ออกไปจากชีวิตของพวกเราซะ
ตระกูลเดชดำรงชัย
“เตี่ยคะ วันนี้หนูทำโจ๊กกุ้งมาฝากคะ ส่วนคุณแม่ไม่ได้มาด้วยนะคะ ช่วงนี้คุณแม่ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดค่ะ อีก 5 วันคุณแม่ก็จะได้ผ่าตัดแล้วนะคะ เตี่ยไม่ต้องเป็นห่วงหนูกับแม่แล้วนะคะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดหนูก็มีแล้ว พี่ภาคินให้เงินหนูมาแล้วค่ะ ถึงพี่เค้าจะดูไม่พอใจหนูอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยังยอมให้หนูอยู่เหมือนเดิมค่ะ”
เฟญ่าเอ่ยพูดให้ผู้เป็นพ่อเลี้ยงของเธอฟัง ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอกับแม่จะไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว แต่เธอก็ยังคงแวะมาหาท่านอยู่ทุกวัน มาป้อนข้าวป้อนน้ำ และเช็ดตัวให้ท่านอยู่ตลอดไม่เคยลืม
ประทีปเลี้ยงดูเธอตั้งแต่เธออายุได้แค่สองขวบเท่านั้น ในตอนนั้นที่แม่ของเธอหนีพ่อกลับมาถึงเมืองไทยก็เจอเข้ากับประทีปที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประทีปทำกระเป๋าเอกสารสำคัญหล่น แม่ของเธอจึงเข้าไปช่วยเก็บไว้ เมื่อประทีปเงยหน้ามาเจอแม่ของเธอที่ยังสาวและสวยอยู่ก็เกิดพึงพอใจ และชักถามกันไป จนรู้ว่าตอนนั้นแม่ของเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ประทีปจึงใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักและรับแม่ของเฟญ่ามาอยู่ด้วยเลย
“ตอนนี้หนูมีงานทำ ต่อไปนี้หนูก็จะมีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว หนูจะช่วยพี่ภาคินทำงานเพื่อตอบแทนพระคุณของเตี่ยที่เลี้ยงดูหนูมาค่ะ ยังไงหากว่าคุณแม่ได้รับการผ่าตัดและหายดีแล้ว หนูจะพาคุณแม่มาเยี่ยมเตี่ยนะคะ”
เฟญ่ายังคงนั่งพูดคุยกับพ่อเลี้ยงของเธอที่ตอนนี้นอนเป็นผักอยู่บนเตียง ไม่สามารถพูดคุยได้ เธอจำเป็นที่จะต้องพูดโกหกเรื่องงานและเงินที่ได้มา และต้องบอกพ่อเลี้ยงของเธอไปว่าเธอกับพี่ชายนั้นยังคงเป็นเหมือนเดิม ภาคินยังให้เงินเธอกับแม่อยู่เหมือนเดิมถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้วก็ตาม แต่ที่จริงแล้ว ภาคินไม่เคยได้ให้อะไรเธอเลย
เฟญ่าต้องทำงานเป็นโคโยตี้เพราะเป็นอาชีพที่สุจริตที่สุดแล้ว แถมยังได้เงินเยอะมากอีกด้วย เธอบอกแม่ของเธอว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ผับแห่งหนึ่งได้ทิปต่อวันเยอะมาก แม่ของเธอก็ไม่อยากให้เธอทำงานที่นั่นเหมือนกันเพราะมันไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงแบบลูกสาวของเธอ เพราะเฟญ่านั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยสดงดงามและยังตรงสเปคของผู้ชายหลาย ๆ คนด้วย แต่เพราะว่าที่ผับนั้นมีเจ้แต้วที่เป็นสาวประเภทสองและยังเป็นเพื่อนของแม่เธอด้วย แม่ของเธอจึงยอมให้เธอไปทำงานที่นั่นเพราะหวังว่าเจ้แต้วคงจะช่วยดูแลลูกสาวของเธอให้รอดพ้นจากพวกหัวงูไปได้
“ที่นี่มีคนทำอาหารและมีพยาบาลพิเศษคอยอยู่ดูแลพ่อของฉันอยู่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ทุกวัน ฉันไม่อยากเห็นหน้า” ภาคินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม เมื่อเจอเฟญ่าเดินออกมาจากห้องนอนของพ่อตัวเอง
“พี่ภาคิน”
“ฉันไม่ใช่พี่ของเธอ อย่ามาเรียกฉันแบบนี้อีก”
“ค่ะ ไม่เรียกก็ได้ แต่ที่หนูมาที่นี่ก็เพราะมาเยี่ยมเตี่ย เตี่ยมีพระคุณต่อหนู จะให้หนูทิ้งท่านไปโดยที่ไม่กลับมาดูดำดูดีเลยก็คงจะไม่ได้หรอกค่ะ”
“เธอมาแล้วช่วยอะไรได้บ้างล่ะ พ่อของฉันจะกลับมาหายดีเหมือนเดิมมั้ย”
“ถึงแม้ว่าท่านจะกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ แต่หนูรู้ว่าท่านก็คงจะดีใจมากเหมือนกันที่หนูแวะมาหาท่านบ่อย ๆ และไม่เคยลืมท่านเลย”
“เธอจะรู้ได้ยังไงว่าท่านจะดีใจ ท่านอาจจะไม่ได้รับรู้อะไรเลยก็ได้”
“ทำไมพี่ถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ ถึงแม้ว่าเตี่ยจะไม่สามารถขยับตัวหรือช่วยเหลือตัวเองได้ แต่คุณหมอก็บอกนี่คะว่า สภาพจิตใจของท่านยังสามารถรับรู้ได้เหมือนเดิม และยังคงรู้สึกเหมือนเดิมด้วย”
“แล้วยังไง ไม่มีเธอกับแม่ของเธออยู่ที่นี่ ฉันก็สามารถดูแลเตี่ยได้ ไม่จำเป็นต้องมีเธอก็ได้ ฉันเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อ ท่านย่อมสบายใจอยู่แล้วเมื่อมีฉันอยู่ดูแล ไม่เหมือนเธอที่เป็นแค่ลูกเลี้ยง ที่คอยแต่จะมาเกาะใช้เงินของพ่อฉัน”
“หนูไม่เคยคิดแบบนั้น”
“ไม่คิดงั้นเหรอ แล้วค่าใช้จ่ายของแม่เธอทุก ๆ เดือนที่ผ่านมาล่ะ เดือนหนึ่งเป็นแสน เธอคิดว่ายังไงล่ะ ไหนจะค่าเลี้ยงดูเธอและส่งเสียให้เธอเรียนอีก”
“หนูจะหาเงินและทยอยคืนให้เองค่ะ”
“เห๊อะ คืนงั้นเหรอ เธอคิดว่าจะมีปัญญาคืนหมดเมื่อไหร่ล่ะ”
“แล้วพี่จะให้หนูทำยังไงล่ะคะ พี่ถึงจะไม่พูดแบบนี้อีก”
“ออกไปจากชีวิตของฉันกับพ่อซะ อย่ามาให้ฉันกับท่านเห็นหน้าเธอกับแม่ของเธออีก”
“........”
เฟญ่าไม่ได้ตอบอะไรนอกจากร้องไห้น้ำตาร่วงเผาะทันทีที่ภาคินพูดออกมาแบบนั้น เธอไม่กล้ารับปากและตอบตกลงเขาด้วยซ้ำ จะให้ทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ จะให้เธอทิ้งผู้ที่มีพระคุณกับเธอแบบนี้ได้ยังไงกัน หากจะให้เธอต้องออกไปจากชีวิตของท่านจริง ๆ เธอยอมปล่อยให้ภาคินพูดทำร้ายจิตใจเธอแบบนี้ต่อไปจะดีกว่า
หญิงสาวเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วก็มุ่งหน้าไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาลต่อ
“แม่คะ”
“เฟญ่า มาแล้วเหรอลูก ทำไมวันนี้มาเร็วจังเลยล่ะลูก ไม่ได้เข้าไปหาเตี่ยเหรอ”สกาวใจเอ่ยถาม เพราะปกติแล้วช่วงเวลานี้ลูกสาวของเธอจะต้องอยู่ที่บ้านเดชดำรงชัยเพื่อป้อนข้าวและเช็ดตัวให้กับประทีปก่อน
“หนูไปมาแล้วค่ะ แต่วันนี้ไปทันแค่ป้อนข้าวเย็นให้เตี่ยเท่านั้น แต่ไม่ได้เช็ดตัวให้ท่าน เพราะมีพยาบาลเข้ามาทำต่อให้แล้วค่ะ”
“หนูเจอพี่ภาคินเค้าใช่มั้ยลูก” สกาวใจพอจะมองสีหน้าของลูกสาวออก ว่าต้องเจอเรื่องมาแน่นอน และเรื่องนั้นต้องเกี่ยวกับภาคินด้วย
“ค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปอย่างไม่ปิดบัง เพราะรู้ดูว่าแม่ของเธอนั้นมองออก