บท
ตั้งค่า

๒ ความจริงใจไม่มีสิ่งใดแอบแฝง (๒)

นับรวมแล้วครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งที่สามเท่านั้น โดยไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มนับครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่...

“อายุน้อยกว่าทำไมไม่เรียกพี่ คราวก่อนยังเรียกพี่ได้เลย”

“ใครเขาเรียกแฟนว่าพี่กันล่ะ” เหมือนเธอเปิดโอกาสให้เขา จึงได้พุ่งตรงประเด็นทำเอาคนฟังแก้มร้อนผ่าวมากกว่าเดิม กำมือแน่นด้วยความเขินพร้อมเม้มปากไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก ไหนจะแววตาพราวระยับของเขาที่มองมาชวนเขินจนใจสั่น

เขามีความสามารถในการละลายหัวใจของเธอมากเกินไปแล้ว

จนหญิงสาวคิดว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปตัวเองคงแย่แน่...

“ยังไม่ได้เป็น” มองค้อนแล้วเลือกจะสนใจของในถุง แต่กระนั้นสารถีรูปหล่อก็ยังไม่ยอมแพ้ ขยับเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหูเธอจนต้องเอียงหลบ คิดในใจว่าทำไมไฟแดงถึงได้นานอย่างนี้ หล่อนแทบจะถูกสายตาเขาหลอมละลายกลายเป็นน้ำอยู่แล้ว

“เดี๋ยวก็เป็นแล้ว ตอบตกลงก็เลื่อนสถานะได้เลย”

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่เวลาไม่ถึงชั่วโมงบนรถ ทำให้เธอรู้สึกว่ามันแสนนานราวผ่านมาหนึ่งปีได้แล้ว เพราะหัวใจทำงานหนักเหลือเกินในการหักห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกไปตามคำพูดแสนหวานของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าคนอื่นยามถูกจีบเป็นอย่างไร

แต่สำหรับเธอตอนนี้เขินจนหน้าแทบจะไหม้อยู่แล้ว อยากหาทางรอดให้ตัวเองแต่ก็เหมือนว่าทุกอย่างจะดูยากไปหมด

แล้วยากสุดคือหักห้ามใจไม่ให้คล้อยตามเนี่ยแหละ...

หนุ่มหล่อมาจีบแล้วยังแสดงชัดเจนว่าชอบใครบ้างจะไม่เคลิ้ม

เธอไม่ยอมตอบเขาแต่เลือกจะหยิบอาหารในกล่องมากัดกิน พอดีกับที่สัญญาณจราจรบอกไฟเขียว จึงได้เดินทางไปยังบริษัทที่หล่อนทำงาน แอบเหลือบมองชุดนักศึกษาของอีกฝ่ายก่อนคิดได้ว่าเขาอายุน้อยกว่า แต่ไม่ได้ถามว่าตอนนี้เรียนปีไหน

คงไม่ใช่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยหรอกนะ...ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อายุน้อยกว่าน้องสาวเธอซะอีก

“อร่อยไหม แซนวิชผมทำเองเลยนะ” กินไปได้สามถึงสี่คำพบว่าอร่อยกว่าที่คิดถึงหน้าตาจะดูไม่ค่อยสวยแต่รสชาติดี แต่พอได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นคนทำก็ขมวดคิ้วทันที

“ไหนบอกซื้อ” จำได้ว่าเขาเป็นคนบอกเองตั้งแต่แรก

“ก็ถ้าตาลบอกไม่อร่อยจะเปลี่ยนเป็นซื้อไง ถ้าอร่อยค่อยเป็นฝีมือผม” หันมายักคิ้วให้หล่อนแล้วกลับไปมองถนนอีก สร้างความหมั่นไส้แก่ปานอัปสรเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรนอกจากกินแซนวิชด้วยความหิว พร้อมกับเอ่ยชมอีกฝ่ายไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนทำ

ตื่นเช้าแล้วยังต้องทำอาหารอีก...เธอซาบซึ้งจนเผลอยิ้มออกมา

ไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

“อร่อยดี” ชายหนุ่มได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกริ่มมีความสุข

“ผมทำเองแหละ” พอได้รับคำชมก็ต้องรีบเอาดีเข้าตัวสักหน่อย เธอหลุดหัวเราะด้วยความขำจนบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข กลายเป็นสนิทใจกับเขาพร้อมกันนั้นยังรู้สึกเขินกับแววตาของชายหนุ่มที่ส่งมาให้กัน

ไม่น่าเชื่อว่าเวลาบนรถจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีก็ถึงหน้าบริษัทของเธอแล้ว หญิงสาวไม่อยากลงจากรถไปทำงานจึงเลือกจะมองหน้าเขานานหน่อย จนอีกฝ่ายต้องยิ้มให้เหมือนส่งกำลังใจแก่หล่อน แล้วทำการอาจหาญโดยยื่นมือมาลูบศีรษะมนเป็นการปลอบ ดวงตากลมเบิกกว้างแต่ก็ไม่คิดปัดป้องเลยสักนิด

เธอรู้สึกอบอุ่นกับสัมผัสของเขา...

ทั้งที่ไม่ควรเป็นแบบนี้เลย

“ตั้งใจทำงานนะครับ” คำอวยพรทำให้หล่อนฮึกเหิมกว่าปกติ พยักหน้าแล้วเปิดประตูลงจากรถ เลือกจะเดินเข้าบริษัทไม่ได้มองว่าคนในรถมองตามเธอไปจนลับสายตา แล้วค่อยเคลื่อนพาหนะเพื่อจะได้ไปยังมหาวิทยาลัยก่อนเวลาเข้าเรียนเกือบหนึ่งชั่วโมง

การมาทำงานไม่ได้ต่างจากทุกวัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือหล่อนไม่ได้ไปกินข้าวพร้อมพีรัชอีก เลือกจะสั่งขึ้นมากินบนห้องทำงานเพียงลำพัง โดยมีเสียงซุบซิบจากคนรอบข้างดังเข้าหูเสมอจนนึกรำคาญ อยากเดินเข้าไปถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่ามีปัญหาอะไรกับเธอหรือเปล่า

เคลียร์กันเลยไหมจะได้จบสักที เบื่อกับการตกเป็นหัวข้อสนทนาแล้ว

“โดนทิ้งแน่เลย ตอนเที่ยงก็กินข้าวคนเดียว สมน้ำหน้าพวกชอบแย่งแฟนชาวบ้าน” เธอยังคงทำงานในหน้าที่ตัวเอง พยายามพูดปลอบใจไม่ให้เศร้าแล้วยังคงทำหน้าเชิดใส่คนพวกนั้นได้

“ทำงาน...ทำงาน...เงินสำคัญที่สุด”

ที่ทนอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อเงินอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นก็คงลาออกไปนานแล้ว

ช่วงบ่ายงานยังยุ่งเหมือนเดิม เธอแทบไม่ได้ละสายตาจากกหน้าจอเลยด้วยซ้ำ เห็นตัวเลขจนอยากอาเจียนก่อนได้จะถึงเวลาเลิกงานสักที ได้ยินคนรอบข้างพูดถึงเรื่องของชายที่ให้สถานะเธอเป็นแค่เพื่อนก็เงี่ยหูฟังโดยพยายามไม่แสดงอาการอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป

“เห็นพีพาแฟนมาที่ทำงานด้วยนะ” คราวนี้เธอถึงหูผึ่ง เพิ่งถามสถานะของเขาไปไม่นานอีกฝ่ายก็เปิดตัวแฟนทันที

รวดเร็วจนแทบไม่เชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำ

“หะ พีมีแฟนแล้วเหรอ” คนฟังอุทานด้วยความตกใจ เธอเองก็นั่งฟังแต่พยายามไม่แสดงสีหน้าเพราะคิดว่าตัวเองอาจโดนเอาไปนินทา

“น่าจะมีแหละ ตัวสูงขายาวผิวขาวหน้าสวยมาแต่ไกลเชียว ฉันเห็นแล้วยังชอบเลย หน้าแบบนางเอกละครหลังข่าว สวยจนต้องตกตะลึงมองตาค้าง” ไม่รู้ว่ากำลังพูดใส่หล่อนหรือเปล่าแต่เสียงดังมากกว่าเดิม

“พีก็หล่อ ควรได้แฟนสวยแหละ อย่าเอาเลยพวกที่ชอบแทงข้างหลัง”

คิดไว้ไม่มีผิด...

เธอแค่ถอนหายใจกับตัวเองเพราะรู้ดีว่าไม่มีใครมองตนเป็นคนดีอยู่แล้ว เก็บของลงกระเป๋าจนหมดแล้วลุกจากเก้าอี้ เดินออกจากแผนกเพื่อไปรอลิฟต์ซึ่งคนยืนอยู่หน้าประตูค่อนข้างแน่นพอสมควร จึงถอยหลังออกมารอให้คนอื่นเข้าไปหมดก่อน

“ตาล กลับบ้านเหรอ” แต่ไม่คิดว่าการรอลิฟต์ตัวต่อไป จะทำให้ได้พบกับพีรัชที่เดินเข้ามาทักทายกันจนทำตัวไม่ถูก

“ใช่” พยักหน้าตอบแล้วฝืนยิ้มให้เขา

“เราก็กำลังจะกลับเหมือนกัน...ให้ไปส่ง...” ชายหนุ่มเอ่ยถามเหมือนเป็นเรื่องปกติของพวกเรา ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าหล่อนคิดไม่ซื่อด้วย หญิงสาวคิดจะปฏิเสธเพราะไม่ต้องการเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาให้เจ็บปวด

หยุดไว้แค่สถานะเพื่อนน่าจะดีกว่า

เธอยังไม่ทันได้ตอบก็มีเสียงแทรกขึ้นมาก่อน พร้อมการปรากฏตัวของสาวสวยที่สูงราวนางแบบ หุ่นสะโอดสะองกับชุดรัดรูปที่สวมเน้นสัดส่วนจนเธอเป็นผู้หญิงด้วยกันยังเผลอมองตาค้าง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหน้าตาดีขนาดนี้

ออกแนวสาวหมวยเฉี่ยวที่แฝงแววเซ็กซี่อยู่ในตัว มองแล้วก็นึกชื่นชมก่อนเอามาเทียบกับตัวเอง แล้วคิดได้ทันทีว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว

“พี” เจ้าของชื่อหันไปมองคนที่เรียก ก่อนรอยยิ้มจะปรากฎที่ริมฝีปากแล้วยื่นไปจับมือคนมาใหม่ไว้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel