สำนักภูผาดำ
ณ เมืองเหินเวหา
ริมเชิงผาสูง มีบ้านไม้หลังใหญ่ขนาดหลายห้องตั้งอยู่ ด้านหน้ามีลานกว้างเพื่อฝึกฝนและประลองยุทธ์ ล้อมรอบไปด้วยรั้วไม้ไผ่ดูแข็งแรงสวยงาม เสียงเคร้งคร้างดังเล็ดลอดออกมาไม่หยุดจากการประมือด้วยศาสตราวุธของเหล่าลูกศิษย์ลูกหาที่มาหาความรู้จากที่นี่ อันเป็นสถานที่ขึ้นชื่อว่าฉกาจฉกรรจ์นักเรื่องทักษะรบพุ่งและวรยุทธ์อันล้ำเลิศ
สำนักภูผาดำ คือชื่อของสถานที่แห่งนี้
โดยมีท่านเจ้าสำนักคือ หลี่ถิงเหวิน หรือที่ใคร ๆ ก็เรียกท่านว่าอาจารย์หลี่ วัยห้าสิบสาม ผู้สืบทอดสำนักภูผาดำจากบรรพบุรุษผู้เก่งกล้า ทำให้ที่แห่งนี้มีชื่อเสียง เป็นที่ไว้วางใจของเหล่าบิดามารดา ส่งบุตรหลานของตนเข้าศึกษาวรยุทธ์
สำนักแห่งนี้ริเริ่มเดิมทีมาจากท่านปู่ทวดของหลี่ถิงเหวิน ผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของท่านเจ้าเมือง เมื่อแก่ตัวลง ความที่ไม่อยากให้วรยุทธ์จางหายไปตามกาลท่านจึงรวบรวมบุตรหลานชายมาถ่ายทอดเคล็ดวิชา และความมีเมตตาทำให้ท่านเก็บเด็กชายเร่ร่อนที่ไร้พ่อขาดแม่มาชุบเลี้ยงจนเก่งกาจ บางคนเมื่อฝึกฝนแล้วก็ได้ออกไปเป็นทหารหาญรับใช้ชาติ บางคนก็เป็นถึงท่านแม่ทัพหลังจากนั้นก็มี
ชีวิตส่วนตัวของอาจารย์หลี่นั้น ท่านเป็นม่ายมาหลายปีนักด้วยว่าฮูหยินหลี่ได้เสียชีวิตตั้งแต่คลอด หลี่ถิงเฟย ผู้เป็นธิดาได้เพียงสองขวบปี ความรักปักใจทำให้ไม่เคยคิดหา ภรรยาใหม่ แต่ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมวรยุทธ์ให้กับเหล่าลูกศิษย์ลูกหา
รายได้ของสำนักภูผาดำมาจากการเก็บเบี้ยผู้มาขอรับการฝึกฝน ที่บิดามารดาต่างก็หวังให้บุตรของตนได้เข้ารับราชการทหาร มีตำแหน่งใหญ่โตในภายภาคหน้า และเป็นที่รู้กันดีว่าหากสำเร็จวิชารบพุ่งจากสำนักภูผาดำแล้วจะได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจเป็นพิเศษ
ท่านเจ้าเมืองและอาจารย์หลี่ต่างก็เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยเอื้อต่อกันและกัน ท่านเมตตาสำนักภูผาดำ เช่นเดียวกับที่อาจารย์หลี่ที่ให้ความรักเคารพนับถือท่านเจ้าเมืองและปวารณาจะรับใช้ด้วยชีวิต
แต่แล้วก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครา เมื่อท่านเจ้าเมืองคนเก่าได้สิ้นพระชนม์ลงกะทันหันและโอรสองค์เดียวของท่านคือ หงต้าเฉิน ก็ได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองต่อตามธรรมเนียม แม้จะเป็นโอรสที่ท่านไม่ยอมรับก็ตามที
และวันนี้ อาจารย์หลี่ และ กู่ฉางเล่อ ศิษย์เอกที่ถือเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่มีฝีมือที่สุดในสำนักภูผาดำก็กำลังเดินทางไปเข้าเฝ้าเพื่อประชุมปรึกษาหารือหลังพิธีรับตำแหน่งที่ดำเนินไปแล้วสามวันตามคำสั่งของท่านเจ้าเมือง
“ อาเล่อ ”
“ ขอรับท่านอาจารย์ ”
“ มีข่าวร่ำลือมาว่าท่านเจ้าเมืองคนใหม่นี้แตกต่างจากเดิมนัก ” ท่านอาจารย์เอ่ยอย่างหนักใจขณะที่กำลังจะขึ้นบนหลังม้า
“ เช่นไรหรือขอรับ ” ท่านถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะตอบกลับ
“ หงต้าเฉินผู้นี้หาได้เกิดจากชายาเอกไม่ แต่เป็นของนางบำเรอลับ ๆ ผู้หนึ่งที่ท่านเจ้าเมืองคนเก่ามิได้ใส่ใจใยดี ข่าวว่าหลังจากมีลูกกับนางแล้วท่านก็มิอาจมีบุตรธิดาอีกได้ บ้างก็ว่าท่านถูกวางยาจากนางผู้นั้น ”
“ จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือขอรับ ”
“ จะใช่หรือไม่ข้าก็มิอาจรู้ได้ แต่การที่ท่านเจ้าเมืองที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก จู่ ๆ ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์กะทันหัน ข้าก็ว่ามันแปลก ๆ ”
“ ท่านอาจารย์หมายความว่าพระองค์ทรงถูกลอบปลงพระชนม์เช่นนั้นหรือขอรับ ” ท่านอาจารย์ส่ายศีรษะ
“ ขอให้อย่าได้เป็นอย่างเช่นที่ข้าคิดเลย มิเช่นนั้นบ้านเมืองเราคงจะระส่ำระสาย แผ่นดินคงจะลุกเป็นไฟแน่ ๆ ”
“ ท่านอาจารย์วางใจเถอะขอรับ ตราบใดที่พวกเรา ชาวภูผาดำและข้ากู่ฉางเล่อยังอยู่ จะมิยอมให้ผู้ใดมาทำลายความสุขแผ่นดินนี้ แม้พวกเรามิใช่ทหารเต็มตัวแต่ก็รับใช้แผ่นดินหลายต่อหลายหนนัก ” เสียงทุ้มเอ่ยแน่นหนักท่านอาจารย์มองร่างสูงใหญ่ผึ่งผายสง่างามของศิษย์รักอย่างชื่นชม