ตอนที่ 4
เพื่อให้แน่ใจ เขาถามแล้วก็นิ่งฟังคำตอบ ด้วยอยากได้ยินชัดๆ จากปากของหญิงสาว
“ค่ะ…”
คนถูกถามตอบสั้นๆ ก่อนจะหันไปยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“คุณร้องเพลงอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ” นาตาลีชวนคุย
“สองปีกว่าแล้วครับ… ผมรับงานที่อื่นด้วย ไม่ได้ประจำอยู่ที่นี่”
“เป็นคนซานฟรานซิสโกหรือเปล่าคะ”
“อ๋อ… ผมมาจากเท็กซัสครับ”
“ยังงี้นี่เอง… ไม่แปลกใจแล้วละค่ะว่าทำไมคุณร้องคันทรี่ได้จับใจเหลือเกิน”
“ดีใจที่คุณชอบครับ อืม… ผมว่าเราไปคุยกันหลังร้านดีกว่าไหมครับ… ข้างในนี้เสียงดังมาก”
ริกกี้หาเหตุผลเพื่อชักชวนหญิงสาวออกไปข้างนอก
“ฉันกะว่ากำลังจะกลับอยู่พอดี…”
นาตาลียกหลังมือขึ้นมองนาฬิกา
“อะไรกัน… ราตรีนี้ยังอีกยาวนาน ไม่ทันไรจะกลับแล้วหรือครับ”
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชีวิตของคนทำงานกลางคืนอย่างเขาจะมีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้องไม่เว้นแต่ละคืน นาตาลีก็เช่นกัน เขาไม่ได้จีบเธอด้วยวิธีที่แตกต่างหรือพิสดารออกไปจากทุกครั้งที่เคยใช้ผู้หญิงคนอื่นๆ เหมือนรู้ว่าปลายทางของความสัมพันธ์สั้นๆ ที่รออยู่ข้างหน้านั้น แท้จริงก็เริ่มง่ายๆ… ด้วยรอยยิ้มทักทายสุภาพ ส่งผ่านความรู้สึกไปทางสายตาที่มองกันไปมองกันมา ตามด้วยการเลี้ยงเหล้าซึ่งเขาทำอยู่เป็นประจำ จากนั้นจึงค่อยชักชวนกันออกไปหามุมสงบที่หลังร้าน อาจจะเป็นในซอกหลืบที่ลับหูลับตาเหมือนอย่างที่เคยเห็นจนชินตากับภาพของหญิงชายที่พลอดรักกันอยู่หลังผับและบาร์เหล้า ในค่ำคืนอันเปลี่ยวเหงาว้าเหว่ที่หัวใจต้องการใครสักคน
ริกกี้หยัดร่างขึ้นจากเก้าอี้ นาตาลีลุกขึ้นตามหลัง เขาเอื้อมมือออกไปโอบเอวหล่อนเบาๆ แล้วพากันเดินออกไปหลังร้าน แม้ว่าตอนแรกหญิงสาวจะออกอาการลังเลเล็กน้อย สำนึกผิดชอบชั่วดีกำลังตีกันมั่วอยู่ในหัว หากแต่ฤทธิ์ของสุราที่ร้อนวูบวาบอยู่ในร่างกาย ก็ทำให้เกิดเธอความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ที่บริเวณด้านหลังของผับ ระหว่างทางเดินแคบๆ ที่ริกกี้จูงมือนาตาลีออกมา เธอสังเกตเห็นว่ามีหญิงชายหลายคู่กำลังกอดจูบ บ้างก็ยืนสูบบุหรี่ บางคู่ก็พรอดรักกันดูดดื่มราวกับเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของสถานที่แห่งนี้
“เดี๋ยวค่ะ…”
นาตาลีใจหายวาบ เมื่อริกกี้พยายามจะจูบ เขารั้งเอวเธอเข้าไปหลบหลังเหลี่ยมเสาต้นใหญ่ระหว่างทางเดินแคบๆ ที่ทอดไปสู่ลานจอดรถ
“จะดีหรือคะ… ”
เธอลังเลเล็กน้อย สองจิตสองใจที่จะปล่อยตัวไปกับเขา
“ไม่ต้องกลัวนะครับ”
แม้ดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาจะส่องประกายวามวาวจนนาตาลีรู้สึกได้ถึงความเป็นคนเจ้าชู้ แต่ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรและมีเสน่ห์ การพูดจาที่ฟังดูสุภาพนุ่มนวล ก็ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวถึงอันตรายที่จะตามมา
“ตรงนี้ปลอดภัยครับ… คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก”
สายตาของเขาเชื่อมวาวไปด้วยอารมณ์ความต้องการ บอกแล้วชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าหาเธออย่างเร่าร้อน
แม้จะลังเลใจอยู่บ้าง แต่นาตาลีก็ตะแคงใบหน้ารับริมฝีปากของเขาที่บดคลึงลงมาอย่างเร่าร้อน มือซุกซนข้างหนึ่งของริกกี้โอบรัดแผ่นหลังของเธอเอาไว้ ขณะที่มืออีกข้างทาบคลึงอยู่กับทรวงอกอวบใหญ่ พยายามปลุกเร้าอารมณ์ของเธอด้วยการเคล้นคลึงเบาๆ จนหญิงสาวหายใจติดๆ ขัดๆ
นาตาลียอมรับว่าริกกี้จูบเก่งอย่างเหลือเชื่อ แม้ความกำยำล่ำสันของเขาจะเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับลีโอซึ่งเป็นแฟนของเธอ แต่วิธีการปลุกเร้าของริกกี้ก็ทำให้หญิงสาวมีอารมณ์ร่วมไปกับเขา ใบหน้าร้อนวูบวาบ จิตใจไหววูบเตลิดเพริดไปกับการปลุกเร้าโดยง่ายดาย โอนอ่อนให้เขาจูบไซ้เหมือนผู้หญิงชั้นต่ำที่ชอบแอบมาเสพสมกับผู้ชายไม่เลือกหน้า
“พอเถอะค่ะ… ฉันจะกลับแล้ว”
เธอขืนกายออกมาจากอ้อมกอดเขา
สติที่เหลืออยู่น้อยนิดสั่งว่าให้หยุดเสียแต่ตอนนี้ ก่อนที่อะไรๆ จะเกินเลยไปมากกว่านั้น
“ให้ผมไปส่งคุณนะครับ”
เขาคลายจูบอย่างนึกเสียดาย แต่ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ
“ฉันกลับเองได้ค่ะ… ”
“ได้ยังไง… จะทิ้งกันไปง่ายๆ แบบนี้หรือ? ตอนนี้ผมเสร็จงานแล้วด้วย ว่างพอดี ตกลงให้ผมไปส่งคุณที่ห้องนะครับ”
เขาออดอ้อนไม่ยอมเลิกรา และความเหว่ว้าก็ทำให้นาตาลีพยักหน้ายินยอมในที่สุด
ในเวลาต่อมา
ที่อพาร์ทเมนท์ของนาตาลี ภายในห้องพักซึ่งมีขนาดไม่กว้างขวางนัก ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบแบบน็อคดาวน์สมัยใหม่เพื่อประหยัดพื้นที่ในการใช้สอย
“คุณเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่มาก… รู้ตัวไหม”
พอสิ้นคำชม มือใหญ่ของริกกี้ก็รวบร่างรัดรึงของหญิงสาวเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมแขน มือเรียวของนาตาลีลูบไล้เบาๆ ลงบนรอยสักเป็นรูปเปลวไฟสีแดงบริเวณต้นแขนของเขา รอยสักนั้นทำให้ริกกี้ดูร้อนแรงขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ