2 เยอะกว่าใคร
ธีรกานต์มาถึงโรงเรียนก็พบว่าบนโต๊ะของตนเองนั้นมีของขวัญอยู่เต็มไปหมดมีทั้งตุ๊กตา ดอกไม้ หนังสือการ์ตูนการ์ดอวยพรและเค้กวันเกิดก้อนเล็กๆ อีกหลายก้อนซึ่งเขาก็แบ่งให้เพื่อนและอาจารย์ทานจนไม่เหลือกลับบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติแต่ที่แปลกไปจนเพื่อนต้องมองหน้ากันด้วยความสงสัยก็คือปีนี้เขาบอกว่าจะเอาตุ๊กตาเหล่านั้นกลับไปที่บ้านด้วย
“มึงไม่สบายหรือเปล่าวะกานต์” โกสินทร์ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“สบายดี ถามทำไมวะ”
“ก็ปกติมึงไม่ชอบตุ๊กตา”
“กูเอาไปให้เด็กข้างบ้าน”
“หลังที่มึงบอกว่าเพิ่งย้ายมาอยู่เหรอ”
“อือ หลังนั้นแหละน้องเขาเกิดวันเดียวกับกูพอดี”
“เด็กผู้หญิงเหรอ”
“อือ”
“สงสัยจะเป็นเนื้อคู่มึงแน่เลยวะเกิดวันเดียวกัน” ภัทรดนัยพูดแล้วก็หัวเราะ
“มึงก็พูดเรื่อยน้องตัวกะเปี๊ยกเดียวเอง”
“เด็กผู้หญิงโตวัยนะเว้ย เผลอแป๊บเดียวเป็นสาวแล้วนะ ถ้าสวยมึงก็จองไว้ก่อนเลย”
“มึงก็ช่างจะคิดนะไอ้โก้” ธีรกานต์ส่ายหัวกับความคิดของเพื่อน จากนั้นเพื่อนของเขาก็ช่วยกันถือตุ๊กตามาส่งที่รถซึ่งมาจอดรออยู่ก่อนแล้ว
“พวกมึงไม่ไปแน่นะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่ล่ะ เจอกันเสาร์นะ”
“อือ” เขาบอกเพื่อนก่อนจะปิดประตูรถ
งานวันเกิดถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นบริเวณสนามหน้าบ้านของธีรกานต์ แขกที่มาร่วมงานก็มีแต่ครอบครัวของเพื่อนบ้านไม่กี่หลัง
หลังทานอาหารแล้วก็ถึงขั้นตอนของการเป่าเค้ก ธีรกานต์ยืนคู่กับเด็กหญิงตัวเล็กที่ต้องเอาเก้าอี้มายืนเพื่อให้ความสูงเท่ากัน
พอเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์จบเด็กหญิงก็เปาเค้กก้อนของตนเองจนเทียนดับจากนั้นเธอก็หันไปมองหน้าธีรการต์แล้วยิ้มก่อนจะเป่าเทียนจากเค้กของเขาจนดับ เสียงหัวเราด้วยความเอ็นดูของผู้ใหญ่ทำให้เด็กหญิงวัยหกขวบยิ้มด้วยความดีใจ
“เอวา ไปเป่าของพี่เข้าทำไม” มารดาของเด็กน้อยพูดด้วยความตกใจ เด็กน้อยหน้าเสียและกำลังจะร้องไห้เพราะโดนดุ
“ไม่เป็นไรครับอา” ธีรกานต์รีบบอกเพราะเขาไม่ชอบเห็นใครร้องไห้โดยเฉพาะเด็ก
“ขอบใจนะกานต์ที่ไม่โกรธน้อง”
“หนูเอวาน่ารักแบบนี้ใครจะโกรธลงล่ะใช่ไหมกานต์
“ครับแม่” เด็กหนุ่มยิ้มแต่ไม่ใช่เพราะใจดีแต่เพราะการเป่าเค้กมันไม่ได้สำคัญสำหรับเขาเท่าไหร่
“พี่กานต์ใจดีที่สุดเลยคะ ปีหน้าเอวาขอเป่าเค้กพร้อมพี่กานต์อีกได้ไหมคะ”
“ได้สิ ป้าว่าเราจัดพร้อมกันแบบนี้ทุกปีเลยดีไหมคะ”
“ดีค่า เอวาชอบที่สุดเลย” เด็กหญิงดีใจเพราะเธอชอบที่มีคนมาร่วมงานเยอะแบบนี้ซึ่งแต่ก่อนก็จะเป่าเค้กกันแค่สามคนพ่อแม่ลูกเท่านั้น
ผู้ใหญ่ต่างพากันอวยพรและมอบของขวัญให้กับทั้งสองคน เอวาริณยิ้มแป้นเมื่อได้ของขวัญมากจนถือเองไม่ไหว
“พี่กานต์ขาเอวามีของขวัญให้พี่กานต์ด้วยค่ะ แม่บอกว่าวันนี้ก็วันเกิดพี่กานต์เอวาก็เลยซื้อมาจากโรงเรียนค่ะ” เด็กหญิงหยิบอมยิ้มที่เอาเงินค่าขนมไปซื้อจากโรงเรียนมาส่งให้เขาพร้อมกับยิ้มจนตาหยี
“ขอบใจนะ” เขารับไว้แล้วหย่อนลงกระเป๋ากางเกง
“กานต์ล่ะมีของให้น้องไหม” มารดากระซิบถามเพราะไม่เห็นลูกชายถืออะไรติดมือมาเลย
“มีสิแม่แต่อยู่ในรถ”
“ก็รีบไปเอามาสิ คนอื่นเขาให้กันหมดแล้วนะ”
“ครับแม่” ธีรกานต์เดินมาที่รถและกลับไปที่บริเวณสนามหน้าบ้านพร้อมกับตุ๊กตาสี่ตัวซึ่งเขาได้มาจากสาวๆ ที่โรงเรียน เด็กหนุ่มรู้สึกผิดที่ตนเองไม่ได้ซื้อของขวัญให้กับเอวาริณในขณะเด็กน้อยซื้อให้ตนเองแม้จะเป็นแค่อมยิ้มก็ตาม
“ให้เอวาหมดเลยเหรอคะพี่กานต์”
“ใช่สิ ให้หมดเลย”
“พี่กานต์ใจดีจังค่ะ เอวารักพี่กานต์ที่สุดเลย” เด็กหญิงให้มารดาของตนเองถือตุ๊กตาไว้จากนั้นตัวเองก็กระโดดกอดพี่ชายข้างบ้านด้วยความดีใจจนอีกฝ่ายแทบจะล้ม
“ตัวหนักเหมือนกันนะเอวาหนักเท่าไหร่แล้ว” เด็กหนุ่มถามคนตัวเล็กที่เขาอุ้มอยู่
“25 กิโลแล้วค่ะ เอวาน้ำหนักเยอะกว่าเพื่อนผู้หญิงหลายคนเลยค่ะ” เด็กหญิงตัวกลมบอกด้วยความภาคภูมิใจทำให้ผู้ใหญ่ที่ฟังอยู่ยิ้มให้กับความไร้เดียงสา
“ถึงว่าละพี่ชักจะเมื่อยแล้ว”
“พี่กานต์เมื่อยเหรอคะ ทำไมพ่อยังอุ้มเอวาได้ตั้งนานไม่บนว่าเมื่อยเลย”
“เพราะพ่อของเอวาอุ้มหนูจนชินค่ะเลยไม่เมื่อยแต่พี่กานต์ไม่เคยอุ้มก็เลยเมื่อยแม่ว่าหนูลงมาเถอะนะคะ”
“อ๋อ เอวาเข้าใจแล้ว ต่อไปพี่กานต์ต้องอุ้มเอวาบ่อยๆ นะคะจะได้ไม่เมื่อยเหมือนคุณพ่อ” เอวาริณพูดกับเด็กหนุ่มที่ยืนทำหน้าไม่ถูกเพราะเขาไม่คิดว่าจะอุ้มเด็กหญิงตัวกลมคนนี้อีกแน่
“ถ้าหนูอยากให้พี่กานต์อุ้มบ่อยๆ หนูก็ต้องมาเล่นที่บ้านป้าบ่อยๆ”
“ได้ค่า เอวาจะไปเล่นกับพี่กันต์และพี่กานต์ที่บ้านคุณป้าทุกวันเลย” เธอดีใจเพราะปกติอยู่ที่บ้านก็เล่นกับมารดาแค่สองคน
เอวาริณกลับมาที่บ้านของตนเองพร้อมกับของขวัญอีกมากจนธีรกานต์และน้องชายต้องพากันถือมาส่งที่บ้าน
“ขอบคุณค่า พี่กันพี่กานต์”
“พี่ไปนะ พรุ่งนี้เย็นไปหาพี่ที่บ้านนะ” พีรกันต์บอกเพราะช่วงเย็นเขาก็จะเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียวการมีเอวาริณไปเล่นด้วยก็ทำให้คลายเหงาไปบ้าง
พอพี่ชายข้างบ้านกลับไปแล้วเอวาริณก็เริ่มจะง่วงนอนเพราะปกติแล้วเด็กหญิงจะเข้านอนไม่เกินสองทุ่มครึ่ง
“แม่ขาเอวาขอเอาตุ๊กตาขึ้นไปนอนด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิ หนูจะเอาตัวไหนไปล่ะคะ”
“ขอเอาไปหมดเลยได้ไหมคะ”
“เอาตุ๊กตาไปเยอะขนาดนี้แล้วหนูจะนอนตรงไหนล่ะ แม่ว่าเลือกสองตัวไปนอนด้วยแล้วที่เหลือก็เก็บเข้าตู้ดีไหม”
“น้องจะเสียใจนะคะถ้าต้องอยู่ในตู้”
“เราสลับกันออกมาดีไหมค่ะ”
“ยังไงคะ”
“คืนนี้หนูเอาน้องสองตัวไปนอนด้วยก่อน พอครบหนึ่งอาทิตย์ก็เอาน้องที่อยู่ในตู้ออกมาวนไปแบบนี้เรื่อยๆ น้องแต่ละตัวก็จะได้ไม่เหงา”
“เอวาขอเอาไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนได้ไหมคะ”
“ได้สิคะ แต่ถ้าเอาไปแล้วต้องแบ่งให้เพื่อนๆ เล่นด้วยนะคะ”
“ไม่เอาค่ะ”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็บุ้งกี๋เอาไปเล่นที่โรงเรียนแล้วเพื่อนแย่งกันเล่นตุ๊กตาของบุ้งกี๋ตัวดำปี๋เลยค่ะ เอวาไม่อยากให้น้องตุ๊กตาของเอวาตัวดำ”
“ถ้าเราเอาไปที่โรงเรียนก็ต้องแบ่งเพื่อนค่ะ”
“เอวาเปลี่ยนใจแล้วค่ะ ไม่เอาไปดีกว่าแต่ขอเอาน้องนั่งรถไปโรงเรียนด้วยได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ ทีนี้ก็เลือกมาเลยค่ะว่าตัวไหนจะได้ไปอยู่บนเตียง ตัวไหนใส่ตู้และตัวไหนจะได้ขึ้นรถไปโรงเรียน”
“พ่อขา เอวาเอาตัวนี้นั่งรถไปโรงเรียนพรุ่งนี้คุณพ่อเอาใส่รถให้เอวานะคะ”
“ได้จ้ะ”
พอบิดาตกลงเด็กสาวก็ยอมเดินตามมารดาขึ้นมายังห้องนอนขณะที่กำลังอาบน้ำเธอก็ชวนมารดาคุยไปด้วย
“แม่ขาพี่กานต์ใจดีมากๆ เลยค่ะให้ตุ๊กตาเยอะเลยเอวาชอบทุกตัวพี่เขาใจดีที่สุดเลยค่ะ”
“พี่เขาใจดีกับหนู หนูก็ต้องทำตัวน่ารักๆ อย่าดื้ออย่าซนเวลาไปที่บ้านก็อย่ากวนพี่เขามากนะคะ” วาสิการ์เตือนลูกสาวเพราะเอวาริณชอบไปเล่นที่บ้านนั้นบ่อยๆ
“เอวาไปเล่นกับพี่กันต์ค่ะ”
“แล้วพี่กานต์ไม่มาเล่นด้วยเหรอคะ”
“ไม่ค่ะ คุณป้าบอกว่าพี่กานต์อ่านหนังสือ แต่หนูอยากเล่นกับพี่กานต์บ้าง” เพราะคิดว่าได้ของขวัญจากธีรกานต์เยอะก็เลยอยากจะผูกมิตรด้วย