9 คนไข้คนสุดท้าย
หลังจากเอาของฝากให้บิดามารดาของธีรกานต์เรียบร้อยแล้วเอวาริณก็กลับมานอนพักที่บ้านและตื่นมาอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงเวลาไปหาพี่ชายใจดีอีกคนที่คิดถึงสุดหัวใจ
หญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งเธอขึ้นไปหาพีรกันต์ที่ห้องทำงานจากนั้นเขาก็พาเธอมายังแผนกอายุรกรรมผู้ป่วยนอกซึ่งเปิดให้บริการถึงสองทุ่ม
“เดี๋ยวพยาบาลพาคุณเอวาเข้าห้องตรวจให้เรียบร้อยนะครับจากนั้นก็บอกทุกคนในแผนกกลับได้เลย”
“แต่นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะคะ หมอธีรกานต์จะเลิกงานแล้ว ให้เธอไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินได้ไหมคะ เดี๋ยวนุ่นพาเธอไปเองก็ได้ค่ะ” พยาบาลสาวกลัวจะถูกคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาลดุจึงรีบบอกกับพีรกันต์เพราะถ้าเลือกระหว่างพี่กับน้องเธอคิดว่าโดนคนน้องดุยังดีกว่าโดนคนพี่ในห้องดุ
“เอาตามที่ผมบอกนั่นแหละครับ”
“แต่…”
“อย่ากลัวไปเลยเรื่องนี้ผมรับผิดชอบเอง คุณก็แค่พาเธอไปส่งแล้วบอกว่าจะออกมาตามเวชระเบียนจากนั้นก็กลับกันได้เลย”
“จะดีเหรอคะ การตรวจต้องมีคนอื่นอยู่ด้วยนะคะ”
“ไม่จำเป็นหรอกเอวาก็แค่อยากมาเซอร์ไพรส์พี่ชายเท่านั้นเอง"
“นี่ต้องสาวคุณกันต์กับหมอธีรกานต์เหรอคะ” เธอมองหน้าเอวาริณสลับกับพีรกันต์ด้วยความสงสัย
“ครับ” พีรกันต์รีบบอกเพราะกลัวว่าถ้ายังยืนคุยกันอยู่แบบนี้พี่ชายของตนเองจะออกมาจากห้องตรวจเสียก่อน
“คุณเอวาเดินตามนุ่นมาทางนี้เลยค่ะ” เมื่อรู้ว่าเอวาริณเป็นใครพยาบาลสาวเลยรีบพาเธอมายังห้องตรวจด้านในสุดซึ่งเป็นห้องประจำของคุณหมอหนุ่มและเป็นห้องที่เปิดให้หมอธีรกานต์ใช้เพียงคนเดียว
พอเดินมาถึงหน้าห้องพยาบาลสาวก็เคาะประตูและรอจนได้ยินเสียงอนุญาตจึงเปิดเข้าไป
“มีอะไรหรือนุ่น”
“มีคนไข้ค่ะ”
“สองทุ่มแล้วนะ พวกคุณยังไม่ปิดแผนกอีกเหรอ”
“เหลือคนสุดท้ายค่ะ คุณกันต์ฝากมาตรวจ”
“อย่างนั้นเหรอ ไม่เห็นมีชื่อขึ้นในระบบเลย” เขาคลิกที่หน้าจอไปมาแต่ก็ไม่เห็นมีข้อมูลผู้ป่วยส่งมาเลยสักคน
“กำลังให้ญาติทำประวัติค่ะ นุ่นกลัวหมอกลับไปก่อนก็เลยรีบพาคนไข้มา เดี๋ยวนุ่นพาคนไข้เขามาก่อนแล้วจะไปตามเรื่องประวัติให้นะคะ”
“อือ พาเข้ามาเลย”
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” เสียงคุ้นหูทำให้คุณหมอหนุ่มเงยหน้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นมามอง
เขาสะดุดตากับใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโต คิ้วเรียงตัวเป็นระเบียบใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตทำให้คนมองรู้สึกใจเต้นแรงเพราะรู้สึกชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้า
หญิงสาวสวมกางเกงยีนขายาวรัดรูป เสื้อสายเดี่ยวสีครีมแทบจะกลืนไปกับสีผิวอีกทั้งรูปร่างก็ได้สัดส่วนราวกับนางแบบรูปร่างและหน้าตาของเธอนั้นตรงสเปกเขาที่สุด
“คุณหมอคะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายได้แต่มองก็เลยเรียกซ้ำและหวังว่าเขาจะจำตนเองได้
“ครับ เชิญนั่งก่อนครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เอวาริณนั่งเก้าอี้สำหรับผู้ป่วยที่มุม 90 องศากับโต๊ะของคุณหมอหนุ่ม
“คุณไม่สบายตรงไหนครับ มีอาการยังไงบ้าง” เขาถามและพยายามไม่เงยหน้าขึ้นมองเพราะกลัวจะเสียอาการไปมากกว่านี้
“ฉันปวดท้องค่ะ”
“ปวดมานานหรือยังครับ”
“นานแล้วค่ะ”
“ได้ไปตรวจกับหมอที่ไหนหรือซื้อยามาทานเองบ้างหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงมาตรวจล่ะครับ” ธีรกานต์ถามด้วยความสงสัยเพราะถ้าปวดมานานแล้วก็ไม่น่าจะมาตรวจในเวลาค่ำเช่นนี้
“พอดีว่าเพิ่งว่างค่ะ”
“ผมขอฟังเสียงลำไส้หน่อยนะครับ” เขาขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้แล้วใช้หูฟังแนบไปยังหน้าท้อง ไม่นานนักเขาก็ถอดหูฟังออกและกลับมานั่งตำแหน่งเดิม
“เท่าที่ผมฟังดูเสียงลำไส้ก็เคลื่อนไหวปกตินะครับ”
“แต่ฉันปวดท้องจริงๆ นะคะ บางครั้งปวดจนตัวงอเลยค่ะ”
“แน่ใจนะครับว่าปวดท้อง ไม่ใช่ปวดประจำเดือน”
“ไม่ใช่ค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะกลัวเขาจะส่งไปแผนกอื่น
“คุณขึ้นไปนอนรอบนเตียงตรวจนะครับ ผมจะออกไปตามพยาบาลมาช่วย” การจะตรวจคนได้แบบนี้จำเป็นจะต้องมีพยาบาลหรือมีผู้ช่วยอยู่ด้วยทุกครั้งแต่พอธีรกานต์เปิดประตูออกไปไฟทั้งแผนกก็มืดสนิท
“ไหนล่ะคะพยาบาล” เอวาริณแกล้งถามเมื่อเขาเดินกลับมา
“มันเลยเวลาตรวจแล้วพวกเขากลับกันหมด เอาเป็นว่าผมจะเปิดประตูห้องตรวจไว้ก็แล้วกันนะครับ”
“อย่านะคะหมอ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ฉันอายนี่คะ”
“แต่ตรวจสองต่อสองแบบนี้มันผิดกฎ”
“หมอก็รีบตรวจให้เสร็จสิคะ ฉันรู้ว่าหมอเป็นเจ้าของโรงพยาบาลคงไม่มีใครว่าอะไรหรอกค่ะ”
“แต่มันไม่ถูก”
“ที่คุณหมอไม่กล้าตรวจเพราะแอบคิดอะไรไม่ดีกับฉันหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามพลางอมยิ้ม
“คุณคือคนไข้ ผมจะคิดอะไรได้ล่ะครับ”
“แล้วถ้าไม่ใช่คนไข้ล่ะคะจะคิดไหม”
“คุณบอกว่าปวดท้อง ปวดตรงไหนล่ะ เขารีบเปลี่ยนเรื่องเพราะถ้ายังคุยแบบนี้ก็คงไม่ได้ตรวจแน่ๆ
“ปวดทั่วท้องเลยค่ะ”
“ดึงเสื้อขึ้นหน่อยได้ไหม”
“แบบนี้ใช่ไหมคะ” หญิงสาวดึงเสื้อขึ้นสูงจนเห็นขอบบราเซียร์
“แค่นี้พอครับไม่ต้องดึงสูงขนาดนั้นหรอก”
เขารีบดึงชายเสื้อของเธอต่ำลงมาอีกนิดให้บริเวณหน้าท้องมีพื้นที่สำหรับตรวจ
“เดี๋ยวผมจะค่อยๆ กดนะถ้าเจ็บตรงไหนก็บอก”
“ค่ะ”
ธีรกานต์ใช้มือกดไปยังหน้าท้องแบบราบเบาๆ
“อุ้ย!”
“เจ็บเหรอ” คุณหมอหนุ่มรีบดึงมือออก
“เปล่าค่ะ แต่มือคุณหมอเย็นมาก”
“ผมจะเริ่มกดแล้วนะ” พอธีรกานต์เริ่มกดอีกครั้งเอวาริณก็ตอนนิ่ง ตาคู่สวยมองใบหน้าเขาแล้วแอบยิ้ม เวลาผ่านไปเจ็ดปีแต่ธีรกานต์ก็ดูไม่เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ เขายังหล่อเหมือนเดิมแต่ดูมีความเป็นผู้ใหญ่และดูอบอุ่นขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
“ตรงนี้เจ็บไหม”
“ค่ะ”
“แล้วตรงนี้ล่ะ”
“เจ็บค่ะ”
“ตรงนี้ล่ะ”
“เจ็บค่ะ ฉันเจ็บไปหมดเลย”
“ผมขอฟังเสียงลำไส้อีกครั้งนะ” เขาขออนุญาตก่อนจะใช้หูฟังเย็นเฉียบแนบไปบนหน้าท้องของเธอ ความเย็นทำให้หญิงสาวสะดุ้งแต่คนตรวจไม่ได้สนใจเพราะกำลังตั้งใจตรวจอย่างเต็มที่
“เสียงกระเพาะและลำไส้ก็ปกตินะครับ”
“แต่ฉันปวดท้องจริงๆ นะคะ ปวดไปทั่วเลย” หญิงสาวยืนยันอย่างเดิม
“ผมว่าคุณไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ผมจะให้ยาแก้ปวดกับยาลดกรดไปทาน ถ้าไม่ดีขึ้นก็คงต้องตรวจด้วยการส่องกล้อง
“ส่องกล้องเหรอคะ” หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่งเพราะกลัวจะโดนส่งกล้องเนื่องจากเคยพามารดาไปตรวจและท่านบอกว่าเจ็บมากเวลาที่เขาใช้กล้องสอดไปทางลำคอ
“ใช่ครับ”
“งั้นฉันขอกินยาก่อนได้ไหม”
“ได้ครับ แต่ประวัติของคุณยังไม่ส่งมาเลย เดี๋ยวผมจดใส่กระดาษไว้ก่อนก็ได้ คุณชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ น้ำหนักส่วนสูงเท่าไหร่ แพ้ยาอะไรไหม”
“อายุ 22 ปี สูง 168 ซม. น้ำหนัก 46 ไม่แพ้ยาสถานะภาพโสดค่ะ”
เขาจดใส่กระดาษและกำลังหันหลังจะเดินออกจากห้อง
“คุณชื่ออะไร เขาหันกลับมาถาม”
หญิงสาวไม่ตอบแต่เธอลงจากเตียงแล้วตรงเข้ามากอดเขาแน่น