ตอนที่ 2
‘รสริน’ ผิดเพี้ยนไปเป็น ‘โรสราเลน’ แต่หล่อนกลับไม่ชอบ ด้วยคำว่า ‘โรสลาเรน’ ในภาษาฝรั่งเศสนั้นแปลว่า ‘กุหลาบราชินี’ ซึ่งฟังดูเลิศหรูและสูงส่งเกินไป เพราะเธอตระหนักดีว่าตัวเองเปรียบเสมือนดอกหญ้าที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวของชาวนาจนๆ หากแต่ความทะเยอทะยานของวัยสาว ก็ผลักดันให้ข้ามผ่านอุปสรรคขวากหนามในชีวิตต่างๆ นานา กระทั่งได้มาพบรักกับเดวิดในที่สุด
“โน่นแน่ะ ขับรถออกไปแล้ว รีบร้อนจะไปหาสาว… บอกว่ารอให้เช้าก่อนแล้วค่อยไปก็ไม่เชื่อ… ดื้อรั้นออกปานนั้น ให้มันได้อย่างนี้สิลูกชายตัวดีของคุณ”
น้ำเสียงกระเง้ากระงอดของรสรินบอกความน้อยใจในตัวลูกชายจนเดวิดผู้เป็นสามีรู้สึกได้
“เข้าใจหัวอกผู้ชายหน่อยเถอะคุณ… ”
“แน่ะ… ยังจะมาเข้าข้างกันอีก ผู้ชายนะผู้ชาย”
รสรินขึงตาใส่สามี
“อย่าลืมว่าคราวนี้มันไปนานตั้งสามเดือน พอกลับมาก็ย่อมจะหิวโซเป็นธรรมดา… ไม่เอาน่าโรส เสือหิวก็เป็นอย่างนี้แหละคุณ เลือดหนุ่มฉกรรจ์มันกำลังแรง”
เดวิดเอ่ยอย่างคนที่เข้าใจหัวอกของผู้ชายด้วยกันเป็นอย่างดี เขาเองก็เป็นอดีตนายทหารของกองทัพบกสหรัฐอเมริกาที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวกลางสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเวลาคิดถึงคนรักที่ต้องอยู่ห่างไกลกันนั้นเลือดหนุ่มมันพลุ่งพล่านได้ขนาดไหน โดยเฉพาะคนที่ต้องไปใช้ชีวิตนอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ในสมรภูมิรบอันแร้นแค้นนานถึงสามเดือนอย่างลีโอ
“นี่คุณ… แทนที่จะช่วยกันห้ามปรามลูกชาย กลับให้ท้ายกันเสียนี่”
รสรินส่งสายตาค้อนขวับให้กับสามีเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน โทษฐานที่เห็นดีเห็นงามไปกับลูกชายที่เพิ่งขับรถพ้นประตูบ้านออกไปด้วยความใจร้อน
“โธ่ โรสจ๋า… คุณก็น่าจะเข้าใจ”
“เข้าใจอะไรคะเดฟ…”
รสรินแกล้งทำเป็นเข้าใจอะไรยากขึ้นมาทันที
“ก็เข้าใจว่าว่าเลือดหนุ่มมันกำลังร้อนรุ่มน่ะสิ
“อิอิ… ” เดวิดทำหน้าทะเล้น แอบหัวเราะอยู่ในลำคอ
“หัวเราะอะไรคะคุณ”
“ก็ลืมไปแล้วหรือว่าตอนที่ผมต้องไปประจำการอยู่ในอิรักนานหลายเดือน ตอนนั้นผมคิดถึงคุณแทบขาดใจ… ลืมแล้วหรือว่าสัปดาห์แรกๆ ที่ผมกลับมาถึงบ้าน… ตอนนั้นเราแทบไม่อยากออกจากห้องนอนกันเลยทีเดียว… ตัวงี้ติดกันเป็นปลาท่องโก๋”
เดวิดเท้าความถึงความหลังเมื่อครั้งยังหนุ่มแน่น
“บ้า… คุณก็ พูดอะไรไม่รู้… เขินนะ”
คำพูดจากปากของสามีทำให้ใบหน้าของภรรยาแดงก่ำไปด้วยความอาย เมื่อย้อนระลึกไปถึงความหลังครั้งวันวานระหว่างเธอกับเขาที่ยังคงหวานชื่นไม่สร่าง ไม่จืดไม่จางมาจนถึงทุกวันนี้
“ผมแค่อยากให้คุณเตรียมใจเอาไว้บ้าง”
“เรื่องอะไรคะ…”
“เรื่องลีโอน่ะสิ อย่าลืมว่าลูกไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะจ๊ะที่รัก ตอนนี้อายุอานามมันก็สามสิบกว่า สมควรที่จะมีครอบครัว มีลูกมีเมียเสียที… หรือว่าคุณไม่อยากอุ้มหลาน”
เดวิดกล่าวให้ภรรยาได้คิด
“เรื่องนั้นฉันไม่เถียงค่ะ แต่ว่า…”
คนอยากอุ้มหลานทำหน้าหนักใจขึ้นมาทันที เมื่อสามีเอ่ยมาถึงตรงนี้
“แต่อะไรจ๊ะ…”
เดวิดเดินเข้ามาสวมกอดภรรยาจากทางด้านหลัง จมูกโด่งเป็นสันกดลงข้างพวงแก้มเปล่งปลั่งของหล่อน
“จั๊กกะจี้ค่ะ… ”
เดวิดจูบอย่างเอาจริงเอาจังจนเส้นขนอ่อนๆ ที่ต้นคอของรสรินลุกซู่ แล้วสุดท้ายหล่อนก็หันไปจูบแสดงความรักต่อเขาเช่นกัน
ในสายตาของเดวิดนั้นรสรินยังสวยไม่สร่าง ทั้งที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานกว่าสามสิบปี หากแต่ความรักที่มีต่อหล่อนก็ไม่เคยจืดจางหรือเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา นับวันมีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่าทวี จึงเป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาคู่นี้มักจะแสดงความรักความหวานชื่นต่อกันอย่างเปิดเผย
“ฉันอยากได้ลูกสะใภ้ก็ใช่ อยากอุ้มหลานอย่างที่คุณว่าก็จริง แต่บอกตรงๆ ว่าไม่ชอบนาตาลีเอาเสียเลย รู้สึกไม่ถูกชะตายังไงก็ไม่รู้”
พูดแล้วก็ส่ายหน้า
แววตาขุ่นข้องของรสรินปรากฏขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ในทุกครั้งที่ต้องเอ่ยถึง ‘นาตาลี’ ผู้หญิงรายล่าสุดของลูกชายที่คบหาดูใจกันมาได้พักใหญ่ๆ
กับสามีที่อยู่กินกันมานานจนลูกชายโตเป็นหนุ่ม รสรินจึงกล้าเผยความในใจอย่างตรงไปตรงมา ด้วยสังเกตเห็นว่านาตาลีเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นตัวเองมากเกินไป อีกทั้งกิริยามารยาทและรสนิยมการแต่งกายของเธอก็ออกไปทางเปรี้ยวจี๊ดจนบางครั้งก็แลดูโป๊ การพูดจาก็ดูจัดจ้าน จริตจกร้านบางอย่างที่รสรินสัมผัสได้ด้วยสัญชาตญาณของมารดาผู้หวงลูกชายก็ทำให้หล่อนออกอาการ ‘คุณแม่ไม่ปลื้ม’ อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามออกไปตรงๆ เพราะรู้ว่ามันจะทำให้ลีโอลำบากใจ
แม้ว่ารสรินแอบตั้งความหวังว่าอยากให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมีครอบครัวเสียที แต่ก็ใช่ว่าจะคว้าเอาผู้หญิงที่ไหนก็ได้มาเป็นสะใภ้ของโดโนแวน และลีโอเองก็ยังสนุกกับการทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอย