บทที่ 3 เปราะบาง
ร้านอาหารที่เดิม เนตรดาวหย่อนกายลงบนเก้าอี้บุนวม แล้วสั่งกาแฟเพื่อรอเพื่อน ราวสิบนาทีประตูร้านเปิดออก อรนิสาสาวเท้ามาแล้วนั่งลงตรงข้ามสีหน้าเหนื่อยอ่อน เมื่อสบตาเพื่อนเธอจึงรีบปรับสีหน้า แล้วยิ้มกว้าง
“ขอโทษที่นัดมาช่วงมีงานนะอร” เนตรดาวบอกเสียงแผ่ว เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนดูเหนื่อยกว่าทุกวัน
“ไม่เป็นไร เนตรเองก็รับงานเยอะ ไหนจะงานที่บริษัท ไหนจะงานพิเศษอีก มันต้องเหนื่อยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
เธอเอื้อมแตะมือเพื่อนแผ่วเบา “อย่าหักโหมมากนักนะ งานแต่งอีกไม่กี่วัน เดี๋ยวจะไม่มีแรงเอา”
“อรอยากเก็บเงินไว้สร้างครอบครัวกับพี่รามน่ะ”
เนตรดาวพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ “จ้ะอร เนตรรู้”
“แล้วเนตรนัดอรมาวันนี้มีอะไรหรือเปล่าล่ะ”
หญิงสาวชะงักเล็กน้อย แล้วสบตาเพื่อนสีหน้าเครียดขึ้น
“เนตรอยากถามอรสักเรื่องหนึ่งได้ไหม”
อรนิสาหน้าเผือดลง แล้วช้อนสายตามองเพื่อน
“ได้สิ” เธอตอบรับเสียงแผ่ว ราวกับไม่ต้องการให้เพื่อนรับรู้บางอย่าง
“ผู้ชายที่เนตรเจอที่ร้านเมื่อวันก่อน เป็นใครเหรอ”
“รุ่นน้องที่ทำงานไงเนตร อรบอกไปแล้วนี่!” อรนิสาเสียงสูง เหมือนต้องการกลบเกลื่อน
“แน่ใจเหรอ”
“แน่ใจสิ!”
“แล้วทำไมอรต้องควงแขนด้วย” เนตรดาวย้อนเสียงหนัก
“อรควงแขนภพเป็นปกติอยู่แล้ว ก็รุ่นน้องอรไม่ใช่ชายแท้ แต่เขาพยายามแอ๊บแมนอยู่!” เธอแก้ตัวเสียงสั่น
เนตรดาวสบตาเพื่อน กลับเห็นความกังวลและหวาดหวั่นในนั้น มันใช่อย่างที่พูดจริงงั้นเหรอ
“เป็นแบบนี้เองเหรอ” เธอแสร้งเข้าใจสิ่งที่เพื่อนอธิบาย
“ใช่จ้ะ”
“ถ้าแบบนี้ เนตรก็เบาใจหน่อย ไม่อยากให้อรกับพี่รามต้องทะเลาะกัน ยังไงเนตรก็อยากไปงานแต่งของอรกับพี่รามอยู่เสมอนะ” เธอบอก แล้วยิ้มกว้าง ไม่ว่าเรื่องของอรนิสากับรุ่นน้องคนนั้นเป็นยังไง เธอก็ยังอยากให้เพื่อนเลือกพี่ราม
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ เนตรได้ไปงานของอรกับพี่รามแน่นอน!” อรนิสายืนยันหนักแน่น
“ถ้าไม่มีอะไรเนตรดีใจแล้วอร อรเป็นห่วงเนตรกับพี่รามมากนะ”
“ขอบใจมากนะเนตร แต่ไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีอะไรมาทำลายความสัมพันธ์ของอรกับพี่รามได้แน่นอน”
กาแฟถูกนำมาเสริฟ์ อรนิสาสั่งอาหารสองสามอย่าง พร้อมขนมหวาน สองสาวพูดคุยเรื่องงานและทั่วไป ทว่าในความรู้สึกของเนตรดาวนั้น แววตาของเพื่อนมีความจริงซ่อนเร้น เธอไม่ได้อยากรู้ แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่อยากให้พี่รามต้องถูกเพื่อนทำให้เจ็บปวด ควรตามสืบสักหน่อยดีกว่า
ประตูห้องทำงานเปิดออก เนตรดาวเงยหน้ามองชายในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางยีนส์ เธอลุกออกจากเก้าอี้ทำงาน แล้วผายมือเชิญให้ชายคนนั้นนั่งลงบนโซฟาในห้องทำงาน
“เชิญนั่งก่อนค่ะคุณอา” เธอบอกเสียงหวาน
“ขอบคุณครับ” เขาตอบรับแล้วหย่อนกายลงตรงข้าม
เนตรดาวระบายลมหายใจเล็กน้อย แล้วส่งรูปเพื่อนสาวให้ทางไลน์
“อยากให้ช่วยตามสืบเรื่องของผู้หญิงคนนี้ให้หน่อยค่ะ แค่จับตาดูว่าหนึ่งอาทิตย์ เธอไปไหนทำอะไรบ้าง”
“คนนี้เหรอครับ?”
คนถูกย้อนถามพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ จะได้ไปทำงานให้คุณหนูเลย”
“ค่ะ” เนตรดาวลุกยืน แล้วเดินตามไปส่ง
จังหวะเดียวกับหน้าประตูแฟนหนุ่มเหลียวมองไปยังนักสืบที่เธอจ้างมา ก่อนเดินเข้ามาด้านในห้องทำงาน ภานุพงษ์หย่อนกายลงบนโซฟา แล้วสบตาคนรักสีหน้าสงสัย
“ใครหรือครับเนตร” เขาถามเสียงทุ้ม
“อ๋อ คุณทินกรน่ะค่ะ”
“คนสนิทคุณพ่อน่ะเหรอ” ภานุพงษ์ย้อนถาม จำได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นบอดี้การ์ดของคุณนันทวัฒน์พ่อของแฟน
“ใช่ค่ะ”
“แล้วเขามาทำไมเหรอครับ”
เนตรดาวอึกอักเล็กน้อย ก่อนเดินมานั่งลงข้างเขา
“เนตรมีเรื่องอยากให้คุณทินกรช่วยสักหน่อย” เธอตอบเลี่ยง ไม่อยากให้เขาล่วงรู้เรื่องที่ตนเองให้ไปสืบ พี่พงษ์คงไม่เห็นด้วยแน่
ภานุพงษ์ประติดประต่อเรื่องราว พอเข้าใจได้ลางๆ กับเรื่องที่เนตรให้ทินกรช่วยเหลือ และมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วยเลยสักนิด
“อย่าบอกนะครับว่า เรื่องที่ให้คุณทินกรช่วยคือเรื่องของอร!” น้ำเสียงชายหนุ่มบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
หญิงสาวหน้าเจือนลง ก็แค่อยากช่วยให้สองคนคืนดีกัน ถ้าหากเพื่อนทำผิดจริง เธอได้ตักเตือน อาจทันการณ์ หากถลำลึกมากไปกว่านี้อรกับพี่รามคงแย่แน่ จากสีหน้าแน่ใจว่าเนตรดาวคงตั้งใจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสองคนนั้นจริง ไม่ชอบใจเลย ยิ่งพิรามเขายิ่งรู้สึกไม่ถูกชะตา หมอนั่นทำราวกับว่ากำลังหลงรักแฟนเขาอยู่ แต่เมื่อรู้ข่าวเรื่องแต่งงานมันทำให้โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
แต่ถ้าอรนิสากำลังมีคนอื่น มันคงเป็นเรื่องแย่สำหรับเขา เนตรคงสงสารหมอนั่น และเข้าไปดูแล จนหลงลืมแฟนตัวเองก็เป็นได้ นี่ขนาดมีเขาอยู่ ยังใส่ใจถึงขนาดนี้
“พี่เตือนแล้วใช่ไหมครับว่าเนตรไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้!” เขาส่งเสียงดุ
“เนตรแค่ไม่อยากให้สองคนเลิกกัน” คนถูกดุตอบเสียงอ่อย ถ้ารู้ความจริงเร็ว เธออาจเตือนสติเพื่อนได้ สองคนได้ไม่ต้องเลิกรากัน
“เขาจะเลิกหรือไม่เลิก มันก็ไม่เกี่ยวกับเนตร มันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวมาก เราอาจถูกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่พอใจก็ได้นะเนตร!”
เธอส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ สองคนนั้นสนิทกับเนตร อีกอย่างถึงเนตรรู้ เนตรก็ไม่บอกหรอกค่ะ เนตรแค่ต้องการช่วยอร ไม่ให้ทำร้ายพี่รามเท่านั้นเอง เนตรรู้ดีค่ะว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เนตรก็ทำใจปล่อยไปไม่ได้จริงๆ” เห็นสีหน้าพี่รามแล้ว ทำเอาเธออดสงสารไม่ได้
ภานุพงษ์ระบายลมหายใจด้วยความหงุดหงิด ทำไมต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับไอ้หมอนั่นตลอด ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ แต่หากตนโวยวายมากกว่านี้ เนตรอาจโกรธเอาก็ได้
“ก็ได้ สืบมาได้เรื่องแล้วก็อย่าเอาไปบอกใคร คุยกับอรก็พอ รู้เรื่องก็ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขาแล้วรู้ไหม” เขาบอกน้ำเสียงอ่อนลง
เธอยิ้มกว้าง แล้วควงแขนซบศีรษะกับไหล่หนา
“ค่ะพี่พงษ์”