5 เวลาไม่เคยหวนกลับ
เมื่อเดินจนเหนื่อยแต่เอวาริณยังไม่ยอมเลือกของขวัญวันเกิดธีรกานต์เลยจูงมือเธอมายังร้านจำหน่ายนาฬิกาและเป็นคนเลือกให้เธอสองเรือน เรือนหนึ่งเป็นนาฬิกาแบบวัยรุ่นสีฟ้าสดใส อีกเรือนเป็นนาฬิกาสีโรสโกลด์ดูเป็นผู้ใหญ่
“ทำไมต้องซื้อถึงสองเรือนคะ” เอวาริณถามขณะที่ตักไอศกรีมรสชาติโปรดเข้าปาก
“เรือนหนึ่งของปีนี้อีกเรือนของปีหน้า”
“แล้วปีถัดไปล่ะคะ”
“ไม่โลภเลยนะเรา ปีถัดไปก็ค่อยว่ากันอีกที”
“พี่กานต์จะไม่ลืมวันเกิดเอวาใช่ไหม”
“ถามทำไม กลัวพี่ลืมเหรอ”
“ค่ะ ถ้าพี่เรียนเฉพาะทางก็คงไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหมคะ”
“คนเรามีเวลาเท่ากันนะ อยู่ที่จะบริหารเวลายังไงให้ชีวิตบาลานซ์ เอวาก็เหมือนกันไปเรียนที่นั่นเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ก็ต้องพยายามปรับตัวและแบ่งเวลาให้ได้” ธีรกานต์สอนเด็กสาวเพราะตนเองเคยมีปัญหาเรื่องแบ่งเวลามาก่อน
“เอวาคงคิดถึงพี่กานต์กับพี่กันต์มากๆ แน่เลยค่ะ”
“คิดถึงก็โทรมาหรือจะเมลมาก็ได้”
“เมลมาดีกว่าพี่ว่างตอนไหนก็ค่อยตอบ”
“ได้สิแต่ถ้าตอบช้าอย่าว่ากันนะ”
“ไม่หรอกค่ะ”
เอวาริณไม่รู้ว่าตนเองจะมีโอกาสได้กลับมาเจอกับพี่ชายใจดีอีกเมื่อไหร่ เด็กสาวไม่อยากไปกับครอบครัวเลยแต่ถ้าเลือกอยู่เมืองไทยก็ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านคุณยายที่อัมพวาและก็คงไม่ได้เจอกับธีรกานต์บ่อยๆ เธออยากอยู่ใกล้กับเขาไม่ใช่เพราะเห็นว่าเขาเป็นพี่ชายใจดีอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เอวาริณคิดว่าตนเองกำลังรักเขาเหมือนที่ผู้หญิงรักผู้ชาย
เด็กสาวไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครเพราะกลัวจะโดนดุ อีกอย่างตอนนี้ธีรกานต์ก็ยังไม่มีแฟนเธอจึงอยากจะรอให้ตัวเองโตกว่านี้แล้วค่อยบอกความรู้สึกของตนเองออกไป
ระหว่างทางนั่งทานไอศกรีมกันอยู่ธีรกานต์ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแต่เขาไม่ได้เอามือถือไปด้วยแล้วบังเอิญว่ามีเสียงข้อความดังเข้ามาเอวาริณไม่อยากเสียมารยาทแต่เสียงข้อความก็ดังไม่หยุดเด็กสาวจึงชะโงกหน้ามาอ่านในขณะที่หน้าจอยังล็อกอยู่ ข้อความส่วนใหญ่ก็เป็นข้อความอวยพรวันเกิดแต่เธอสะดุดกับข้อความหนึ่งที่เด้งมาท้ายสุด
‘หมอกานต์ขา คืนนี้มาหาวิกกี้ที่ห้องนะคะ วิกกี้จะเอาตัวเองผูกโบเป็นของขวัญวันเกิดให้หมอกานต์ รอนะคะ’
เด็กสาวอ่านข้อความแล้วเบะปาก เธอไม่ชอบเลยที่มีคนส่งข้อความมาหาธีรกานต์แบบนี้ ความรู้สึกมันหน่วงๆ และไม่อยากให้ธีรกานต์ออกไปหาเจ้าของข้อความนั้นเลย
“เป็นอะไรทำหน้าบึ้งเชียว”
“เปล่าค่ะเรากลับกันเถอะเอวาอิ่มแล้ว
ทั้งสองคนกลับมาถึงที่บ้านก็แยกย้ายเข้าบ้านของตนเองเพราะยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่างานวันเกิดจะเริ่ม
เอวาริณโทรศัพท์ไปหาเพื่อนเพื่อเล่าเรื่องข้อความที่มีคนส่งถึงธีรกานต์ให้ฟัง
“เราไม่ชอบเลยกวาง”
“ไม่ชอบแล้วจะะทำอะไรได้ล่ะ พี่ชายของเอวาเขาโตแล้วเขาก็ต้องมีแฟน มีคนรักปกติจะตายพี่ชายของเราอยู่แค่ปีหนึ่งยังมีแฟนมาแล้วตั้งหลายคนเลยเอวา”
“เราไม่อยากให้พี่กานต์มีแฟน” แม้ที่ผ่านมาธีรกานต์จะมีแฟนมาแล้วหลายคนแต่ตอนนั้นเอวาริณยังเด็กซึ่งมันต่างจากตอนนี้ที่เธอเริ่มมองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่พี่ชายอย่างเคย
“อย่าบอกนะว่าแอบรักพี่ชายตัวเอง”
“มันผิดมากไหมกวาง”
“ไม่น่าจะผิดนะไม่ใช่พี่ชายจริงๆ สักหน่อย อีกอย่างพี่กานต์ของเอวาก็หล่อมากๆ ใครอยู่ใกล้ก็ต้องหลงรัก”
“เราว่าจะสารภาพกับพี่กานต์ว่าเราชอบเขาดีไหมกวาง”
“ไม่กลัวโดนปฏิเสธเหรอเอวา” กรวีถามด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ
“ตอนแรกเราก็ไม่อยากบอกเขาหรอกแต่เราไม่อยากให้เขาออกไปหาผู้หญิงคนนั้น แต่พอลองคิดดูเราว่าบอกไปเลยก็ดีอีกไม่กี่เดือนเราก็ต้องย้ายไปอยู่อังกฤษแล้ว”
“ถ้าจะไม่ได้เจอกันแล้วบอกไปก็ดีเหมือนกันนะ” กรวีเริ่มเห็นด้วยกับเพื่อน
เมื่อตัดสินใจได้แล้วเอวาริณก็เรียบเรียงคำพูดและคิดว่าจะบอกเขาหลังจากฉลองวันเกิดเสร็จ
งานวันเกิดผ่านไปอย่างอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง ปีนี้เอวาริณได้ของขวัญชิ้นใหญ่เพราะเป็นปีที่เด็กสาวจะเปลี่ยนคำนำหน้าจากเด็กหญิงมาเป็นนางสาวและทุกคนก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้มาฉลองพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้อีก
หลังเป่าเค้กเสร็จทุกคนก็ยังนั่งพูดคุยกันต่อแต่ธีรกานต์ขอตัวก่อนเพราะนัดกับเพื่อนว่าจะออกไปฉลองด้วยกัน
“พี่กานต์จะไปไหนคะ” เอวาริณรีบวิ่งตามมาที่รถ
“พี่นัดเพื่อนไว้ เอวามีอะไรหรือเปล่า”
“ขอคุยด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิแต่อย่านานนะ”
เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนเด็กสาวก็ร้อนใจเพราะคิดว่าชายหนุ่มคงจะรีบออกไปหาผู้หญิงที่ส่งข้อความมา
“เอวาอยากขอของขวัญพี่กานต์อย่างได้ไหมคะ”
“ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเห็นพี่ใจดีมากหรือไงถึงได้กล้าขออีก” ธีรกานต์มองหน้าคนขอแล้วยิ้ม
“เอวากล้าขอแล้วพี่กานต์ล่ะคะกล้าให้หรือเปล่า”
“ทำเป็นท้าทายนะ น้องขอทั้งทีมีหรือพี่จะไม่กล้าให้”
“แน่นะคะ”
“แน่สิ รีบขอมาเลยเดี๋ยวพี่เปลี่ยนใจไม่รู้ด้วยนะ”
“เอวาขอเป็นแฟนพี่กานต์ได้ไหมคะ”
“อะไรนะ พูดใหม่อีกทีสิ” เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินนั้นถูกต้องแค่ไหน
“เอวาขอเป็นแฟนพี่กานต์ได้ไหมคะ” เด็กสาวพูดย้ำอีกครั้งด้วยท่าทางแน่แน่ว
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้ค่ะ”
“รู้แล้วทำไมยังพูด”
“พี่กานต์โกรธเหรอคะ”
“มันน่าโกรธไหมล่ะ เอวายังเด็กอยู่แล้วมาพูดแบบนี้ได้ยังไง คนอื่นมาฟังเขาจะว่าเราเป็นเด็กแก่แดดนะ” ชายหนุ่มเตือนด้วยความหวังดีเพราะเขาเห็นเอวาริณเป็นเหมือนคนในครอบครัว
“แก่แดดที่ไหนเพื่อนเอวาก็มีแฟนกันหมดแล้ว พี่กานต์อย่าพยายามเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาก่อนว่าตกลงไหม”
“พี่ไม่ตกลง”
“ไหนสัญญาว่าจะให้ตามที่เอวาขอ”
“ก็ใครจะคิดว่าจะขอแบบนี้”
“แล้วตกลงไหมคะ”
“พี่ว่าเอวายังเด็กอยู่เอาไว้เรียนจบค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ดีไหม” ธีรกานต์บอกไปแบบนั้นเพราะคิดว่าถ้าเอวาริณไปอยู่ที่อังกฤษและได้เจอเพื่อนใหม่สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ความคิดของเธอก็คงจะเปลี่ยนไปเอง
“เอวาชอบพี่กานต์จริงๆ นะคะ”
“ทำไมถึงชอบ” ที่เขาถามเพราะช่วงหลายปีมานี้เขากับเธอไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ผิดกับน้องชายของเขาที่สนิทเอวาริณมากกว่าตนเอง
“เพราะพี่กานต์หล่อ ใจดีเรียนเก่ง” เธอตอบไปตามที่ตนเองรู้สึกนั่นยิ่งทำให้คนฟังยิ้ม
“พี่ว่าเอวากำลังสับสนนะ เพราะคนเราจะเป็นแฟนกันมันต้องมีความรู้สึกรักด้วย แต่ที่เอวาตอบพี่นั่นมันเหมือนการชื่นชมเหมือนกับเราชื่นชอบดารานักร้อง”
“แล้วความรักคืออะไรคะ”
“ถ้าโตขึ้นเอวาก็จะเข้าใจเอง ตอนนี้หน้าที่ของเราคือเรียนให้จบ” ที่ธีรกานต์ไม่ตอบว่าความรักคืออะไรเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและรู้สึกยังไง ที่ผ่านมาเขาก็คิดว่าตนเองเข้าใจความรักดีแต่ความรักของตนก็จบลงอย่างรวดเร็วทุกครั้งชายหนุ่มจึงไม่กล้าตอบคำถามของเด็กสาวว่าความรักคืออะไร
“พี่จะไม่เป็นแฟนเอวาจริงๆ เหรอคะ”
“ถ้าอยากเป็นแฟนพี่ก็ต้องเรียนให้จบ” เขาพูดแล้วทำท่าจะปิดประตูรถ
“พี่ีกานต์จะไปจริงๆ ใช่ไหม”
“ใช่สิ พี่นัดเพื่อนไปแล้วเราก็ได้ยินนี่”
“แล้วพี่จะกลับมานอนที่บ้านไหมคะ” เธอกลัวว่าเขาจะออกไปค้างกับผู้หญิงที่ส่งข้อความมา
“ก็ต้องกลับสิ เราก็ถามแปลกจัง พี่จะไปจริงๆ แล้วไม่อยากให้เพื่อนรอนาน”
เอวาริณถอยออกจากรถและมองเขาขับออกไปจนลับสายตา เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียธีรกานต์ไปให้กับผู้หญิงที่วิกกี้