ตอนที่ 10 ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ (02)
"ต๊ายตายฉันก็นึกว่าใคร! ที่แท้ก็เธอนี่เอง"
"สวัสดีจ้ะ พี่ฟ้าสบายดีไหมจ้ะ" รมิดาเอ่ยปากทักทายอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
พี่ฟ้าคือคนรับใช้ของบ้านซึ่งไม่ค่อยชอบขี้หน้าของรมิดาเท่าไหร่ และยิ่งทำให้คนหนูของบ้านประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทุกคนก็ยิ่งรังเกียจรมิดาเข้าไปใหญ่ไม่เว้นแม้กระทั่งคนรับใช้
"ถ้าไม่สบายจะยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้หรอ สมน้ำหน้าอิพวกที่คิดว่าตัวเองสวยแล้วจะเอาใครก็ได้ แต่เสียทีที่คุณพีทเขาไม่เอา"
"อุปกรณ์อยู่ตรงไหนคะพี่ฟ้า เดี๋ยวดาจะไปรดน้ำพรวนดิน"
"หนอย! ที่ฉันพูดไม่เข้าหูแกเลยหรอ!!"
"ดาไม่อยากเถียงค่ะ ตอนนี้คุณพีทให้ดามารดน้ำพรวนดินต้นไม้หน้าบ้าน"
"ดี! งั้นก็ทำมันให้เสร็จภายในวันนี้เลยนะ" ฟ้าโยนอุปกรณ์ทำสวนให้รมิดาแต่หญิงสาวรับไม่ทัน "สมน้ำหน้า รู้ซึ้งถึงรสชาติของหมาหัวเน่าแล้วหรือยัง!"
"ดาไม่ใช่หมาหัวเน่าค่ะ"
"อ้อลืมไป! เธอคือคนที่ทำให้คุณหนูกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา"
"ดาจะดูแลคุณแพมจนกว่าเธอจะฟื้นค่ะ"
"ไปฟังมาจากไหนว่าคุณหนูจะฟื้น เขาเม้าท์กันทั้งคฤหาสน์แล้วว่าคุณแพมไม่มีโอกาสฟื้น!"
กึก!
"จะ...จริงหรอ" น้ำเสียงของรมิดาอ่อนยวบ
ถ้าที่ทิชากรไม่ฟื้นขึ้นมาจริงๆ เธอก็ต้องอยู่ที่นี่ไปจนวันตาย!
"ไป๊ๆ ไปทำงานได้แล้ว แดดร้อนแบบนี้หวังว่าคงไม่เป็นลมแดดตายก่อนนะ พวกกิ้งก่าได้ทองอย่างเธอมันจะทนแดดทนฝนได้นานเท่าไหร่กันเชียว!"
"ดาทำได้จ้ะพี่ฟ้า ปกติที่บ้านของดาก็ทำสวนเหมือนกัน"
"เออ! ไว้ฉันจะรอดูพวกคุณหนูจอมปลอม"
รมิดาพยายามไม่ใส่ใจอะไรกับคำพูดของฟ้า เพราะเมื่อก่อนเธอก็โดนคนรับใช้ถากถางเป็นประจำ อาจเป็นเพราะได้รับสารที่ไม่ดีจากคุณหญิงทำให้ทุกคนมองว่าเธอหวังเข้ามาปอกลอกทีปกร แต่พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะคนที่รู้ตัวดีว่ารู้สึกยังไงนั่นก็คือตัวเธอเอง
"ทำไมแดดมันร้อนแบบนี้นะ" แม้แดดจะร้อนแต่รมิดาก็จำเป็นต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำวันนี้เธอก็จะไม่ได้กินข้าว
หญิงสาวลงมือรดน้ำพรวนดินต้นไม้อย่างชำนาญ ด้วยความที่พื้นที่บริเวณรอบๆบ้านค่อนข้างกว้าง ทำให้รมิดาซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆเพียงคนเดียวเหนื่อยพอสมควร อีกทั้งตอนนี้ก็เป็นแดดช่วงบ่ายเธอต้องปาดเหงื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยคราบเหงื่อไคล
ชายหนุ่มที่กำลังยืนจิบกาแฟอยู่บนชั้นสองของบ้านมองลงมาด้วยความสะใจ เขายืนอยู่ในบ้านยังรู้สึกร้อนขนาดนี้รมิดาเองก็คงไม่ต่างอะไรจากโดนไฟไหม้ แต่มันก็สมควรแล้วแหละ เพราะคนที่ทำให้น้องสาวของเขากลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เจอแค่นี้ยังน้อยไป!
ปึก!ปึก!
รมิดาลงมือพรวนดินจนตอนนี้ฝ่ามือของเธอรู้สึกแสบไปหมด มันทั้งพองทั้งบวมแดงเนื่องจากเสียดสีกับด้ามจับเป็นเวลานาน แต่เธอจะย่อท้อไม่ได้ เพราะอีกแค่นี้เดียวก็จะรดน้ำพรวนดินเสร็จแล้ว
"ไง ยังไหวใช่ไหม" น้ำเสียงอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง รมิดารีบหันหน้ามาตามเสียงเรียกทำเอาทีปกรตกใจเพราะใบหน้าของเธอโดนแดดเผาซะจนแดงไปทั่วทั้งใบหน้า
"วะ...ไหวค่ะ" กลั้นใจตอบแม้ตอนนี้ร่างกายจะไม่ไหวจนเต็มทนแต่เธอก็ต้องฝืนลงมือพรวนดินต่อไป เหลืออีกแค่สองแปลงก็จะเสร็จแล้ว เพราะเธอทั้งตัดหญ้าและรดน้ำพรวนดินไปด้วย
"ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ ฉันจะได้บอกลุงสมหมายมาทำต่อ"
"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ...ดะ...ดายังไหว อีกแค่นิดเดียวเอง"
หญิงสาวพยายามยัดกายลุกขึ้นยืน ตอนนี้แข้งขาของเธออ่อนแรงไปหมดทั้งรู้สึกเจ็บแสบที่บริเวณฝ่ามือ แดดร้อนๆกำลังเผาไหม้จนตอนนี้ทั่วทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ชายหนุ่มยืนถือร่มมองด้วยความสะใจ เขารู้ดีว่ายังไงซะรมิดาก็ต้องทำให้เสร็จเพราะนั่นมันคือนิสัยของเธอ
ตอนนี้ท้องของรมิดาเริ่มปะทุเนื่องจากใช้พลังงานมากทำให้เธอรู้สึกหิวข้าว ต้องรีบทำให้เสร็จจะได้กินข้าวเร็วๆ
ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะลุกเปลี่ยนท่าจู่ๆก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาจนร่างของเธอเซล้มแต่โชคดีที่มีใครบางคนรับตัวของเธอไว้ รมิดาจึงตกอยู่ในอ้อมแขนของทีปกร ไม่ได้เต็มใจรับแต่เธอต่างหากที่เซมาทางเขา และยิ่งได้ดูใกล้ๆเต็มสองตาก็ทำให้เขาเห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของรมิดาเริ่มซีดแม้จะโดนแดดเผาจนแก้มแดง
"มันคือแผนการของเธอใช่ไหม"
เสียงของชายหนุ่มถามขึ้น ตอนนี้รมิดาแทบไม่มีสติ เธอมองไม่เห็นใบหน้าของเขาแต่กลับมองเห็นแสงจ้าของดวงอาทิตย์จนแสบตาและพยายามจะดันร่างออกจากอ้อมแขนของทีปกร แต่ทว่าตอนนี้ร่างทั้งร่างกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
"มะ..ไม่ใช่ค่ะ...ดา..คะ..แค่หน้ามืด"
"ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเป็นอะไร แต่พอฉันมานี่หน้ามืดเลยนะ กะจะเรียกร้องความสนใจใช่ไหม" เขาพูดแต่ก็ยังไม่ปล่อยเธอจากอ้อมแขน
"อึก...ปะ..เปล่าค่ะ...ดะ...ดาหน้ามืดจริงๆ"
"ฉันถามเธอไปแล้วนี่ว่าจะให้ลุงสมหมายมาทำแทนไหม แต่เธอก็ตอบว่าไม่"
"ฉะ...ฉันกลัวไม่ได้กินข้าวค่ะ"
"เธอคิดว่าฉันเป็นคนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้นเลยหรอรมิดา ขนาดหมาในบ้านยังได้กินข้าวเลย"
"อึก...งะ...งั้นดาจะรีบๆไปทำให้เสร็จ..ละ...เหลืออีกแค่แปลงเดียวเอง"
"หึ!" หมอหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ผู้หญิงคนนี้อวดเก่งที่สุด รู้ทั้งรู้ว่าไม่ไหวแต่ก็ยังจะฝืน แต่ในเมื่ออยากฝืนนักเขาก็จะให้เธอทำ มือใหญ่สลัดร่างบางออกจากอ้อมแขนแล้วผลักเธอไปที่แปลงดอกกุหลาบ "เอ้า! อยากทำนักก็ไปทำให้มันเสร็จ!"
"ค่ะ..อึก!"
รมิดาที่ตอนนี้เหนื่อยจนแข้งขาหมดแรงถูกผลักออกจากอ้อมแขนอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้เธอหน้ามืดเป็นลมล้มทับแปลงดอกกุหลาบในที่สุด
"เฮ้ย!! รมิดา!!!"