บทที่ 4 เปราะบาง
ทินกรเดินมายังสวนด้านหลัง เห็นลูกสาวเจ้านายนั่งเล่นกับสุนัขอยู่ในสวน เขาสาวเท้ามาหยุดยืนตรงหน้า เห็นเธอเงยหน้ามาสบตาแล้วยิ้มกว้าง
“มาแล้วเหรอคะ” เธอถามน้ำเสียงอ่อนโยน
“ครับ”
“เชิญนั่งค่ะคุณทินกร”
ทินกรทรุดกายลงตรงข้าม รู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก พอเห็นใบหน้าของบุตรสาวเจ้านายแล้วทำเอานึกถึงใครบางคน ผู้หญิงที่อยู่ในหัวใจของเขาตลอดมา ไม่ขอครอบครอง แค่ได้ปกป้องดูแลเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
“ที่คุณหนูให้ไปสืบ ผมได้ข้อมูลมาตามนี้นะครับ” เขาบอก แล้วเปิดรูปจากมือถือให้ดู
เนตรดาวชะงักจ้องมองภาพเพื่อนตนเอง กำลังควงแขนหนุ่มรุ่นน้อง ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ทานข้าว จนกระทั่งหายไปในโรงแรมก็มี หญิงสาวสบตาลูกน้องพ่อสีหน้าเครียด
“สองคนได้เข้าไปด้านในหรือเปล่าคะ”
“เข้าไปครับ แต่ผมไม่ได้ตามไปนะครับ โรงแรมไม่ให้คนนอกเข้า”
“คุณอาคิดว่า... สองคนนี้ เป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงานไหมคะ” เนตรดาวถาม แม้รุ้คำตอบอยู่แล้ว
“ผมคิดว่าคุณหนูดูรู้นะครับ ไม่เช่นนั้นคงไม่ให้ผมตามสืบ”
เนตรดาวสีหน้าเครียดน้ำตาพาลเอ่อคลอ
“อย่าคิดมากไปเลยครับ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ”
“แต่ว่า...”
“อย่าเก็บเอาเรื่องของคนอื่นมาทำให้ตัวเองต้องปวดหัวเลยครับ รักเลิกเป็นสัจธรรม บางทีเขาสองคนอาจไม่ใช่คู่กัน”
เธอช้อนสายตามอง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แต่ถ้าเนตรพอจะทำให้สองคนไม่ต้องหมางใจกัน เนตรก็คงทำค่ะ”
“เราทำเท่าที่เราทำได้ก็พอครับ แต่อย่าเอาตัวลงไปยุ่งกับเรื่องนี้มากนะครับ เพราะอาจเกิดปัญหาภายหลัง บางทีคุณอรอาจจะแค่เล่นๆ กับหนุ่มคนนี้ก็ได้”
“ค่ะ เนตรคงทำได้แค่เตือนสติเพื่อน เพื่อไม่ให้ทุกอย่างสายไป พี่รามเองก็คงไม่ยอมถูกอรทรยศหักหลังหรอกค่ะ”
ชายวัยกลางคนยิ้มบางๆ นึกเอ็นดูที่คุณหนูเห็นใจผู้อื่นเสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนอย่างเขา
“ครับ ทำในสิ่งที่คุณหนูคิดว่าดีก็แล้วกันครับ”
เธอยิ้มเศร้า “ค่ะอา”
ทินกรลุกยืนกล่าวลาลูกสาวเจ้านายแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในบ้าน นันทวัฒน์เหลือบมองขณะภรรยากำลังผูกเนคไทให้อยู่ ชายชราขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าทิน ยัยเนตรก่อเรื่องอย่างนั้นเหรอ” นันทวัฒน์ถามลูกน้อง นลินีชะงักมือ แล้วมองลูกน้องสามีก่อนหันไปสนใจเนคไทต่อ
“อ๋อ เปล่าครับ คุณหนูแค่ให้ผมช่วยสืบเรื่องใครบางคนน่ะครับ”
นันทวัฒน์พยักหน้าช้าๆ “แล้วได้เรื่องไหมล่ะ”
“ครับ”
“เรียบแล้วแล้วค่ะ” นลินีบอกขณะจัดเนคไทเรียบร้อย แล้วเหลือบมองไปยังชายอีกคนก่อนเดินเลี่ยงไป
ทินกรนิ่งเงียบ เก็บความรู้สึกเอาไว้ภายใน เพียงเท่านี้ก็ดีมากแล้ว
“ไปกันเถอะ” นันทวัฒน์บอกแล้วเดินออกจากตัวบ้าน
ขณะขับรถ ประธานบริษัทไดเนอร์กรุ๊ปหยิบแฟ้มเอกสารเปิดอ่าน สีหน้าเคร่งเครียด จรดปากกาเซ็นเสร็จปิดแฟ้มลง แล้วมองลูกน้อง
“เนตรให้ไปสืบเรื่องของใครเหรอทิน” เขาถามลูกน้องเสียงหนัก
“เรื่องของคุณอรครับ”
“มีปัญหาอย่างนั้นเหรอ ไหนว่าจะแต่งงานอีกไม่กี่วันนี้แล้ว”
“เหมือนว่าเธอจะมีคนอื่นน่ะครับ คุณหนูเลยเป็นห่วง”
นันทวัฒน์สีหน้าเครียดขึ้น เพราะครอบครัวตนเองสนิทกับครอบครัวของพิรามมากทีเดียว ทั้งพิรามและยัยเนตรสนิทสนมกันสมัยมัธยม ความจริงเขาอยากให้ทั้งสองคบหาแต่งงานกันเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าอรนิสาเพื่อนของลูกจะเข้ามาแทรกระหว่างสองคนได้ เขาจำต้องปล่อยเลยตามเลย เรื่องของหัวใจคงบังคับกันไม่ได้ ไม่อยากฝืนใจลูก ภานุพงษ์เองก็เป็นคนดี ฐานะทางบ้านไม่ได้ด้อยกว่าเราสักเท่าไหร่ จึงพอยอมรับได้ ถึงแฟนลูกจะเทียบกับพิรามไม่ได้ก็ตาม
“ความจริงเรื่องนี้ยัยเนตรก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องเอาเสียเปล่าๆ!”
“ผมเตือนคุณหนูแล้วครับ”
ชายชราเหลือบมองวิวด้านนอก เรื่องของเด็ก คงต้องปล่อยไป จะโกรธเกลียดกัน หรือรักกันดี ก็คงไม่ทำให้ธุรกิจของเขามีปัญหาหรอก ลูกโตแล้ว คงต้องปล่อยให้จัดการปัญหาของตัวเองไป
“อืม... เราก็คงทำได้แค่เฝ้ามองเท่านั้นล่ะทิน” เขาทิ้งท้าย
“ใช่ครับ” ทินกรตอบรับ
รถยนต์จอดตรงลานกว้างในคอนโด เนตรดาวลงมาแล้วสาวเท้าไปยังลิฟท์ เพราะคุ้นเคยกับที่นี่ดี่พนักงานเลยไม่ได้ให้ความสนใจกับหญิงสาวสักเท่าไหร่ มาถึงชั้นสิบ เธอออกจากลิฟท์แล้วมาหยุดยืนตรงหน้าห้อง ครุ่นคิดตรึกตรองพักใหญ่ ก่อนตามรูมเซอร์วิสด้านล่างให้มาส่งอาหาร ถ้าหากเคาะไป เพื่อนอาจไม่ยอมเปิดรับก็ได้
พนักงานมายืนอยู่แล้วกดกริ่ง รอให้เจ้าของห้องออกมา พักใหญ่ประตูเปิดออก ชายหนุ่มในชุดคลุมคือคนมารอรับ เธอเดินมาเผชิญหน้า ทำเอาดนัยภพหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที
“ใครมาเหรอภพ” เสียงด้านในตะโกนถาม
ดนัยภพนิ่งเงียบ ไม่อาจขยับไปไหนราวกับถูกสาป จนเจ้าของห้องต้องออกมา อรนิสาตะลึงงัน ร่างกายชาวาบ เหมือนตนเองกำลังเจอกับบางอย่างที่อันตรายอย่างยิ่งยวด ริมฝีปากสั่นระริก มือชื่อเหงื่อ ใบหน้าเริ่มไม่มีเลือดฝาด ดวงตากลมโตหรี่ลงจ้องมองสองคน เธอคงไม่ต้องได้ยินคำอธิบายอะไรอีกแล้ว
“นะ...เนตรมาได้ยังไง” คนถามเสียงสั่น
“เนตรเข้าไปได้ไหม” หญิงสาวถาม แต่ไม่รอให้อนุญาต เดินเข้าในห้องทันที
เนตรดาววางกระเป๋าไว้ตรงโต๊ะด้านหน้า แล้วมองเพื่อนกับผู้ชายอีกคนหย่อนกายลงตรงข้าม แววตาสองคนหม่นลงในทันใด เธอรู้ว่าไม่ควรเข้ามายุ่ง แต่มันอดไม่ได้จริงๆ ทำไมเพื่อนทำแบบนี้
“ไหนอรบอกว่าเป็นแค่รุ่นน้อง ไม่ใช่ชายแท้” เธอถามเสียงเครียด มองเพื่อนแววตาผิดหวัง
ดนัยภพชะงัก แล้วรีบแสร้งวาดขามาไขว่ไว้ จีบปากจีบคอ ทว่าคนมองกลับรู้ทัน เธอสืบมาหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มาที่นี่
“ผมไม่ใช่ชายแท้หรอกนะครับ ผมชอบผู้ชาย พอดีคืนนี้มาพักที่คอนโดพี่อรน่ะครับ”
“ไม่ต้องเสแสร้งหรอก เพราะฉันรู้หมดแล้วว่าเธอไม่ใช่ประเภทชายรักชายอย่างที่ปากพูด!” เนตรดาวย้อนสีหน้าไม่พอใจ
อรนิสากุมมือรุ่นน้องไว้เพื่อให้สงบ แล้วเหลือบมองเพื่อน
“ใช่! มันเป็นอย่างที่เนตรคิดนั่นแหละ แล้วยังไง! ในเมื่ออรก็แค่อยากสนุกบ้าง พี่รามไม่เคยสนใจอรในเรื่องแบบนี้เลย เอาแต่ทำงานรักษาคนไข้ พออรแต่งงานอรจะหยุดทุกอย่าง” เธอระบายลมหายใจ “เรื่องนี้เนตรไม่ควรมายุ่ง มันเป็นเรื่องของอรกับพี่ราม เนตรเข้าใจใช่ไหม!”
เนตรดาวเม้มริมฝีปาก เข้าใจความหมายเพื่อนดี
“เนตรเข้าใจ อรไม่ต้องย้ำหรอก เนตรแค่อยากเตือนสติอรเท่านั้น อรคิดว่าเรื่องแบบนี้จะปิดได้ตลอดไปงั้นเหรอ ถ้าพี่รามรู้ มันจะเกิดอะไรขึ้น!”
“อรรู้อยู่แล้วเนตร ไม่ต้องห่วงหรอก พี่รามไม่มีวันรู้เรื่องนี้!” อรนิสาย้ำชัดเจน
คนฟังกัดฟัน สงสารพี่รามขึ้นมา รักกันขนาดไหนถึงได้ทรยศแบบนี้ สีหน้าท่าทางไม่ได้มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใด
“อรจะแต่งงานอยู่แล้ว ควรคิดถึงความรู้สึกพี่รามให้มากๆ พี่รามคือพี่ที่เนตรนับถือ อรก็รู้ อรกับพี่รามรู้จักกันก็เพราะเนตรแนะนำ อรทำแบบนี้ เท่ากับอรไม่ให้เกียรติพี่รามไม่ให้เกียรติตัวเองรู้ไหม” เธอบอกเพื่อนเสียงสั่น น้ำตาคลอ
อรนิสารู้สึกผิดขึ้นมา ดึงมือเพื่อนมากุมไว้
“อรรู้แล้ว อรผิดเอง อรจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนแต่งงาน ขอแค่เนตรเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่บอกพี่รามนะ อรจะไม่ทำผิดอีกแล้ว” อรนิสาขอร้องเสียงเครียด
“เนตรไม่คิดจะบอกพี่รามอยู่แล้ว อรจัดการให้เรียบร้อยก็แล้วกัน เนตรแค่มาเตือนอรเท่านั้น จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันอยู่ที่ตัวอรแล้ว”