4
“จับเธอมาไม่เห็นจะต้องใช้ความกล้าอะไรเลย”
“นี่คุณ!!!” เธอเม้มปากแน่น เขากวนอารมณ์เธอเหลือเกิน
“กินเสียสิ จะได้มีแรง เธอฉลาดอยู่เหมือนกันที่ไม่ปัดอาหารทิ้ง ไม่งั้นจะอดตาย” เขากอดอกมองเธอ นราวดีมองตอบเขาบ้าง พยายามทำใจดีสู้เสือเอาไว้
“ฉันจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ จะเอาตำรวจมาลากคอคุณเข้าคุก คอยดูสิ”
“ฉันชักจะกลัวแล้วสิ” เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มองเธออย่างยียวน
“คนเลว!!!” เธอหาอะไรสักอย่างใกล้ตัวเขวี้ยงใส่เขา แต่เขารับได้ทุกอย่าง ทั้งหมอน ทั้งอะไรอีกหลายอย่าง ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ประตู หันมามองเธออย่างเยาะหยัน แล้วปิดประตูปังใหญ่ตามหลัง เธอได้แต่หอบอยู่ใกล้เตียง มองเขาอย่างโมโห
“คอยดู ฉันจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้” เธอบอกตัวเองแบบนั้น ป่านนี้คงไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไป เพราะกลับมาเมืองไทยก็ไม่ได้บอกบิดามารดาหรือใครเลย แค่อยากจะเซอร์ไพร้ส์ทุกคน แต่ดันกลายเป็นเธอหายไปโดยที่ไม่มีใครรับรู้ มันน่าเจ็บใจนัก
อาหารที่เขาหามาให้ ถึงแม้จะเป็นอาหารง่ายๆ ข้าวไข่เจียวแต่มันก็ทำให้เธอคลายจากความหิว และอาการปวดท้องได้เป็นอย่างดี ทานเสร็จเธอก็พยายามหาทางออก แต่มันล็อกแน่นทุกอย่าง แถมยังมีเหล็กดัด เธอไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้เลย น้ำตารินไหลอย่างหวาดกลัว คนที่จับตัวเธอมาอาจจะเป็นพวกโรคจิตก็ได้ เธอไม่เคยมีความแค้นอะไรกับใคร และไม่เคยกลับมาประเทศไทยหลายปี
ทำไมถึงโดนจับมา? นราวดีถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่ไม่ได้รับคำตอบ เธอหาทางออกจากห้องแคบๆ จนเหนื่อย จนเผลอหลับไปอีกรอบ มื้อเย็นเป็นข้าวผัด ซึ่งเขาเอามาให้เธอกินเช่นเดิม กลิ่นหอมของมันทำให้น้ำลายสอ เธอไม่ได้เห็นแก่กิน แต่พอหิวแล้วแสบท้อง มันต้องหาอะไรกิน คิดไปคิดมาเขาก็ยังใจดีให้เธอกินอาหารครบทุกมื้อ ไม่ได้ละทิ้งให้อดอยากหิวโหย ทรมานเธอมากกว่าเป็นอยู่
เขาออกไปแล้ว ทิ้งจานข้าวผัดเอาไว้กับน้ำหนึ่งขวด เธอเลิกโวยวายเพราะโวยวายจนเหนื่อยเขาก็ไม่แยแส ในสมองขบคิดอะไรมากมายจนหัวแทบแตก แต่คิดไม่ออกว่าจะหนีออกไปยังไงดี ป่านนี้ก็คงไม่มีใครรู้ว่าเธอหายตัวไป เพราะเธอมีปัญหากับแฟนใหม่ของป้า จึงถูกท่านไล่ออกจากบ้าน เธอเก็บเงินได้นิดหน่อยจากการทำงานในต่างแดน จึงตัดสินใจกลับประเทศไทย หลังจากที่ผู้เป็นป้าด่าว่าบิดาของเธอให้ฟังไม่กี่วันก่อนมีเรื่อง เธอไม่รู้หรอกนะว่าพวกท่านทะเลาะอะไรกัน แต่พักหลังนั้นเงินที่บิดาส่งให้ ถูกผู้เป็นป้าเอาไปใช้เสียหมด ท่านบอกว่าเป็นค่าเลี้ยงดู เธอจึงต้องหางานทำเอง แต่ไม่เคยปริปากเล่าเรื่องนี้ให้ที่บ้านฟัง
หญิงสาวกินข้าวผัดเอาแรงอีกครั้ง คิดว่าถ้าเขาเข้ามาอีกรอบ เธอน่าจะหลบอยู่ข้างประตู หาอะไรเหมาะๆ มือตีหัวเขาตอนเขาเข้ามาและหนีไป แต่ในห้องไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย เธอมองจานข้าวของตัวเอง มันเป็นจานกระเบื้องและหนักอยู่เหมือนกัน ถ้าทุบหัวเขาแรงๆ ฟาดไปเต็มๆ เขาต้องเสียหลักและเธออาจจะหนีได้
นราวดีจัดการกับอาหารตรงหน้าจนหมด แล้วคิดทบทวนแผนการของตัวเอง มันอาจจะมีโอกาสรอดเหลือน้อย แต่ก็ต้องเสี่ยง เวลาผ่านไป ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มเกิดขึ้นกับตัวเอง เธอหอบหายใจหนักๆ ร่างกายร้อนรุ่มไปหมด อาการเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด พลันสายตาก็มองจานข้าวผัดที่เพิ่งทานไปเมื่อครู่
หรือว่าเขาจะใส่อะไรลงไปในข้าวผัดและน้ำให้เธอดื่ม!!!
เสียงครวญครางที่ดังอย่างต่อเนื่องบ่งบอกถึงความร้อนแรงของบทรัก นราวดีอยากผลักไสเขาในคราแรก แต่ต้านทานแรงอารมณ์ไม่ไหว เสียงเตียงและเสียงกระแทกกระทั้นบ่งบอกถึงความเร่าร้อนที่คนร่วมเตียงมีต่อกัน
เธอเกลียดสัมผัสของผู้ชายคนนี้จับใจในเวลาที่เขาห่างหายไปแล้ว แต่ตอนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนด้วยกันเธอกลับปรารถนาสัมผัสของเขาอย่างไม่น่าให้อภัย
เขาฝังกายเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะจากไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้เธอชอกช้ำเหลือแสน นราวดีคิดจะหนีหลายครั้งแต่หนีไปไหนไม่รอด เพราะห้องแคบๆ ที่กักขังเธอเอาไว้ถูกปิดกั้นทุกหนทาง
นราวดีจำต้องกินอาหารที่เขานำมาให้อยากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเคยแสดงฤทธิ์เดชไม่กิน และเธอก็แทบนอนจมเตียงเมื่อเขาหักหาญเอาแต่ใจ