3 พี่ชายใจดี
งานวันเกิดถูกจัดขึ้นขึ้นพร้อมกันทุกๆ ปี ถึงแม้ธีรกานต์จะไปอยู่ที่หอพักระหว่างเรียนแพทย์เขาก็ถูกบังคับให้กลับมาฉลองวันเกิดที่บ้านและก็เป็นเช่นเคยที่เขาจะมีของขวัญมาให้กับเด็กน้อยตลอด แม้ช่วงหลังจะเรียนและทำงานอย่างหนักเขาก็โอนเงินให้เธอไปเลือกซื้อของขวัญเอง ตอนนี้เอวาริณโตขึ้นกว่าเดิมมากและไม่ใช่เด็กน้อยที่เขาอุ้มได้อีกต่อไปแล้ว
ธีรกานต์เรียนจบแพทย์และกำลังใช้ทุนอยู่ที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดขณะที่เอวาริณก็เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว
“พี่กานต์จะอยู่กรุงเทพกี่วันคะ”
“อยู่ถึงวันอาทิตย์”
“เช้าวันเสาร์พี่กานต์พาเอวาไปกินไอติมได้ไหมคะ เอวาชวนพี่กันต์แล้วพี่กันต์ไม่ว่าง”
“แล้วทำไมพี่ต้องไปกับเธอด้วยล่ะ”
“ก็พี่กานต์เป็นคนใจดีที่สุด เอวาจะให้พี่กานต์ไปเลือกของขวัญวันเกิดด้วยค่ะ เอวาเก็บตังไว้แล้ว”
“พี่ไม่อยากได้อะไรหรอก เอวาเก็บเงินไว้เถอะ”
“แต่เอวาตั้งใจแล้วนี่คะ”
“เรายังเรียนอยู่เลยนะ”
“ไม่ซื้อของขวัญให้ก็ได้ค่ะ แล้วเรื่องไปกินไอติมล่ะคะ พาเอวาไปหน่อยนะ เอวาอยากกินจริงๆ” ตั้งแต่เขาไปเรียนเด็กสาวก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับเขาเหมือนแต่ก่อนพอมีโอกาสก็เลยอยากจะอ้อนพี่ชาย
“ก็ได้ แต่ต้องรีบไปรีบกลับนะ ตอนเย็นเราต้องกลับมางานวันเกิด”
“ได้ค่ะ เอวาเรียนพิเศษเลิกเที่ยงพี่กานต์ไปรับที่โรงเรียนได้ไหม เรียนเสร็จก็ไปกินไอติมกันเลย” เธอวางแผนอย่างเสร็จสรรพเพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ออกไปกับธีรกานต์
“แล้วเรียนที่ไหนล่ะ”
“สยามค่ะ”
“อือ”
เช้าวันเสาร์ธีรกานต์และเอวาริณตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาตักบาตรหน้าบ้านจากนั้นเด็กสาวก็ไปเรียนพิเศษขณะที่ชายหนุ่มก็นอนพักอยู่บ้านจนกระทั่งถึงเวลาไปรับเอวาริณ
“ไม่ต้องรีบกลับนะกานต์ งานเริ่มหกโมงเย็น พาน้องไปเดินเที่ยวให้สนุก ถ้าน้องอยากได้อะไรก็ซื้อให้น้องด้วยนะ” มารดาของชายหนุ่มสั่ง
“ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ต้องตามใจเอวาตลอด” ภาพที่ธีรกานต์จำได้คือมารดาของตนเองนั้นรักและตามใจลูกสาวของเพื่อนบ้านคนนี้มาก
“ก็หนูเอวาน่ารักช่างอ้อน อีกอย่างก็นานแล้วนะที่กานต์ไม่ได้พาน้องออกไปเที่ยว”
“ผมต้องทำงานนี่ครับแม่”
“แม่ถึงบอกไงล่ะว่าวันนี้มีเวลาก็พาน้องเที่ยวด้วยอีกหน่อยถ้าเรียนเฉพาะทางเราคงยุ่งกว่านี้”
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐบาลและวางแผนเอาไว้ว่าใช้ทุนจนครบแล้วจะเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง
“ก็ได้ครับ แม่อยากได้อะไรไหมผมจะซื้อมาฝาก”
“ถ้านึกออกแม่จะโทรไปบอกจ้ะ กานต์รีบไปเถอะเดี๋ยวน้องจะรอนาน”
“ครับแม่”
“นัดเจอกันที่ไหนน้องได้บอกหรือเปล่า”
“หน้าโรงเรียนครับแม่”
“ไปกับน้องก็อย่าทำหน้าบึ้งนะเดี๋ยวน้องจะไม่สนุก”
“หน้าผมก็เป็นแบบนี้ตลอด”
“แม่รู้แต่ก็อยากให้เรายิ้มบ้าง ลูกชายของแม่เวลายิ้มแล้วหล่อมาก”
“แล้วปกติไม่หล่อเหรอครับแม่”
“ปกติก็หล่อแต่มันไม่มีเสน่ห์แล้วสาวๆ ที่ไหนเขาจะกล้าเข้าใกล้ ตั้งแต่เลิกกับแฟนคนสุดท้ายก็เกือบสองปีแล้วนะที่ลูกชายแม่โสด”
“ก็ช่วงนี้งานผมยุ่งครับแม่ จะเอาเวลาที่ไหนไปจีบสาว รอเรียนจบเฉพาะทางผมคงมีเวลามากกว่านี้”
“กว่าจะเรียนจบก็สามสิบกว่าแล้วนะกานต์แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่แม่จะได้อุ้มหลานกับเขาสักทีล่ะ”
“แม่ก็ลองถามนายกันต์ดูสิครับ ผมว่าถ้าแม่บอกเขาก็คงพร้อมที่จะมีแน่ๆ” ธีรกานต์หมายถึงพีรกันต์น้องชายของตนเองที่ตอนนี้กำลังคบหาอยู่กับแฟนสาว
“แม่ไม่อยากจะหวังหรอกนะกานต์น้องชายเราเจ้าชู้อย่างนั้นแม่ไม่เห็นจะจริงจังกับใครสักคน”
“มันก็ต้องมีสักคนที่นายกันต์อยากใช้ชีวิตด้วย ผมว่าแม่ต้องให้เวลาพวกผมหาคนที่เหมาะสม”
“แม่ให้เวลาถึงอายุ 30 นะกานต์ถ้าเกินนี้แม่จะหาผู้หญิงให้” มารดาของชายหนุ่มยื่นคำขาดเพราะบรรดาเพื่อนของตนเองนั้นมีหลานให้อุ้มกันแล้ว
“ขอ 35 นะครับแม่แล้วผมจะตามใจแม่ทุกอย่าง แต่ตอนนี้ผมว่าผมคงต้องไปจริงๆ แล้ว เดี๋ยวหนูเอวาของแม่จะบ่นถ้าผมไปถึงช้า”
“ตายจริงแม่ลืมไปเลย กานต์รีบหน่อยนะแม่ไม่อยากให้น้องรอนาน”
แม้ธีรกานต์จะรีบขับรถมายังโรงเรียนกวดวิชาซึ่งตั้งอยู่บนห้างสรรพสินค้ากลางใจเมืองแต่ก็เลยเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะวันหยุดแบบนี้ที่จอดรถแทบไม่มี พอมาถึงเขาก็เห็นเอวาริณกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนที่บริเวณที่นั่งรอหน้าโรงเรียน
เมื่อเอวาริณเห็นก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส
“เอวานึกว่าพี่กานต์จะลืมแล้วนะคะ”
“ไม่ลืมหรอกแต่พี่มัวแต่หาที่จอดรถอยู่น่ะ”
“ไปกันเลยนะคะเอวาหิวแล้ว”
“อือ จะไปกินไอติมเลยหรือจะหาข้าวกินก่อนล่ะ”
“พี่กานต์หิวไหมคะ”
“หิวสิ”
“งั้นก็ไปหาอะไรกินก่อนก็ได้ค่ะ”
เอวาริณเดินนำชายหนุ่มไปยังชั้นที่เป็นร้านอาหารแต่ก็ยังไม่ยอมแวะร้านไหน
“จะกินอะไรล่ะเอวา นี่เราเดินวนมาหลายรอบแล้วนะยังเลือกไม่ได้อีกเหรอ” เขาเริ่มจะหิวมากแล้วเพราะวันนี้ทานข้าวต้มไปตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า
“ก็มีหลายอย่างที่เอวาอยากกิน”
“เลือกมาสักอย่างเถอะพี่หิวจนตาลายแล้ว”
“พี่กานต์เลือกดีกว่าค่ะ” เพราะไม่รู้จะกินอะไรจึงให้คนที่บอกว่าหิวเป็นคนเลือก
“เอาอาหารญี่ปุ่นนะ จังหวัดที่พี่ไปอยู่หาร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยยาก” เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพราะร้านตรงหน้าเป็นร้านโปรดของตนเอง
“ได้ค่ะ เอวาตามใจพี่กานต์เพราะพี่กานต์เป็นคนจ่าย”
“ชวนพี่มาพี่ก็นึกว่าเอวาจะจ่าย”
“เดี๋ยวเอวาเลี้ยงไอติมเองค่ะ” เด็กสาวรีบบอก
“วันนี้หิมะต้องตกแน่เอวาจะเลี้ยงพี่” ธีรกานต์พูดพลางหัวร่วนก่อนจะเดินไปยังร้านอาหารญี่ปุ่น
ยังไม่ทันได้เลือกว่าจะนั่งโต๊ะไหนก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเสียก่อน
“กานต์”
“อ้าว รุ้ง”
“ไม่นึกว่าจะเจอกันที่นี่ กานต์อยู่ต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ”
“วันหยุดเลยเข้ามาทำธุระ แล้วรุ้งล่ะ”
“รุ้งมากับเพื่อนๆ นั่นไง ไปนั่งด้วยกันไหม แล้วนี่กานต์มากับใคร”
“น้องสาวข้างบ้านน่ะ”
“ไปกินด้วยกันนะคะน้อง ว่าแต่ชื่ออะไรคะ พี่ชื่อรุ้งค่ะ”
“หนูชื่อเอวาค่ะ”
“ไปนั่งกินด้วยกันนะคะ”
“เอวาแล้วแต่พี่กานต์ค่ะ” เอวาริณไม่แน่ใจถึงความสนิทของธีรกานต์กับเพื่อนจึงยกให้เขาเป็นคนตัดสินใจ
“ไปกินกับเพื่อนพี่ก่อนแล้วเราไปกินไอติมด้วยกันนะ”
“ได้ค่ะพี่กานต์” เอวาริณตอบตกลงเพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าเวลาที่ธีรกานต์อยู่กับเพื่อนจะเป็นแบบไหน เนื่องจากปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่พูดน้อยและค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง