ตอนที่ 5 ข้อตกลง
สมคิดเงียบอยู่นาน พยายามจับต้นชนปลายเรื่องทุกอย่าง แต่ก็ปะติดปะต่อไม่ได้ เขามองเด็กสาวนอนดิ้นขลุกขลักไปมา เธอกำลังจะหนีและคงจะหวาดกลัวไม่น้อย เขาไม่อยากจะทำร้ายเธอ แต่เพราะคำสั่งของเจ้านาย จึงต้องทำตาม
เขามองเห็นว่าโทรศัพท์ของเด็กสาวมีสายเข้ามาไม่ว่างเว้น ป่านนี้แล้วแม่ของยัยหนูคนนี้คงกำลังร้อนใจแน่ ๆ หากเธอแจ้งตำรวจขึ้นมาล่ะ ตรงบริเวณนั้นมีกล้องวงจรปิดหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นพวกเขาได้เข้าไปอยู่ในซังเตอีกรอบ ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ลักพาตัว พรากลูกไปจากมารดา คิดแล้วก็หลายกระทงอยู่นะเนี่ย ตอนนี้พวกเขาก็ห้าสิบกว่าแล้ว แก่จนหัวงอกกว่าจะออกมาไม่นอนโลงศพเชียวเหรอ
คิดแล้วก็กลุ้มใจจริง ๆ!
“นายกูทำไมใจร้ายจังวะ จับยัยหนูนี่มาทำไมกัน” สมชายช่างสงสัย แต่ไม่กล้าถามนายให้ทำอะไรก็ต้องทำ จับตัวเด็กผู้หญิงคนเดียวใช้พวกเขาตั้งหลายคน แต่ละคนอายุก็เลขห้ากันทั้งนั้น ไม่อยากคิดเลยว่าคราวนี้เข้าฮ่องกงอีกรอบจะออกมาตอนอายุเท่าไหร่
“กูว่าน้องเขาคงจะทำอะไรให้นายไม่พอใจนั่นแหละ ปกตินายใจดีจะตายไป” สมรักนั่งเงียบมานาน เลยพูดขึ้นมา สมรักนั้นมักจะเงียบแต่มีความคิดดี เพราะเรียนมาสูง เลยตกตึกตายเสียงั้น อวดดีเกินไปหน่อย เลยโดนเขาใส่ร้ายต้องอยู่ฮ่องกง เกือบปี จึงได้รู้จักกันเพราะถูกคนใจบาปใส่ร้ายจนต้องเข้าไปอยู่ในซังเต
“อ่อย อ่อย เออะ” พราวดี พยายามออกเสียง เพื่อให้พวกเขาที่โต้เถียงกันอยู่ฟังที่เธอพูดหน่อย
“อะไรนะ หนูพูดอะไร” สมชายพูดขึ้น เขาอายุก็ห้าสิบห้าแล้ว เด็กน้อยก็น่าจะเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานแล้วมั้ง เขาคาดเดาเอา
“อ่อย อู๋เออะ” ปล่อยหนูเถอะ พราวดีพูดไม่ชัด เธอพยายามเป็นอย่างมากและตอนนี้เธอก็เหนื่อยและกลัวมาก ๆ ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรจากเธอกันแน่
“มึงเปิดปากสิ อย่าร้องนะ ห้ามร้องถ้าร้องจะจับยัดส้วมให้จมกองขี้ตาย” สมคิดที่เงียบกว่าสมรักพูดขึ้นพร้อมกับคำขู่ ใครจะบ้าทำจริง ๆ
“อื้อ อื้อ อ่าย อ้อง” พราวดีพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ร้อง เพราะตัวเองปวดฉี่ อั้นมาตั้งนาน ฟังที่พวกเขาพูดกันก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก แต่ไอ้คำขู่นี่สิปวดตับจริง ๆ ยัดถังส้วม กว่าจะตายทั้งทรมาน ทั้งเหม็น
สมรัก เปิดปาก เปิดตาให้เด็กน้อย “หนูปวดฉี่ ขอเข้าห้องน้ำหน่อยค่ะ” พราวดีไม่ร้องโวยวายทำตามคำสั่ง เพราะเธอจะต้องรักษาชีวิตเอาไว้ หากเธอทำตามแน่นอนว่าคนพวกนี้คงรักษาสัญญา หากคนพวกนี้คิดมิดีมิร้ายขึ้นมา คงจะลงมือฆ่าเธอไปตั้งนาน ไม่พาเธอนั่งรถไกล ๆ มาขนาดนี้หรอก
“ได้ แต่ต้องล่ามโซ่นะ เดี๋ยวหนูหนี พวกฉันทั้งหลายเดือดร้อนแน่ ๆ” สมชายพูดขึ้นก่อนจะเดินไปเอาโซ่ที่เจ้านายสั่งให้ซื้อ เอาแบบยาว ๆ เขาจะเอามาล่ามหมา แต่ตอนนี้เอามาล่ามคนก่อนแล้วกัน
“ก็ได้ค่ะ เร็ว ๆ หน่อยหนูปวดฉี่อยากเข้าห้องน้ำจะตายแล้ว” ไม่ใช่ไม่กลัว กลัวแต่ไม่กล้าร้อง เพราะมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น หน้าตาก็น่ากลัว รูปร่างก็สูงใหญ่ เธอยังไม่อยากโดนจับยัดส้วมตาย ก็ต้องพูดดี ๆ กับพวกเขาเผื่อพวกเขาจะใจอ่อนยอมให้เธอบ้าง
เมื่อเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาแล้ว พราวดีเดินออกมา พร้อมโซ่เส้นขนาดนิ้วก้อยมันล่ามอยู่กับข้อเท้าของเธอข้างหนึ่ง ทำให้การเดินก็ลำบากเอาการอยู่แต่ก็ต้องทำใจ หากอยากเห็นหน้าแม่หน้าพี่สาวฝาแฝด ก็ต้องทำใจดีสู้เสือเอาไว้ แม้ว่าหัวใจเธอจะบีบรัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะมีอะไรร้ายแรงกว่านี้อีกหรือเปล่า
เธอไปทำอะไรคนพวกนี้ เธอยังคงสวมชุดนักศึกษาชุดเดิมตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่ายแก่ ๆ จนตอนนี้เกือบตีหนึ่ง เธอก็ยังอยู่ในชุดเดิม ผู้ชายพวกนี้จับเธอมาเพราะจุดประสงค์อะไรกันแน่ และยังมีอีกคนที่ไม่เปิดเผยตัวคือเจ้านายของคนพวกนี้ เหล่าชายสูงอายุ ร่างกายกำยำ พากันเฝ้ายามอยู่ด้านนอกหน้าบ้าน ไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวายในบ้านหลังนี้
กลัวจะเป็นเรื่องใหญ่
เด็กสาวเห็นว่าคนร่างใหญ่โตไม่มีท่าทีคุกคาม จึงเบาใจได้เปลาะหนึ่ง แต่...นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะปลอดภัย พราวดีไม่กล้าร้องโวยวาย แม้จะเต็มไปด้วยความรู้สึกต่าง ๆ นานา ไม่อาจจะบรรยายออกมาหมด เสียงโทรศัพท์ของเธอยังคงดังต่อเนื่อง แต่เธอรับไม่ได้
ชายคนหนึ่ง เขาคือสมคิด ยื่นโทรศัพท์ให้เธอ “หนูโทรหาแม่สักหน่อย บอกท่านว่าสบายดีไม่ต้องเป็นห่วงพักที่บ้านเพื่อนหลายวัน” สมคิดพูดขึ้นมา และยื่นโทรศัพท์ให้ แต่คำพูดต่อจากนี้เล่นทำให้พราวดีต้องจดจำ “ห้ามบอกว่าถูกจับตัวมา ไม่อย่างนั้นแม่เธออยู่บ้านคนเดียวก็อย่าหวังว่าเธอจะมีชีวิตรอด” สมคิดขู่เด็กสาว
“ค่ะ พราวจะทำตาม” พราวดียื่นมือไปรับโทรศัพท์ ตัวของเธอสั่นเทาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะหากเธอเปิดปากพูดบอกแม่แม้แต่คำเดียว แม่เธอไม่ปลอดภัยแน่ ๆ ดังนั้นเอง โทรจึงได้แสร้งบอกแม่ของเธอทั้งน้ำตา เก็บซ่อนเสียงสะอื้นอันเจ็บปวดทรมานเจียนตายเอาไว้
เมื่อหล่อนโทรกลับไปยังปลายสายแล้ว อรอนงค์น้ำตาไหลพราก นึกว่าลูกสาวประสบอุบัติเหตุ จึงคิดว่า หากลูกไม่โทรกลับมาเสียทีจะไปแจ้งความ ให้ตำรวจช่วยออกตามหา แต่เมื่อพราวดีแจ้งว่า ช่วงนี้จะพักอยู่บ้านของเพื่อนจะหางานทำแถวนี้ ไม่ต้องให้แม่เป็นห่วง
อรอนงค์จึงได้วางใจในที่สุด
สมคิดมองเด็กสาวด้วยสายตาเอ็นดู และสงสารจับใจ บรรดาเพื่อนร่วมงานได้ออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว เหลือเขาอยู่ในห้องนี้กับหล่อนสองต่อสอง “ปิดเครื่องสะ” น้ำเสียงห้วน ๆ ของผู้ชายสูงวัยกล่าวขึ้นมา
พราวดีเลยทำได้แต่เพียงทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ท้องของเธอก็ร้องเพราะไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่บ่าย ยันตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่า “คือว่า...พราวหิวค่ะ มีอะไรให้พราวกินไหมคะ” สมคิดพยักหน้า จากนั้นเปิดประตูไปบอกเพื่อนร่วมงานให้เอาขนมและน้ำมาให้เด็กได้กินรองท้องหน่อย
“แล้วโทรศัพท์จะคืนพราวเมื่อไหร่คะ” เธอถามขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยดูเศร้าและหม่นหมอง ใบหน้าสะสวยดุเฉิดฉายหากเทียบกับบรรดาสาวชาวไร่แล้ว พราวดีย่อมสวยกว่าทุก ๆ คน สมคิดเห็นแล้วอดเห็นใจไม่ได้ เจ้านายก็ช่างใจร้ายเหลือเกิน ให้พวกเขาไปจับแม่หนูคนนี้มาทำไม
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในสมองของสมคิดอยู่เสมอ
“เดี๋ยวจะคืนให้ ไม่เอาไปไหนหรอก รอนายมา พรุ่งนี้ก็น่าจะถึง กินแล้วก็นอนสะนะ อย่าดื้อ ไม่งั้นโดนเชือดแน่” พี่สมหมายคนหน้านิ่งเข้ามาได้ยินพอดี เขาเข้ามาพร้อมกับขนมและน้ำเยอะแยะเต็มไปหมด เพราะกลัวว่าแม่หนูน้อยคนนี้จะหิว เดี๋ยวเจ้านายจะสั่งลงโทษพวกเขา หากไม่ดูแล
“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ” พราวดีเดินไปมุมห้องพร้อมกับโซ่ล่ามขาของเธอเอาไว้ เธอวางขนมและน้ำกับพื้น ไม่แม้แต่จะนั่งเก้าอี้ เธอมองเห็นห้องด้านในเป็นห้องสำหรับคนป่วย มีเตียงคนไข้ มีสายห้อยโยงยางไปหมด พร้อมกับถังออกซิเจน เครื่องมือมากมาย คล้าย ๆ กับห้องในโรงพยาบาลของธนากร พอนึกถึงเขาก็ทำให้เธอครุ่นคิดหนัก ว่าป่านนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง
ธานินทร์ นั่งรถพยาบาลของผู้ป่วยจากเมืองหลวงอันแสนศรีวิไลมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือของประเทศ การเดินทางค่อนข้างจะล่าช้า เพราะว่าเพลิงไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ฝ่ามือของเขายังคงกอบกุมมือน้องชายเอาไว้ ดวงตาคมกริบจดจ้องมองดูร่างนอนแน่นิ่งบนรถพยาบาล
หัวใจอันแข็งแกร่งและด้านชารู้สึกปวดร้าวทรมานมากแค่ไหน เพียงแค่คิดว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ทำให้น้องชายเขาเป็นแบบนี้ พลอยกมล จะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ แต่ทว่าเขาไม่รู้เลยว่า ลูกน้องได้จับผู้หญิงมาผิดตัว คนที่จะต้องชดใช้กรรม เป็นพราวดีไม่ใช่พลอยกมล
คนตัวเล็กนอนขดตัวอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง ร่างบอบบางนอนไร้หมอนและผ้าห่ม ทำให้เหล่าชายฉกรรจ์สงสารจับใจ สมคิดเป็นคนเดียวที่ทำใจไม่ได้ หากเขามีลูกสาวและเธอต้องตกมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้จิตใจจะต้องแข็งแกร่งขนาดไหน เธอไม่ร้องโวยวายให้พวกเขารำคาญ แม้ว่าจะเห็นเธอมีน้ำตาอยู่บ่อย ๆ ก็ตามที
สมคิด สมหมาย สมปอง สมชาย และสมรัก พากันเดินออกไปข้างนอก พร้อมกับเดินเวรยามตรวจตรา เกรงว่าหากเจ้านายรู้เข้าว่าพวกเขาละเลย ไม่เช่นนั้นได้โดนดีเป็นแน่
เวลาล่วงเลยจากกลางดึกกลับกลายมาเป็นรุ่งอรุณของวันใหม่ อากาศที่สดใส ไม่ได้ทำให้หญิงสาวเบิกบานใจสักนิด ใบหน้าของเธอนั้นยังคงมีความหวาดกลัวซ่อนอยู่ แววตาของเธอดูตื่นตระหนกทุกครั้งที่เห็นชายร่างใหญ่โตเดินเข้ามาข้างในห้อง
“หนูพราวมีสิ่งที่ควรรู้ว่านายเพลิงไม่ชอบผู้หญิงโวยวายเสียงดัง” สมชายเข้ามาแจ้ง เพราะอีกไม่นานเจ้านายจะถึงแล้ว
พราวดีพยักหน้าหงึกหงัก “ค่ะ พราวจะไม่ร้องโวยวาย ขอเพียงแค่ไว้ชีวิตของพราว” หล่อนพูดขึ้นมา
“แน่นอนว่า นายเพลิงไม่ใช่คนใจร้าย พวกลุงเองก็ใช่ว่าอยากจะทำร้ายหนูพราว แต่เป็นเพราะคำสั่ง พวกเราก็ต้องทำตาม หนูพราวทนอยู่ไปก่อนนะ” สมคิดพูดขึ้นมา เขาเดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ สมชาย
“ถ้าหนูพราวไม่ดื้อกับนายเพลิง รับรองว่านายจะไม่มีวันใจร้ายกับหนู ลุงเอาหัวเป็นประกัน” สมรักก็ร่วมผสมโรงอีกคน แต่นับจากนี้ไป เจ้านายของเขาจะเป็นอย่างที่พวกเขาได้พร่ำบอกเด็กสาวหรือไม่
“บอกพราวได้ไหมคะ ว่านายของพวกลุงจับพราวมาทำไม พราวไปทำอะไรให้เขากันแน่ อีกอย่างพราวไม่รู้จักเขามาก่อนด้วยซ้ำ”
“เรื่องนี้หนูพราวต้องไปถามนายเอาเองนะ พวกลุงไม่รู้แค่ทำตามคำสั่ง”