บท
ตั้งค่า

คนผู้นี้ไว้ใจไม่ได้

ยี่สิบปีที่แล้วที่ท่านเดินทางไปนอกเมืองและพบเด็กชายร่างเล็กสกปรกโสโครกที่วิ่งเข้ามาขโมยถุงเงินของท่านที่วางไว้ระหว่างรับประทานอาหารที่โรงเตี๊ยม ท่านจับเขามาไต่ถามได้ความว่าเป็นกำพร้า พ่อแม่ตายหมด ญาติพี่น้องก็ใจดำเหลือเกินมิมีผู้ใดยื่นมือเข้าช่วย เด็กน้อยจำต้องเอาตัวรอดโดยการลักเล็กขโมยน้อยไปวัน ๆ เพื่อประทังชีวิต

ท่านอาจารย์พาเด็กคนนั้นกลับมาที่สำนัก ถ่ายทอดวรยุทธ์และอบรมบ่มนิสัยให้เสียใหม่ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กชายแคระแกร็นเร่ร่อน ขี้ขโมยในวันนั้น จะกลายมาเป็นสุภาพบุรุษผู้มีวรยุทธ์และคุณธรรมแก่กล้า เป็นศิษย์เอกและหนึ่งในตรีเทพแห่งสำนักภูผาดำในวันนี้

ตรีเทพภูผาดำ คือตำแหน่งที่ถูกคัดเลือกมาเพียงสามคนที่ถือเป็นยอดแห่งการต่อสู้ โดยจะมีการประลองยุทธ์เพื่อคัดเลือกลำดับทุก ๆ ปี จากเหล่าศิษย์ทั้งหมดที่มีเป็นร้อย และสามคนนี้ก็จะถูกแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับคนอื่น ๆ

และกู่ฉางเล่อก็เป็นหนึ่งในสามนั้นและรั้งตำแหน่งอันดับหนึ่งมาถึงเป็นสิบปี ออกรบเคียงข้างท่านแม่ทัพเอกมาก็หลายครั้ง อาวุธถนัดสุดคือกระบี่แต่ก็ใช้ธนูได้ดีไม่แพ้ ทั้งยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยน จิตใจดี รูปร่าง สูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา ทว่าเมื่อ ถึงเวลาสู้รบเขาดุดันเด็ดขาดเป็นอย่างมาก ช่างสมบูรณ์แบบราวเทพมาจุติ

เขาทำให้ท่านอาจารย์ภูมิใจอย่างที่สุด มือหนึ่งของท่านยกมือขึ้นตบไหล่กำยำนั้นหนัก ๆ

“ ข้าภูมิใจในตัวเจ้าเหลือเกินฉางเล่อ หากวันข้างหน้าข้าเป็นอะไรไป ขอฝากสำนักให้เจ้าดูแลต่อด้วย ”

“ ต่อให้ท่านอาจารย์ไม่พูด ข้าก็ขอมอบความภักดีให้แก่สำนักภูผาดำ แม้ชีวิตและลมหายใจข้าก็ให้ได้โดยไม่ลังเล ท่านอาจารย์ได้โปรดวางใจ ”

“ ขอบใจมาก ถ้าเช่นนั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ ”

ณ ท้องพระโรงแห่งเมืองเหินเวหา

ร่างของสองบุรุษต่างวัยค่อยสืบเท้าเข้าไปสู่ด้านใน หนึ่งนั้นรูปร่างสันทัดแต่ก็ยังดูแข็งแรงทะมัดทะแมง อีกหนึ่ง สูงใหญ่ผึ่งผายกำยำเหนือชายอื่น ใบหน้าคมคาย ดวงตาคมกล้า

ทั้งคู่คุกเข่าลงคำนับชายผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงเบื้องหน้า

“ คารวะท่านเจ้าเมือง ”

“ ลุกขึ้นเถอะท่านอาจารย์หลี่ ส่วนพ่อหนุ่มข้าง ๆ นั่นเห็นจะเป็นกู่ฉางเล่อศิษย์เอกและหนึ่งในสามของตรีเทพภูผาดำที่ผู้คนร่ำลือกันว่ามากฝีมือชนิดหาตัวจับได้ยาก ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาแล้ว เจ้านี่มันช่างราวกับเทพจุติลงมาอย่างที่เขาพูดกันจริง ๆ ” ท่านเจ้าเมืองคนใหม่ว่าพร้อมรอยยิ้ม กู่ฉางเล่อเอ่ยตอบ

“ ท่านเจ้าเมืองชมเกินไปแล้ว กระหม่อมเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาชุบเลี้ยงและสั่งสอนอย่างเมตตาโดยท่านอาจารย์ ”

“ ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงต้องชมท่านอาจารย์หลี่สินะที่ปั้นดินให้เป็นดาวได้ ” เขาว่าพลางหัวเราะลั่น แต่ศิษย์กับอาจารย์นั้นทำเพียงยืนนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม

“ แหม ข้านี่ก็พูดจาเรื่อยเปื่อย เอาละ เข้าเรื่องกันเถอะ วันนี้ที่ชวนมาก็จะมาพูดคุยหารือกันแบบกันเอง ลุกขึ้นเถอะ ”

“ ขอบพระทัยท่านเจ้าเมือง ”

อาจารย์และศิษย์เอ่ยแล้วลุกขึ้นพร้อมกัน

กู่ฉางเล่อ ศิษย์เอกแห่งภูผาดำ ลอบมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ชั่วอึดใจหนึ่งก่อนคิดว้าวุ่นอยู่ในใจ

หงต้าเฉิน ทายาทแต่เพียงผู้เดียว โอรสผู้ที่ท่านเจ้าเมืองคนเก่ามิได้เคยสนใจใยดีผู้ดี หาได้มีราศีจับใด ๆ ไม่ แม้จะอยู่ในเครื่องทรงของเจ้าเมืองที่ตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อดี เครื่องประดับมีราคา แต่ดวงตาเฉี่ยวดุราวตาเหยี่ยว จมูกแคบ ริมฝีปากบางเฉียบที่เม้มสนิท โดยเฉพาะแววตาแข็งกร้าว มันทำให้เขารู้สึกว่าไร้เมตตา

แม้เห็นเพียงปราดเดียวเขาก็รู้สึกว่าคนผู้นี้ไว้ใจไม่ได้..

และคำว่า พูดคุยแบบกันเอง นั้น ช่างขัดกับกำลังทหารองครักษ์ที่จัดมาเฝ้าแน่นท้องพระโรง ล้วนแล้วแต่เป็นทหารแปลกหน้าที่เขาไม่คุ้นเคยทั้งสิ้น เหล่าขุนนางทั้งหลายเข้าเฝ้าเต็มอัตราทุกตำแหน่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel