10 คนที่คิดถึง
“คุณ ปล่อยผมก่อน คุณเป็นอะไรทำไมต้องร้องไห้แบบนี้" ธีรกานต์ทำตัวไม่ถูกที่จู่ๆ หญิงสาวก็กอดเขาไว้แน่น
“พี่กานต์เอวาคิดถึงพี่กานต์มากที่สุด ขอกอดแบบนี้นานๆ ได้ไหม”
“เอวาเหรอ” เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่สวยบาดตาบาดใจคนนี้จะเป็นเอวาริณน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงเจ็ดปี
ความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง เขายังจำได้ดีว่างานวันเกิดปีสุดท้ายที่ได้ฉลองด้วยกันนั้นเขาและเธอพูดอะไรกันบ้าง และเธอก็ย้ำกับเขาอีกครั้งในคืนเลี้ยงส่งว่าเธอจะตั้งใจเรียนและจะกลับมาหาเขาหลังเรียนจบเพื่อทวงตำตอบ
แต่ใครจะคิดว่าเด็กสาวในวันนั้นจะโตขึ้นและกลายเป็นสาวสวยถึงเพียงนี้ ถ้าย้อนเวลาได้เขาจะตอบตกลงเป็นแฟนกับเธอตั้งแต่เมื่อปีก่อนอย่างแน่นอน
พอเห็นว่าเขาจำไม่ได้เอวาริณก็ร้องไห้หนักขึ้นไปอีกทำเขาไปไม่เป็นเพราะไม่เคยเห็นเธอร้องไห้แบบนี้มาก่อน
“พี่กานต์ใจร้ายมากรู้ไหม ไหนว่าจะไม่ลืมกัน แต่พอเอวาไปอยู่อังกฤษพี่กานต์ก็ลืมทุกอย่าง ไม่เคยโทรหา ไม่เคยตอบเมล ไม่เคยอวยพรวันเกิด”
“พี่ขอโทษ” เขาไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นจะมีก็แต่คำขอโทษเท่านั้น เขายอมรับว่าตนเองละเลยน้องสาวคนนี้ไปมาก
“แล้วพอเอวามาพี่กานต์ก็ยังจำเอวาไม่ได้” อารมณ์น้อยใจยังไม่จางหาย
“ก็เอวาสวยขึ้นมาก สวยจนพี่จำไม่ได้ เขาพูดออกไปตามที่คิด
“จริงเหรอคะ” คนที่กอดอยู่ปล่อยแขนออกเพื่อจะได้มองหน้าเขาให้ชัดเธอยากจะเห็นว่าเขาพูดจริงหรือล้อเล่น
“จริงสิ ขนาดร้องไห้ขี้มูกโป่งยังสวยเลย” ธีรกานต์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูส่งให้หญิงสาว
“พี่กานต์รู้ตัวใช่ไหมว่าตัวเองผิด” หญิงสาวเช็ดคราบน้ำตาออกจนหมดแล้วก็ถามขึ้น
“รู้สิ พี่ก็กำลังขอโทษอยู่นี่ไง เอวาจะยกโทษให้พี่ได้ไหม”
“ขอคิดดูก่อนค่ะ”
“อย่าคิดนานนะ”
“ทำไมคิดนานไม่ได้คะ ของแบบนี้ต้องใช้เวลา”
“พี่ให้เวลาห้านาทีระหว่างพี่เก็บของถ้าเอวายกโทษให้พี่ พี่ก็จะพาไปหาของอร่อยๆ กิน แต่ถ้าไม่พี่ก็จะไปคนเดียว” เขาเคยใช้ไม้นี้กับเอวาริณมาแล้วเมื่อครั้งที่เธอยังใช้คำนำหน้าว่าเด็กหญิงไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะใช่ได้ผลหรือเปล่า
“วันนี้เอวายกโทษให้ก่อนก็ได้ค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความตามที่พูดค่ะพี่กานต์รีบเก็บของเถอะค่ะ เอวาหิวแล้ว” พอนึกถึงของกินหญิงสาวก็เริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“หายปวดท้องแล้วเหรอ” เขาถามพลางยิ้มไปด้วยเมื่อนึกถึงคนแกล้งปวดท้องเมื่อครู่
“หายแล้วค่ะ หมอพี่กานต์เก่งมากแค่ตรวจนิดเดียวเอวาก็หายเลย”
“ถ้าคนไข้ทุกคนหายปวดแค่ได้ตรวจก็คงดีนะ”
“พี่กานต์เหนื่อยเหรอคะ” เธอถามเพราะเห็นท่าทางอิดโรยของเขาเอวาริณก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“เหนื่อยสิ ยิ่งอาทิตย์นี้หมอลาพักร้อนหลายคนพี่เลยต้องออกตรวจแทน”
“พี่กันต์บอกว่าพี่งานยุ่งตลอด”
“ก็ยุ่งเป็นปกติ เอวากลับมาตั้งแต่ตอนไหน แล้วมากับใครคุณอามาด้วยไหม”
“ไม่ค่ะ เอวามาคนเดียวเพิ่งมาถึงเมื่อเช้า”
“ทำไมไม่บอกพี่ว่าจะกลับมา แล้วใครไปรับที่สนามบิน”
“พี่กันต์ไปรับค่ะ”
“อ๋อ” เขาพยักหน้าเพราะรู้มาว่าน้องชายยังติดต่อกับหญิงสาวอยู่
“พี่กานต์เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหมคะ” เอวาริณเริ่มจะหิวจึงถามขึ้น
“เสร็จแล้ว อยากกินอะไรล่ะ” เขาถามขณะเดินนำเธอมายังลานจอดรถ
“อยากกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำแซ่บๆ ร้านหน้าหมู่บ้านก็ได้ค่ะ”
“ซื้อไปกินที่บ้านดีกว่าไหม”
“ทำไมคะ นั่งกินที่ร้านได้บรรยากาศดีออก”
“แต่ชุดที่เอวาใส่พี่ว่ามันไม่เหมาะไปนั่งกินข้างทางแบบนั้นนะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ ใครๆ ก็ใส่แบบนี้”
“ถ้าอยากจะกินที่ร้านก็หาผ้าคลุมหรือจะเอาเสื้อยืดของพี่”
“เสื้อพี่อยู่ไหนคะ”
“ในกระเป๋าบนเบาะหลัง”
เอวาริณมองไปทางเบาะหลังก็เห็นกระเป๋าอยู่ใบหนึ่งพอเปิดออกเห็นแต่เสื้อกีฬา
“ใส่ได้ไหมล่ะพี่ยังไม่ได้ใส่รับรองว่าสะอาด”
หญิงสาวหยิบเสื้อขึ้นมาแล้วทาบไปกับลำตัวก่อนจะขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ
“มันคงตลกน่าดู”
“ไม่หรอกน่า ใส่เถอะเดี๋ยวก็จะถึงร้านแล้ว”
“ค่ะ” เอวาริณทำตามที่เขาบอกแต่เสื้อก็ยาวมากหญิงสาวจึงเอายางรัดผมในกระเป๋ามัดชายเสื้อด้านหนึ่งเป็นปมก่อนจะดึงให้เข้ารูปจนดูไม่รุ่มร่ามเกินไป
“แบบนี้โอเคไหมคะ”
คนถูกถามหันมามองแล้วพยักหน้าก่อนจะรีบจอดรถบริเวณข้างทาง
“เอวาจะกินอะไรเดี๋ยวพี่จะเดินไปสั่งแล้วจะเลยไปซื้อน้ำด้วย” ธีรกานต์ไม่ค่อยชอบดื่มน้ำที่ทางร้านจัดไว้ให้เขาจึงเลือกที่จะเดินไปซื้อน้ำที่ร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ติดกับร้านก๋วยเตี๋ยว
“เส้นเล็กต้มยำใส่ทุกอย่างยกเว้นกระเทียมเจียวค่ะ”
“รอพี่อยู่นี่นะเดี๋ยวมา”
“ค่ะ”
ธีรกานต์ไปที่ร้านสะดวกซื้อและกลับมาในเวลาเดียวกับก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟพอดี
“น่ากินมากเลยค่ะ” แค่เห็นสีสันและได้กลิ่นเอวาริณก็รู้ว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ แต่พอได้ชิมก็สำลักเพราะความเผ็ดขึ้นจมูก
“ใจเย็นสิ ค่อยๆ กิน” เขารีบส่งขวดน้ำและทิชชูมาให้
“ขอบคุณค่ะ”
“ดีขึ้นไหม กินเผ็ดได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ แต่ก่อนเอวาก็กินได้”
“พี่หมายถึงตอนนี้ เอวาไปอยู่อังกฤษตั้งหลายปีพี่ว่าสั่งมาใหม่แบบเผ็ดน้อยดีไหม”
“แต่แบบนี้มันอร่อยกว่านะคะ”
“พี่รู้แต่พี่กลัวว่าจะปวดท้องเอานะ เราไม่ได้กินรสจัดมานาน”
“แต่เอวาเสียดาย”
“ชามละ 40 บาทเองนะมันไม่คุ้มหรอก” ธีรกานต์บอกด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เห็นกลัวเลยอย่าลืมสิคะว่าพี่กานต์เป็นหมอนะคะ เอวาอยากเป็นคนไข้ของพี่”
“แต่พี่ไม่อยากมีคนไข้ดื้อแบบเอวาหรอกนะ”
ชายหนุ่มดึงชามก๋วยเตี๋ยวออกแล้วสั่งชามใหม่ที่เผ็ดน้อยกว่ามาให้ เอวาริณมองการกระทำของเขาแล้วยิ้มเพราะเขายังคงใจดีและห่วงใยเธอเหมือนเดิม
หญิงสาวอยากถามเขาเหลือเกินว่ายังจำเรื่องที่คุยกันเมื่อเจ็ดปีก่อนได้ไหม แต่ยังไม่กล้าพูดกับเขาตอนนี้เพราะกลัวคำตอบ เธออยากใช้เวลากับธีรกานต์ให้มากกว่านี้ก่อนจะถามคำถามเดิมกับเขาอีกครั้ง
เอวาริณนั่งกินก๋วยเตี๋ยวแล้วนึกไปถึงอดีตที่ตนเองมักจะออกมานั่งทานก๋วยเตี๋ยวกับเขาละน้องชายเป็นประจำตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยพี่ชายทั้งสองจึงเอาใจมากเป็นพิเศษ ธีรกานต์เป็นพี่คนโตที่คอยห่วงใยและเอาใจใส่อีกทั้งยังตามใจเธอมากกว่าใครทำให้เธอรักเขามากขึ้นไปทีละนิดและมั่นใจว่าความรักที่มีให้กับเขานั้นมันไม่เคยลดน้อยลงไปเลยแม้จะไม่ได้เจอกันมานานก็ตาม
“คิดอะไรอยู่หรือว่าไม่อร่อย” ธีรกานต์ถามเมื่อเห็นเธอทานอย่างช้าๆ
“เปล่าค่ะ เอวาก็แค่กลัวสำลัก”
“เอวาโตขึ้นมากเลยนะ” เขามองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปภาพน้องสาวที่แสนน่ารักจางหายไปแล้วเหลือแค่เพียงหญิงสาวที่สวยจนอยู่ใกล้แล้วรู้สึกใจเต้นแรง
“ค่ะ เอวาสูงขึ้นตั้งเยอะ” เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไรแต่แกล้งทำเป็นพูดอีกเรื่อง
“เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหมล่ะว่าช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกันเอวาเป็นยังไงบ้าง”
“ได้ค่ะ แต่ขอเอาไปเล่าวันหลังนะคะวันนี้เอวาง่วงมากอยากรีบกลับไปนอนค่ะ” เอวาริณรู้สึกว่าเขาเริ่มจะสนใจเธอขึ้นมาบ้างเธอจึงเล่นตัวอีกนิด