3
“ตื่นแล้วเหรอ” เขาเอ่ยทักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้าของเขากระด้างและเย็นชา
“คุณจับฉันมาเหรอคะ จับฉันมาทำไม” เธอมองชายหนุ่มตรงหน้า กวาดสายตามองอย่างสำรวจ
“กินข้าวไหม หิวหรือเปล่า”
“คุณต้องการอะไรคะ” ขณะถามเธอก็แอบคำนวณอายุของเขา เขาน่าจะอายุไม่เกินสามสิบปี
“อยากจับก็จับมาเฉยๆ มีอะไรไหม” น้ำเสียงของเขายียวนและไม่ยีหระ
“บ้านเมืองมีกฎหมาย ฉันจะแจ้งตำรวจจับคุณ”
“ข้อหาอะไรมิทราบ”
“ก็... ก็เมื่อคืนคุณข่มเหงฉัน” เธอพูดปากคอสั่น
“เธอสมยอมเอง เรียกร้องให้ฉันทำแรงๆ เสียด้วยซ้ำ”
“ไม่จริง คุณโกหก” หน้าเธอแดงจนร้อนซู่เมื่อเขาพูดเช่นนั้น
“จริง” เขาพูดเสียงหนัก คล้ายจะสำทับว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง
“ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย และฉันก็ไม่รู้จักคุณด้วย”
“แต่ฉันรู้จักเธอดี รู้จักครอบครัวของเธอดี”
เสียงของเขากร้าวขึ้น ก่อนจะเดินมาที่เตียง จับคางของเธอบีบจนเจ็บ ดวงตาของเขาดูน่ากลัวเหมือนเปลวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผา
ผู้หญิงคนนี้คือฆาตกรที่ฆ่าพี่สาวของเขาตาย ตอนนั้นเขาเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในต่างจังหวัด เพราะผู้มีพระคุณของบิดาอุปการะเขาเอาไว้ ท่านมีฐานะร่ำรวยแต่ไม่มีทายาทสืบสกุล จึงรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม ตอนงานศพของพี่สาว เขานั่งรถกลับมาแต่ประสบอุบัติเหตุจึงไม่ได้มาร่วมงานได้ ทำได้เพียงแค่มาเก็บเถ้ากระดูกไปลอยอังคารเท่านั้น ตอนขึ้นโรงขึ้นศาลก็ติดงานต้องช่วยบิดาบุญธรรม แต่รับรู้ว่าบิดามารดาของเขาไม่ขอรับความช่วยเหลือจากคนใจบาปหยาบช้าพวกนั้น ก่อนเดินทางมาอยู่ต่างจังหวัดและตรอมใจเรื่องพี่สาวจนล้มป่วยเสียชีวิตในที่สุด
“คุณเป็นใครกัน” ถามเขาเสียงสั่น ถึงจะทำให้ตัวเองเข้มแข็งสักแค่ไหนแต่ก็ไร้ผล
“ถึงเวลาเธอก็รู้เอง กินข้าวซะเถอะ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่กลับไปเจอหน้าครอบครัวก็รักษาชีวิตเอาไว้” เขาผลักคางของเธอออกห่างจนร่างเล็กล้มหัวซุนบนที่นอน
“เราไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ปล่อยฉันไปเถอะนะ คุณอยากได้เงินเท่าไหร่ฉันจะให้”
“ฉันไม่ต้องการเงิน”
“แล้วคุณต้องการอะไร”
“ถึงเวลาก็รู้เอง” เขาพูดก่อนจะยักไหล่อย่างเฉยชา
“อย่าเพิ่งไป กลับมาก่อน” เธอร้องเรียกเมื่อเขาเดินหายออกไปจากห้อง หญิงสาวใช้ผ้าห่มห่อตัวเองเอาไว้ ก่อนจะลงจากเตียง แต่ต้องร้องด้วยความเจ็บแปลบกลางกาย
“โอ๊ย!” เธอล้มซุนลงกับกองผ้าห่ม นั่งแหมะอยู่บนพื้น ความเจ็บปวดที่รู้สึกทำให้นึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา จู่ๆ น้ำตาก็ไหลพรากอาบแก้มนวล
เธอหันมองรอบกาย ที่นี่เป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เสียงนกร้อง และเสียงลำธารที่เธอพยายามเงี่ยหูฟังทำให้รู้ว่ามันอาจจะอยู่ในป่า
นราวดีปรับอารมณ์ให้เข้มแข็ง พยายามลุกขึ้น เธอสำรวจห้องแคบๆ เจอกับกระเป๋าเดินทางของตัวเอง และประตูบานหนึ่งพอเปิดเข้าไปก็เป็นห้องน้ำ เธอรีบจัดการกับตัวเอง คิดว่าควรจะรีบอาบน้ำสวมใส่เสื้อผ้าและหาทางออกไปจากที่นี่ ลองค้นหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองปรากฏว่ามันหายไป คนที่จับตัวเธอมาคงเอามันไป
เข้าห้องน้ำอาบน้ำก็ต้องร้องซี๊ดเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบตรงส่วนนั้น เธอแข็งใจทำความสะอาดก่อนจะร้องไห้อยู่คนเดียวกับโชคชะตาอันแสนโหดร้ายที่ได้รับ มันย่ำแย่เกินทนกับสิ่งที่ได้พบเจออย่างไม่คาดคิด
นราวีดีอาบน้ำเสร็จ ออกมาแต่งตัวเรียบร้อยในชุดรัดกุม เธอมองอาหารตรงหน้าอย่างชั่งใจ กลัวเขาใส่ยาพิษ แต่ความหิวทำให้ท้องเธอร้องประท้วง คิดว่าถ้าจะตายก็ให้มันตายไปเถอะ เพราะพยายามหาทางออกจากที่นี่ก็ไร้ประโยชน์ ถ้าไม่กินอะไรเลยเธอจะแย่ ต้องลองเสี่ยง เพราะเป็นโรคกระเพาะ ปวดท้องออกบ่อย ถ้าไม่กินอะไรจะยิ่งแสบท้องเข้าไปอีก
นราวดีทานอาหารจนอิ่มแปล้ ก่อนจะดื่มน้ำตามแล้วถอนใจเฮือก เธอเดินไปเดินมาในห้อง รู้สึกท้อแท้สิ้นหวังเพราะหาทางออกไปจากที่นี่ไม่เจอ ก่อนจะเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกรอบก็เห็นผู้ชายคนนั้นเดินไปมาอยู่ในห้อง
“อาหารกลางวันกินเสียสิ”
“คุณจับฉันมาทำไม ทำแบบนี้ทำไม”
“ถามคำถามเดิมๆ มันไม่มีคำตอบเธอก็รู้”
“คุณเป็นใคร กล้าดียังไงจับคนอื่นมากักขังเอาไว้แบบนี้”