไม่รู้ว่านั่นคือคำตอบหรือเปล่า แต่ก็เรียกรอยยิ้มจากเขาได้ไม่ยาก ก่อนชายหนุ่มจะคว้ามือเธอมาจับเอาไว้แล้วโน้มใบหน้ามากระซิบข้างหูเธอ

“ก็อยากขอ แต่ถึงไม่ให้จับก็จะจับเหมือนเดิมนั่นแหละ”

เขาจับมือเธอเดินเลือกซื้ออาหารมารับประทาน อยากเลี้ยงแต่เธอไม่ยินยอมจึงต้องต่างคนต่างซื้อ แต่เขาคิดไว้แล้วว่าครั้งหน้าจะต้องเลี้ยงหล่อนให้ได้

อาหารมื้อนั้นเต็มไปด้วยความสุข กลบความทุกข์ในใจของหญิงสาวได้หมด

ทำให้เธอเริ่มมองเขาด้วยแววตาแห่งความประทับใจ ก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างจะก่อตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel